8 ก.ย. 2021 เวลา 05:12 • ไลฟ์สไตล์
หนักกว่า HIV ... ก็คือ " สติที่ฟุ้ง " (1/2)
เรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้
เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ( ปี พ.ศ.​2559 )
เป็นเรื่องราวที่ไม่คิดไม่ฝัน
และไม่..อะไรต่อมิอะไร อีกมากมาย
ถึง ณ วันนี้ แม้มันจะผ่านมาเนิ่นนานพอสมควร
แต่ก็ไม่อาจทำให้เราลืมเรื่องในวันนั้นไปได้เลย
เรื่องแบบนี้ ถ้าเกิดขึ้นกับใคร
ก็เชื่อว่า ใคร ก็คงไม่ลืม .. เช่นกัน
วันนั้น เป็นวันศุกร์ที่ 22 เมษายน ปี 2559
เป็นวันศุกร์ธรรมดาๆ วันหนึ่งที่เราต้องทำงาน
ตามประสามนุษย์เงินเดือน
จำได้ดี ว่าเป็นช่วงเวลาบ่าย ประมาณ 15.15 น.
ขณะกำลังง่วนอยู่กับการทำงานที่กึ่งเคร่งเครียดนิดๆ
โทรศัพท์เบอร์แปลกที่ไม่คุ้นเคย
ขึ้นต้นด้วย 02-XXX XXXX สายหนึ่ง
ก็ทำให้เราช็อก สตั้นไปหลายวิ
 
" สวัสดีค่ะ คุณ....ใช่ไหมคะ "
 
" สวัสดีครับ พูดสายอยู่ครับ
ไม่ทราบว่าจากที่ไหนครับ "
 
" สภากาชาดไทยค่ะ "
 
!!!
" ดfoพdureกfdทdสdfภตmพdก่าfddfดสภ้คต่ากดืร
 
ดก่สfdด่fdาfด่นfวdfdพภีfdถตdด่ f4tdhก’/าสด่ำดนส "
เราจำคำพูดประโยคเดิมไม่ได้หรอก
ว่า เจ้าหน้าที่ที่โทรมาพูดอะไรบ้าง
 
แต่จับใจความได้ประมาณแค่ว่า
 
" คนไข้ที่ได้รับเลือดจากคุณไป มีอาการค่ะ
อยากให้คุณกลับมาเจาะเลือด เพื่อเช็กเลือดใหม่อีกครั้ง "
" มีอาการ คืออาการอะไรครับ "
" ไม่ทราบค่ะ คุณหมอไม่ได้แจ้งรายละเอียดมานะค่ะ
บอกแค่ว่า เลือดที่ได้รับบริจาคมา อาจจะมีปัญหา
ให้ติดต่อเจ้าของเลือด กลับมาเช็กเลือดใหม่ "
" เลือดผมมีปัญหา ? "
 
“ ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ค่ะ คนไข้ได้รับเลือดไป 2 เคส ....
.... คุณหมออยากให้เข้ามาเจาะเลือด
เพื่อเช็กใหม่ทั้งสองเคสเลยค่ะ
เพราะตัวอย่างเลือดที่เรามี ใช้ไปหมดแล้ว "
วินาทีนั้น เราเหมือนหายไปจากโลกความเป็นจริง
นอกจากใจที่เอ๋อไปชั่วขณะ
ความคิดฟุ้งซ่านก็ตามมาติดๆ
 
ที่สำคัญ งานมโนก็มา
 
" เอชไอวี "
 
" เลือดบวก "
 
" ไวรัส "
" AIDS "
" Fบfด伤กดืdด呃dfภตm ...
... พdก่า不fdfดสภ้คต่า恶พ额รด "
เราเริ่มคุยกับตัวเองไม่รู้เรื่อง
และ ไม่รู้ว่าเป็นนานแค่ไหน
 
จนกระทั่งได้สติอีกที
ตอนที่เจ้าหน้าที่ถามเสียงดังกว่าเดิม
 
" คุณคะ ยังฟังอยู่ไหมคะ
ไม่ทราบว่า..สะดวกเข้ามาวันไหนคะ ? "
ตอนนั้น เราตอบกลับไปแค่ว่า
" ช่วงนี้ ถ้าเป็นเสาร์หรืออาทิตย์ ไม่สะดวกอ่ะครับ
 
ติดไปธุระต่างจังหวัดและต่างประเทศต่อเนื่อง
ยาวตลอดทั้งเดือนนี้และเดือนหน้า
ถ้าวันปกติธรรมดา ก็ไม่สะดวกลางานไปครับ "
...
...
" อ่า ... ถ้างั้น ไม่เป็นไรค่ะ
รอดูผลเลือดของอีกเคสนึงก่อนก็ได้
ถ้าผลตรวจออกมา เจอที่เคสของเขา
คุณก็ไม่ต้องเข้ามา ก็ได้ค่ะ
........ fดกdสdfดสdeภ้คต่า ........
ขอบคุณค่ะ "
หลังจากวางสายเจ้าหน้าที่สภากาชาดไป
บ่ายเกือบเย็นวันนั้น
เหมือนสติในการทำงานของเรา หายหมด
 
ตลอดเวลาหลายปี ที่เราบริจาคเลือดมา 30 ครั้ง
ไม่เคยมีครั้งไหนเลย
ที่ได้รับการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่ แบบนี้
 
ซึ่งก็ไม่เคยคาดหวังมาโดยตลอดด้วย
ว่าจะต้องได้รับการติดต่อกลับมา
 
แต่ครั้งนั้น .... !!
งานมโนของเรา
ยังคงทำงานต่อเนื่อง และเยอะ
เยอะเกินกว่าที่ใจจะห้ามไหว
 
