คนที่เขาไม่นับถือศาสนาหรือยึดถือบ้างแบบไม่เข้มข้นเขายึดถือความรู้ เหตุผล ใช้สติปัญญาตนเองคิดวิเคราะห์ ตลอดจนหาความหมายของชีวิตโดยใช้ปัญญาได้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แน่นอนว่าเกิดจากการเลือกสรร สั่งสม ผ่านการเรียนรู้ ลองผิด ลองถูกปรับเปลี่ยนบ้าง ยาวนานตามประสบการณ์ของตน
การสร้างปัญญาต้องอาศัยการเรียนรู้จากแหล่งต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นครู อาจารย์ นักคิด นักปราชญ์ รวมทั้งสร้างสังเคราะห์ขึ้นมาเอง ถ้าทางพุทธเขาเรียกว่าเกิดพุทธะในตนในที่สุด
ศาสนาคือองค์ความรู้ที่ถือว่าก้าวหน้าที่สุด มีผลต่อการสร้างอารยธรรมต่าง ๆ ในโลกเราในระดับที่มากที่สุดในโลกทุกวันนี้เมื่อเปรียบเทียบกับความรู้และเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เราเคยมีแต่ในทางหนึ่งศาสนาก็มีส่วนที่ล้าหลัง พ้นสมัยในหลากหลายประเด็น
ศาสนาเกิดขึ้นมานานมากแม้จะมีพัฒนาการตลอดเวลา แต่สุดท้ายคำสอนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับศีลธรรม คุณค่า ความดีงามจึงเป็นสิ่งที่ล้าสมัยไม่เข้ากับบริบทสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองในโลกยุคปัจจุบัน ส่วนที่ขัดแย้งมากล้าหลังมากที่สุดคือคำสอนเกี่ยวกับการตอบคำถามทางธรรมชาติ การกำเนิดของชีวิต การมีอยู่ของโลกและจักรวาลที่วิทยาการสมัยใหม่มีความถูกต้องกว่ามาก ส่วนใหญ่ขององค์ความรู้ในศาสนาถูกวิทยาการสมัยใหม่ปฏิวัติความเชื่อทั้งหลายของมนุษย์แทบจะพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ ความรู้ดังกล่าวคือสิ่งที่เราเรียกว่าวิทยาศาสตร์นั่นเอง
ศาสนาหรือลัทธิต่าง ๆ ในโลกที่เกิดมานับพันปีถูกกระทบมากมายจากวิทยาการสมัยใหม่ในส่วนของการตอบคำถามในทางธรรมชาติ ผู้สอนศาสนาที่ฉลาด ๆ ยุคใหม่เขาจึงพยายามไม่สอนเรื่องอื่นที่นอกเหนือจากเรื่องของ คุณค่า ความดีงาม การดำรงตนอยู่ในกรอบที่เหมาะสมที่เด่น ๆ ในศาสนาของตน หลีกเลี่ยงเรื่องพระเจ้าสร้างโลก หลีกเลี่ยงพูดถึงผีสาง เทวดาโดยไม่จำเป็น
กฏหมายที่แทบจะมีลักษณะความยุติธรรมที่เป็นสากล กฏเกณฑ์ทางสังคม มารยาท สิทธิมนุษยชน คุณค่า ความดีงามทั้งหลายที่เป็นที่ยอมรับร่วมกันทั่วไปในปัจจุบันล้วนมีรากฐานมาจากศาสนาต่าง ๆ ในอดีตทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างไรคนที่เขาไม่ได้นับถือศาสนาใด ๆ ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเขาเป็นคนไม่ดี ใช้ไม่ได้หรือเป็นคนไม่มีหลักการ ไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยว นั่นอาจจะไม่จริง เพราะเขาอาจจะเป็นคนยึดมั่นในกรอบคุณค่าความดีงามสากลโดยไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาใด ๆ ที้งสิ้น
ถ้าเรามีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่นแล้วเราไปถามเขาว่า เขานับถือศาสนาอะไรเขาอาจจะงงแต่พอนึกได้ว่าคนถามเป็นคนไทยเขาอาจตอบเอาใจเราว่า นับถือพุทธเพราะญี่ปุ่นมีวัดพุทธอยู่ทั่วไป แต่ถ้าเราถามคนจีนแผ่นดินใหญ่หรือถามคนรัสเซียส่วนใหญ่เขาจะบอกเลยว่าเขาไม่นับถือศาสนาอะไรเพราะคนในรัสเซียและจีนถูกปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์มาช้านาน ผ่านการปฏิวัติวัฒนธรรมล้างศรัทธาในลัทธิความเชื่อและศาสนาเดิมจนแทบไม่เหลือ คนรุ่นใหม่เขาจึงไม่คุ้นเคยกับลัทธิหรือศาสนาใดมากนัก
ในการบันทึกประวัติบุคคลเท่าที่เคยเห็นในญี่ปุ่น จีน อย่างน้อยสองประเทศนี้เขาไม่มีช่องระบุศาสนา เราจะบอกว่าผู้คนในสองประเทศนี้ใช้ไม่ได้เป็นคนไม่มีหลักการ หรือหากจะบอกว่าเป็นคนเลื่อนลอยไม่มีหลักยึดเหนี่ยว ไม่มีแรงบันดาลใจคงไม่เป็นความจริงทั้งหมดแน่ ๆ
โลกทุกวันนี้มีการติดต่อปฏิสัมพันธ์ข้ามวัฒนธรรมกันไปทั่ว ความคิดที่ว่าคนไม่มีศาสนาหรือไม่นับถือศาสนาเป็นคนไม่ดี เป็นคนไม่มีหลักการจะกลับกลายเป็นเราเป็นคนแย่ไปเสียเองต้องระวังให้มาก
ลองศึกษาชีวประวัติของคนที่เป็นพวกประกาศตนว่าไม่นับถือศาสนาใด ๆ เช่น อัลเบิร์ต ไอสไตน์ ที่บอกว่าตนเองเป็นพวก religious nonbeliever(แต่ยกย่องอย่างสูงกับคุณค่าทางศาสนา) ลองดูการดำเนินชีวิตของคนที่ประกาศตนเองเป็น Atheist(ไม่เชื่อในพระเจ้า) พวก Agnostic(ไม่ยุ่งเกี่ยวกับศาสนาใด) หรือพวก philanthropist(บริจาคเงินการกุศลโดยไม่เกี่ยวกับความเชื่อในศาสนา) คนพวกนี้จำนวนมากเป็นคนดี ๆ ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงและมีจำนวนมากที่สร้างคุณประโยชน์มากมายให้กับชาวโลก
โฆษณา