15 ก.ย. 2021 เวลา 01:08 • ไลฟ์สไตล์
หนักกว่า HIV ... ก็คือ " สติที่ฟุ้ง " (2/2)
" ใช่ !! ทำไม ? ต้องเป็นกู "
คำถามที่ยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของเรา ซ้ำๆ ซากๆ
แม้ช่วงหลายวันก่อนหน้าที่จะถึงวันนี้
เราจะพยายามคิดบวก คิดขำๆ
บอกกับตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่า
" ไม่แย่ขนาดนั้นหรอก "
" ไม่หรอก ...​ มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ "
" ฟ้า ... คงไม่เล่นตลกกับเราแรงขนาดนี้หรอกมั้ง !! "
ซึ่งตลอดเวลาที่เราพยายามคิดบวกอยู่นั้น
เราไม่รู้ตัวหรอก ว่าตกลง คือ
ช่วยลดทอน ตัดความกังวล
หรือยิ่งทำให้เพิ่มความกังวลกันแน่
" แต่วันนี้ ตอนนี้ .. ขอที อย่าเอ่ยอะไร
ยังไม่ทันเตรียมใจ .. จะฟัง "
 
บ่อยครั้งมาก ที่จู่ๆ เนื้อเพลงท่อนนี้
ก็ดังขึ้นมาในใจเรา
 
" ... ก็..ไม่ทันตั้งตัว กลัวใจรับไม่ทัน ... "
Fบfดสา不fddfภ้คต่า恶พ
额รดด伤กดืdด呃dfภต
" แล้วไม่ทราบว่า สะดวกจะเข้ามาเจาะเลือดเมื่อไรดีคะ ?? "
 
เสียงถามของเจ้าหน้าที่ที่กระชากสติเรากลับมาอีกครั้ง ดังขึ้น
ในขณะที่เรากำลังปล่อยให้งานมโน
เข้ามาเยี่ยมเยือนใจในฐานะแขกไม่รับเชิญ
 
" งั้น เดี๋ยวผมขอเช็กเวลา แล้วโทรแจ้งกลับไปอีกที ละกันนะครับ !! "
 
" ได้ค่ะ ไม่ต้องกังวลอะไรนะคะ .. แค่มาเจาะเลือดปกติค่ะ "
ซึ่งจากประโยคที่เจ้าหน้าที่พูดกับเรา ณ วินาทีนั้น
บอกตรงๆ เรา .. ไม่รู้ว่า
ควรจะตอบเธอว่า " อึมม !! "
 
หรือควรจะบอกเธอว่า " หรอ !! " ดี
 
" รใด伤กดืdด呃dfภต坏 ?? "
 
 
เฮ้ออออออ !!
เที่ยง วันอังคารที่ 26 เมษายน (ปี 2559)
เราใช้ช่วงเวลาพักทานข้าว (เพราะเป็นวันทำงานปกติ)
บึ้งรถคู่ใจไปสภากาชาดไทย ด้วยใจที่ไม่เป็นสุข
...
...
แม้ระยะทางจากที่ทำงานกับสภากาชาด
จะไม่ได้ไกลกันมากเท่าไร
แต่ด้วยมวลความคิดที่บ้าบอรกสมอง
ผุดโผล่มาหลอกหลอนตลอดทาง
จึงทำให้รู้สึกว่า ทำไมมันนานจัง
กระทั่งเมื่อจอดรถเสร็จ
เดินไปตามทางที่ได้สอบถาม
กับทางเจ้าหน้าที่ ว่าจะต้องไปที่ตึกไหน ตรงไหน ยังไง
ความรู้สึกที่สัมผัสได้ ณ ขณะนั้น
ไม่แตกต่างกับ คนๆ หนึ่งที่เหมือนกำลังจะตาย
เตรียมเดินเข้าสู่ประตูมรณะ ยังไงยังงั้นเลย
เมฆหมอกดอกไม้ สองข้างทาง
รถที่จอดนิ่ง ผู้คนที่ขวักไขว่ ฯลฯ
ไม่ได้ทำให้ใจเบิกบานหรือตื่นรู้อะไรทั้งสิ้น
ว่าเดินผ่านอะไรมา
จนมาถึง ห้องที่เจ้าหน้าที่ท่านนั้นบอก
เป็นห้องกว้าง เตียงเพียบ
แต่ตอนที่กวาดตามองเข้าไป
มีเพียงเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง
กับบรรยากาศห้องที่ไม่ได้สว่างมาก
" เชิญค่ะ คุณXXX ที่นัดไว้ใช่ไหมคะ "
" ใช่ครับ "
" หาไม่ยากใช่ไหมคะ
พอดี เป็นช่วงพักเที่ยงค่ะ ก็เลยไปทานข้าวกันหมด "
" อ้อ ครับ ...​ ว่าจะถามอยู่พอดี
ทำไม ไม่มีใครเลย "
ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์
เราก็เลยทำใจกล้า ถามเจ้าหน้าที่
เจ้าของเสียงกระชากวิญญาณ หน้าตายิ้มแย้ม
ด้วยความรู้สึกที่อยากคลายความกังวล
 