ช่วงวินาทีต่อมา
จู่ๆ ความคิดหนึ่ง ก็ลั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
 
" เพี๊ยง ..... ขออย่าให้เป็นกูเล๊ยยยย "
ขอบคุณเครดิตภาพจากเว็ป pixabay.com
ขณะยังไม่ทันสิ้นสุดความคิดนั้นดี
อีกหนึ่งความคิดก็แล่นขึ้นมาขัดทันที
 
" นั่นหมายถึงว่า กู
จะไม่ยอมเป็นเหยื่อความโชคร้ายงั้นสิ
กู เลือกที่จะเมตตากับตัวเอง
แทนที่จะเมตตาต่อเขาคนนั้น ที่กูไม่รู้ว่าเป็นใคร
 
... ช่ะม่ะ ?? "
สติยั้งคิด ของเรากลับมาอีกครั้ง
เมื่อตอนที่เริ่มเห็นชัดขึ้น
ว่า " ความเมตตาในใจเรา .. มันหดหายไป "
หรือมันจะจริง ??
กับสิ่งที่เราเคยคิดมาโดยตลอด
 
" คนเรา เวลาที่ภัยอันตรายมาเยือนแบบจวนตัว
ถ้าไม่เคยได้ฝึกจิตแผ่เมตตามาก่อน
ก็คงไม่แตกต่างอะไรกับคนเห็นแก่ตัว
ที่เลือก เอาตัวรอดก่อนคนอื่น .. เสมอ "
...
...
หลังจากวันนั้น ด้วยความที่ไม่อยากเครียด
เราก็เลยพยายามคิดบวก
พยายามไม่เชิญงานมโนมาอยู่ด้วย
แต่ในหลายๆ แว๊บของความคิดและความรู้สึก
เรา ก็ยังอดคิดไม่ได้อยู่ดี
คือมัน ...
โคตรจะมากมายต่างๆ นานา
ทั้งสับสน ทั้งว้าวุ่น ทั้งหวาดกลัว
ทั้งใจดีสู้เสือ ปลอบใจตัวเอง ฝืนใจยอมรับความจริง
เยอะแยะเต็มไปหมด
ทั้งสนับสนุนกันเอง ทั้งสู้รบปรบมือกันเอง
 
แต่หนึ่งในความคิดที่คิดมาก
และโผล่ขึ้นมาย้ำๆ ถี่ๆ ไม่หายก็คือ
 
" ตกลง
กูต้องโชคดี หรือ กูควรเมตตา "
...
...
เช้า วันจันทร์ที่ 25 ( เมษายน ปี 2559 )
สามวันให้หลัง จากวันตกนรก (ในใจ)
 
เบอร์โทรศัพท์ที่แปลกๆ แต่เริ่มกำลังจะต้องคุ้น
ก็โชว์ขึ้นบนมือถือเราอีกครั้ง
วินาทีที่เห็นเบอร์โทร 02-💀💀💀 💀💀💀💀
บานประตูแห่งความกังวล
ก็เปิดกว้าง ต้อนรับเราอย่างเต็มที่ เต็มโชว์
 
โชว์แบบไม่นึกไม่คิดจะถามกูก่อนล่วงหน้าสักหน่อย
ว่าเตรียมใจฟังคำตอบอะไรแล้วหรือยัง ??
หลังจากที่ทำใจ จ้องเบอร์โทรศัพท์ในมือถืออยู่นาน
จนสุดท้าย ก็ต้องจำใจกดรับด้วยความรู้สึก
ที่ทั้งตื่นเต้น ไม่ยินดี และหวาดกลัว
 
" สวัสดีค่ะ คุณ... นะคะ
ตกลง คุณสะดวกเข้ามาเจาะเลือดอีกที เมื่อไรคะ
ที่ต้องโทรกลับมาหาคุณอีก
เพราะว่า เลือดของอีกเคสนึงที่บริจาคมา
เ ลื อ ด เ ค้ า .. ไ ม่ มี ปั ญ ห า ค่ ะ "
ขอบคุณเครดิตภาพจากเว็ป pixabay.com
Fบfดสา不fddfภ้คต่า恶พ
额รดด伤กดืdด呃dfภต好m ...พdก่
 
" เชี้ยยยย ...... !!
หรือประตูที่เปิดอ้าซ่าต้อนรับกู
มันคือ ประตูนรก .. ว่ะ "
มันไม่ได้เป็นคำพูดที่เราพูดโต้ตอบกับปลายสายหรอก
แต่มันคือความคิดที่ผุดโผล่ขึ้นมา ทั้งเร็วทั้งแรง
แบบไม่ทันตั้งตัว
" นี่กูโชคร้าย หรือกูมีจิตเมตตา ว่ะเนี่ย "
ความคิดที่กระโดดโผล่ออกมาหลังความช็อก
ซึ่งถ้าเป็นพวกหนังยุคใหม่
ก็จะมีพวกซีจี เอ็ฟเฟ็กต์ ต่างๆ
เด้งขึ้นมา ป๊อปอัพชึ้นมา
สร้างความตื่นเต้นให้ผู้ชมที่เกาะติดหน้าจอ
แบบลุ้นตัวโก่ง หรืออึ้งหงายหลัง
ภาพในสมองและความคิดเรา ก็เช่นกัน
AIDS กับ HIV สองคำนี้
ปั้ง ปั้ง ปั้ง รัวถี่ๆ ตัวใหญ่เบ้งๆ
เต็มหัวสมองเราไปหมด
" กู ต้องทำไง "
" แล้วชีวิตกูจะยังไงต่อ "
" กูต้องบอกใครยังไง "
" กู ๆๆๆๆๆๆๆๆ "
มาเต็มไปหมด
" ทำไม ? ต้องเป็นกู "

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา