11 ก.ย. 2021 เวลา 00:46 • ปรัชญา
การที่จะสิ้นสุดการเกิดได้ มันต้อง คลี่คลาย ไปถึงคำว่า ธาตุทั้งสี่ เรื่องของธาตุที่เป็นกรรม ที่จิตของตนได้กระทำสะสมมามากมายก่ายกอง กว่าพัฒนาได้มาเป็นสังขารกรรม ได้มาเป็นมนุษย์ เมื่อได้สังขารที่เป็นมนุษย์ การกระทำ ความรู้สึก นึกคิด อะไรต่างๆ ทั้งหลาย ก็ถูกเก็บบันทึกไว้ กับแม่ทั้งสี่ เก็บทับซ้อนไปซ้อนมา เหมือนเครื่องบันทึกที่โลกเค้าสร้างกัน บันทึกทับไปทับมา เหมือนกับเราทาสีซ้ำไปซ้ำมา จนมันหนาพอกพูน เพราะไม่เคยที่จะกระทำสะสางเรื่องเหล่านี้ พอมีความคิดอยากจะสิ้นสุด เหมือนกรรม มันกดทับ เพราะสิ่งที่สะสมไว้ กับแม่ทั้งสี่เริ่มแสดงผล มันพร้อมมันประทุ ออกมาก็คิดทำลายสังขารก็มี ก็เป็นกรรมหนักเข้าไปอีก
เรื่องราวของกรรมเป็นเรื่องสลับซับซ้อน แม้แต่เรื่อง ของพระองคุลีมาร ท่านก็เป็นผู้ที่ที่มีปัญญาไวมาก เพราะท่านสะสมมามาก แล้วเรื่องราวของชาติสุดท้ายของท่าน ก็มีการเคลียร์หนี้สินกัน ผู้ที่เคยทำร้ายท่าน ก็ต้องมาให้ท่านชำระสะสางบัญชีกัน ไม่มีอะไรติดค้างกัน ซึ่งเรื่องหนี้สินบัญชีกรรมก็เป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจ เมื่อเราปฏิบัติธรรม เข้าใจเรื่องของกรรม กงกรรมกงเกวียน ที่หมุนเปลี่ยนไป เรื่องราวที่เก็บสะสมกับพระแม่ทั้งสี่ พระแม่พระธรณี พระแม่พระคงคา พระแม่พระเพลิง พระแม่พระพาย (การที่เรียกพระแม่ เพราะเป็นผผู้มีพระคุณแก่จิตของเรา)หรือบางทีก็เรียกว่าดินฟ้าอากาศ แสดงออกมาให้เป็นไปตามกรรม ที่เราเคยทำไว้ เหมือนเค้าฆ่าเรา เราฆ่าเค้า จองเวรกันอยู่อย่างนี้ ไม่เกิดอโหสิกรรมสักที
เมื่อเรามาสร้างบุญสร้างกุศลบารมี บุญบารมีก็ทำให้เกิดมีเรื่องราวของแสงรัตนะ เรื่องของแสงรัตนะ ก็จะไป ล้างสีเวรสีกรรมที่เราทาทับลงไปกับแม่ทั้งสี่ (สีเวรสีกรรมเหล่านี้ ที่นำพาจิตของเราไปสู่สังขารต่างๆ ตามภพภูมิมิติของกรรม)ค่อยๆ ละลายออกไป ทำให้เกิดเป็นการอโหสิกรรมเกิดขึ้น เมื่อทำได้มากขึ้นๆ จนจิตนี้สว่างไสวด้วยแสงรัตนะ เรื่องราวของกรรม ที่ทำให้จิตหลงใหลออกมาจากแม่สี่เป็นอารมณ์นานาชนิด ให้เกิดมาเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ไม่มีแล้ว ตรงนั้นแหละ ที่จิตจะเป็นธรรม ธาตุก็เป็นธรรม วิญญาณทั้งหกก็เป็นธรรม เหมือนเป็นแก้วเจียรไน จบสิ้นการเกิด
รอยที่จะประพฤติปฏิบัติ ชำระสะสาง เรื่องราวของกรรมดีกรรมชั่ว ก็รอยขององค์พระสิทธัตถะ รอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปฏิบัติด้วย กิริยาเดินสมาธิ ยืนสมาธิ นั่งสมาธิ นอนสมาธิ เพื่อจุดเทียนธรรม ส่องสว่าง ภายในกายในจิตของตน เพื่อชำระสะสางสิ่งที่สกปรกรุงรัง ที่สะสมไว้กับแม่ทั้งสี่ ให้เกิดมีความสะอาดสะอ้าน จิตก็ไม่ต้องมีทุกข์ กับสิ่งรกรุงรัง
รอยทั้งสี่ขององค์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ว่าจะเดินตามทำขึ้นมาได้ง่ายๆ บุญกุศลบารมีไม่เพียงพอ ก็ล้มระเนระนาด ไม่สามารถประคับประคองจิตเดินตามรอยนี้ได้ เพราะว่ากรรมที่เคยกระทำมา คอยประทุขึ้นมาทักท้วง สติไม่มี ความเพียรไม่มี ขันติไม่มี ไม่เข้าใจว่าจิตตัวเองต้องการหนีกรรม หนีทุกข์ หนีตัวหลง หลงแล้วก็เห็นตัวเองดีแล้ว อวดเก่งอวดดี บางทีทำไปแล้ว ถึงทางตันเสียแล้ว
ถึงทางตัน..ไม่เอาดีกว่า ความวิบัติเกิดขึ้น หันกลับไปหาเรื่องราว สรรเสริญเยินยอ เวทมนต์คาถาต่างๆตะกรุด ผ้ายันต์ หมอดูทำนายทายทัก เอารูปสัตว์ไปบูชาแล้วจะดี เอาไปกันไอ้โน้นไอ้นี่ ให้มันมีกรรม จรเข้ไอ้เข้บ้าง..สารพัดสัตว์สรรหามา เอาผีมาใส่ตุ๊กตาให้คนหลงเข้าไปอีก ให้เป็นเวรกรรมจมอยู่กับอะไร..มาครองตนเป็นนักบวชในศาสนา อ้างศาสนาบังหน้า อ้างเอาศาสนามาขายกิน จะหากินเยี่ยงอย่างสัตว์เดรัจฉาน ดีชั่วไม่รู้ มุ่งมั่นกับเรื่องกินยศฐานบรรดาศักดิ์สรรเสริญเยินยอ แล้วเป็นยังไง มีสุขสงบมั้ย ใครทำให้ผู้อื่นเค้าหลงใหล ตัวเองก็หลงแต่ก็ไม่รู้ตัว เพราะกรรมมันปิดตาเสียแล้ว ก็มีให้ดูมากมาย ไปเดินทางสัตว์เดรัจฉาน เดรัจฉานวิชาดีกว่า สนุกสนานเพลิดเพลิน ด้วยอารมณ์กรรมนานาชนิดกดจิตให้จมลงๆๆ จิตถูกปิดสนิทดีชั่วไม่รู้แล้ว ไม่ต้องผุดเกิดมาอีกนาน ไม่ต้องมาอาศัยโลกมนุษย์ เก็บกวาดโลกมนุษย์ ไว้ให้จิตดี มาเกิดสร้างบุญกุศลบารมี
โฆษณา