" เอิ่ม ... โทษนะครับ รบกวนช่วยอธิบายอีกที ได้ไหมครับ
ที่ว่าคนไข้รับเลือดผม กับอีกเคสไปใช้
แล้วมีอาการ .. คือมันยังไงครับ ?? "
 
" อ๋อ ค่ะ !! ... บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ... "
ขอบคุณเครดิตภาพจากเว็ปในกูเกิ้ล
" ... แต่คุณไม่ต้องกังวลนะคะ
คือเลือดของคุณไม่ได้มีปัญหาค่ะ
 
ไม่ได้ติดเชื้อ ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงค่ะ
 
แค่คนไข้ที่รับเลือดของคุณ กับอีกเคสนึงไปใช้
แล้วเกิดมีอาการ ซึ่งตอนนี้คุณหมอเจ้าของไข้ ก็มีวิธีแก้ไขไปแล้ว
 
คนไข้เองตอนนี้ก็ปกติทุกอย่างนะคะ
แค่คุณหมออยากรีเช็กว่า
อาการของคนไข้ที่เป็น เกิดจากเลือดของเคสไหน เท่านั้นเอง "
ตอนนั้น เราคิดสวนในใจ
" แล้วก่อนหน้านี้เป็นอาทิตย์
ไม ไม่อธิบายให้เคลียร์แบบนี้ว่ะ
 
โทรถามกี่รอบ ก็ตอบแบบเดิมทุกครั้ง
 
ถามอะไรไปเยอะแยะ ก็ตอบกลับมาแค่ว่า
" ต้องเข้ามาเช็กค่ะ "
พdureกfdทdสdfภตสภ้คต่ากดืร
ดก่สfdด่fdาfด่นfวdfdพภีfdถตdด่ "
" อึ่มมม !! "
เสียงในใจเรา ดังขึ้นอย่างเงียบๆ กึ่งๆ ประชดเธอ
 
" แหม่มมมมมมม เจ๊ ....
เจ๊ก็เล่นปล่อยกูนอนกังวลซะหลายคืนเลยน้าาาา !! "
ยังไม่ทันที่ความคิดในสมองจะแล่นอะไรต่อให้วุ่นวาย
เสียงเจ้าหน้าที่ก็ดังขึ้นทำลายงานมโนเราทันที
" เดี๋ยวคุณรอผลเลือดอีกที ไม่เกินวันศุกร์นี้นะคะ "
 
" คร๊าบบบ .. ขอบคุณครับ !! "
 
" คร๊าบบบ " ของเราตอนนั้น
เรา แอบลากเสียงยาวเล็กน้อย
 
เพียงเพื่อจะสะกิดใจเจ้าหน้าที่หน้ายิ้มแย้มคนนั้นได้รู้ตัวบ้าง
 
ว่า " กูกังวลแทบตาย แต่มึงปลอบใจกูแบบชิวมากกกก !! "
" ระหว่างนี้ ก็ไม่ต้องคิดมากนะคะ ไม่มีอะไรน่ากังวล "
เราก็นึกขำในใจ นี่ถ้าเป็นเดี่ยวโชว์ของโน้ตอุดม
เขาคงตอบเจ๊ไปแล้ว ว่า
 
" หรา ........ มึงไม่บอกตั้งแต่วันนั้นเลยอ่ะ
ปล่อยกูเครียด .. ปล่อยกูกังวลแทบตาย !! "
fdทdสdfภตmพdก่าfddfดส
แต่จะว่าไป งานมโนของเรานี่ก็ใช้ได้เลยนะ
 
รู้ทั้งรู้ว่า เลือดเรา ไม่ติดเชื้อแน่นอนอยู่แล้ว
เราเองไม่ได้มีพฤติกรรมเสี่ยง ไม่ได้เถลไถลซุกซน
 
อีกอย่าง ถ้าเลือดเราจะมีปัญหาจริง
หมอหรือพยาบาลไหน ก็คงไม่เอาไปใช้ก่อน
แล้วค่อยมาตาม เชิญกลับไปรีเช็กเลือดอีกครั้ง แน่
 
แต่ก็ไม่วาย ที่ใจจะคิดเยอะ คิดมาก
ยัดเยียดโน่นนี่นั่นเข้ามา
ให้มันพยายามเป็นปัจจัยว่า
เลือดเรามีปัญหา หรือเปล่ากันแน่
คิดแม้กระทั่งว่า นี่ดีนะ ที่ตอนนั้น
แม่ของน้องที่ออฟฟิศ ป่วย
และต้องการเลือดที่เป็นกรุ๊ปเดียวกับเรา แบบด่วนมาก
แต่ด้วยเวลาที่เราจะบริจาคเลือดอีกครั้ง ณ วันนั้น
มันยังไม่ครบสามเดือน
ซึ่งพอถึงกำหนดที่จะให้เลือดได้ใหม่อีกครั้ง
หลังจากสอบถามน้องคนนั้นกลับไป
ก็ปรากฎว่าปริมาณเลือดที่แม่ของน้องเค้าต้องการได้ เพียงพอแล้ว
 
นี่ถ้าเราบริจาคเลือดแบบระบุชื่อให้แม่ของน้องเค้าไป
ป่านนี้ คนทั้งออฟฟิศ เขาจะมองเรา
เหยียดจากเส้นผมสีขาว แซมเทา ปนดำ
ลากปลายตา ผ่านทุกอณูรูขุมขน
ไล่ลงมาจนถึงนิ้วโป้งเท้าที่เป็นเล็บขบทั้งสองข้าง
ด้วยแววตาที่รังเกียจ ขนาดไหน
นี่แหละ กระบวนท่าเด็ดของเจ้า " มโน "
 
ซึ่งเราเชื่อว่า หลายๆ คน ก็น่าจะเคยเจอและเคยเป็นแบบเรา
 
คือ ชอบคิดฟุ้งไปไกล คิดเองเออเอง
และที่สำคัญ คิดลบเสียด้วยสิ
 
...
 
...
ขอบคุณเครดิตภาพจากเว็ป pixabay.com
บ่ายวันนั้น เรากลับมาทำงานต่อ
ด้วยความรู้สึกกึ่งสบายใจกึ่งกังวล
 
" ก็ไม่รู้สินะ .. ว่าผลเลือดจะออกมายังไง ?? "
 
เป็นใคร เจอเหตุการณ์แบบนี้ ก็เครียดเหมือนกันป่ะ !!
ต่อให้มันจะไม่รุนแรงอย่างที่ มโน เคยพาไป ก็ตามทีเหอะ
 
 
 
ที่สำคัญ ตลอดช่วงเวลาระหว่างที่รอคำตอบลุ้นระทึกอยู่นั้น
ถึงแม้เราพยายามจะไม่จดจ่อ ครุ่นคิด จิตตก กังวล
แต่ก็รู้ตัวตลอด ว่าก็แอบจิกกัดความรู้สึกตัวเองไปไม่น้อยเช่นกัน
 
" นี่ตกลง กูควรโชคดี หรือ กูต้องเมตตา "
" หรือเจ้ากรรมนายเวรที่เราอธิษฐานไว้
ว่าจะอุทิศผลบุญไปให้ (ถ้าพอจะมี) เขาไม่ยอม ??
เขาเข้าใจผิด ?? หรือเขาไม่อโหสิกรรมให้ ?? "
 
封พdkfudoาีดนก่ส疆LKสากดตนกf;dp大
吏fkldfkd题 uv 内fjdflj存卡;utj'
เช้า วันศุกร์ที่ 29 เมษายน (ปี 2559) กับเวลา 09.12 น.
เบอร์โทรศัพท์เบอร์เดิมโชว์ขึ้นอีกครั้งบนมือถือ
เราลุ้นตัวโก่ง ท่ามกลางเสียงน้องๆ พี่ๆ ในออฟฟิศ
ที่คุยกันดังสนั่น ลั่นห้อง ประหนึ่งโลกจะแตก
แต่โลกทั้งโลกของเราเอง
มันกลับ นิ่ง เงียบ สงบ ไม่มีเสียงใดๆ รบกวน
ราวกับว่า พระเจ้าได้หยุดสรรพเสียง
ที่ควรเล็ดลอดออกมา ณ เวลานั้น
เพียงเพื่อให้คำตอบความจริง ที่เราควรต้องรู้
มันดังขึ้น อย่างเป็นเรื่องเป็นราว และ ชัดเจน
ซึ่งก็ไม่รู้ ว่าจะทำให้เราดีใจ หรือเสียใจ
" เอิ่ม คุณ XXXX คะ เลือดของคุณ
 
...
 
...
 
...
 
...
 
ไม่มีปัญหานะคะ ปกติทุกอย่างค่ะ "
เอ็ฟเฟ็กต์ตัวหนังสือขยายฟ้อนต์ อย่างใหญ่ถึงใหญ่มาก
ปรากฏขึ้น บนหน้าจอประสาทรับรู้ทางจักษุของเรา
 
รัว เร็ว และน่าตื่นเต้น
 
ตึ่ง !!
 
ตึ่ง !!
 
ตึ่ง !!
 
" ไม่มีปัญหานะคะ ปกติทุกอย่างค่ะ "
 
" ไม่มีปัญหานะคะ ปกติทุกอย่างค่ะ "
เรารีบยัดเยียดความเมตตาให้กับอีกเคสทันที
 
" อ้าว ก็ไหนบอกว่า เลือดของอีกเคสก็ไม่มีปัญหา
แล้วคนไข้จะเกิดอาการได้ยังไงอ่ะครับ ?? "
" เอิ่ม คือคนไข้รับเลือดไปทั้งหมด 8 เคสค่ะ
ซึ่งจากที่รีเช็กเลือดไปแล้วครึ่งหนึ่ง ก็ไม่มีปัญหาหมดเลย
หมอกำลังรอดูผลอีก 4 เคสที่เหลือ
 
บลาๆๆๆๆ ...................... "
 
เสียงแย้งในใจเรา แอบดังขึ้น
ขัดกับเสียงที่เคยกระชากวิญญาณเรามานานเกือบสองอาทิตย์
 
" ง่ะ !! ... ตอนแรกบอกเราสองเคส
ตอนนี้โผล่มาเป็นแปดเคส ... ไงว่ะเนี่ย !! "
...
...
" คุณ ... สบายใจได้นะคะ เคสของคุณปกติค่ะ
ครั้งหน้า ก็ยังบริจาคเลือดได้ปกตินะคะ
...... บลาๆๆๆๆ ..... สวัสดีค่ะ "
 
" ค่าาาาาาาา .............................. คุณเจ้าหน้าที่ "
เรา แอบตอบเธอในใจเบาๆ แต่ชัดเจนในคำ
แต่ก็ไม่รู้ว่า เสียง ค่าาาาา...ที่เราแอบตอบไป
ถ้าเธอได้ยินจริง มันจะเป็นเสียง " ฆ่าาาาาาา ........ " หรือเปล่า
ณ เวลานั้น
เรารู้สึกสบายใจขึ้น โล่งอก
อาจจะเพราะได้ยกออก (ไม่เกี่ยวกับเพลงนะครับ)
จำได้ดี ความรู้สึกตอนนั้น
คือ อยากขอบคุณทุกสิ่งอย่าง
แต่ไม่รู้จะพูดขอบคุณยังไง
รู้แต่ว่า อยากขอบคุณเหตุการณ์ ขอบคุณความรู้สึก
ขอบคุณเวลาในช่วงสองอาทิตย์นั้น
ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณเบื้องบน
ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอบคุณเจ้ากรรมนายเวร
ขอบคุณตัวเอง ขอบคุณความฟุ้ง ขอบคุณงานมโน
 
และขอบคุณอะไรต่อมิอะไรมากมาย
ที่เป็นเหตุปัจจัยของเรื่องราวที่เกิดขึ้น
 
และจบลงด้วยดี ( สำหรับเรา )
 
ซึ่งท่ามกลางความรู้สึกขอบคุณต่างๆ นานานั้น
ก็ยังอดย้อนคิดไม่ได้
ถ้าคำตอบที่เราได้รับล่าสุด
คือเลือดของเราและเคสอื่นที่เช็กมา ไม่มีปัญหา
แล้วต้องรอดูผลเลือดของเคสที่เหลืออีก 4 คน !!
 
ตกลง " ความเมตตาในใจเรา มันหายไปไหน หรือเปล่า ?? "
หรือพวกเขาก็โชคดีเหมือนเรา
เพียงแต่มีบางเหตุปัจจัยที่เราคาดคิดไม่ถึง
ช่วยดลบันดาลให้ทุกสิ่งอย่าง ลงเอยด้วยดี
หรือตั้งแต่ต้น เรา ก็ไม่เคยมีความเมตตากับใครเลย
นอกจากตัวเอง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา