11 ก.ย. 2021 เวลา 14:13
⭕กลับมาเกิดใหม่เพื่อไขคดีฆาตกรรม...
เรื่องราวของเด็กชายชาวอินเดียที่มักจะพูดถึงครอบครัวและเรื่องราวในอดีตชาติของตัวเอง ในตอนแรกไม่มีใครใส่ใจในคำพูดของเขานักเพราะคิดว่าคงจะพูดเรื่อยเปื่อยตามประสาเด็ก
แต่นับวันเขายิ่งแสดงความจริงจังและเน้นย้ำอยู่เสมอทำให้ผู้เป็นพี่ชายตัดสินใจออกไปตามหาความจริง ก่อนจะพบกับเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อ...
ล้อมวงเข้ามา... เราจะเล่าให้ฟังค่ะ...
⭕ หนูน้อยระลึกชาติ...
จริงๆ แล้วติตูก็ดูเหมือนเด็กชายวัย 5 ขวบธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อไหร่ที่เขาพูดเกี่ยวกับชีวิตของตัวเองเมื่ออดีตชาติท่าทีและน้ำเสียงก็กลับดูคล้ายผู้ใหญ่ขึ้นมาทันที
5
..."ผมชื่อ สุเรช เวอร์มา เปิดร้านจำหน่ายวิทยุอยู่ที่เมืองอักรา มีภรรยาชื่อ อุมา เรามีลูกชายด้วยกันสองคน แต่ต่อมาผมก็ถูกฆ่าตาย"...
1
⭕ จินตนาการของเด็ก…?
โทราน ซิงห์ หรือที่ญาติๆ เรียกว่า #ติตู เกิดเมื่อเดือนธันวาคม ปี 1983 ในหมู่บ้านที่ชื่อว่าบาแอด รัฐอุตรประเทศในอินเดีย ครอบครัวของเขายากจนมากและมีลูกถึง 6 คนโดยติตูเป็นลูกคนสุดท้อง
1
แม้ว่าเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิดจะเป็นเรื่องธรรมดามากในอินเดีย แต่พ่อแม่ของติตูก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติขณะที่ลูกชายคนเล็กอายุได้เพียง 2 ขวบเศษ โดยเขามักจะพูดถึงชีวิตของตัวเองเมื่อชาติก่อนซึ่งอยู่ในเมืองอักราซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 12 กิโลเมตร
ยิ่งโตติตูก็เริ่มจะมีพฤติกรรมที่แปลกไปไม่ว่าจะเป็นการแสดงความไม่พอใจในวิถีชีวิตที่ยากจนข้นแค้น เขามักจะเปรียบเทียบแม่ซึ่งมักจะสวมใส่ชุดธรรมดาๆ กับภรรยาในอดีตชาติที่สวมใส่ส่าหรีที่สวยงามในทุกวัน
2
และดูเหมือนว่าติตูจะไม่ชอบบ้านหลังนี้เอาซะเลยเนื่องจากมีขนาดเล็กทั้งเก่าและทรุดโทรม ไม่มีทีวีหรือเครื่องอำนวยความสะดวก มันช่างต่างกับบ้านของเขาในอักราที่มีขนาดใหญ่เพียบพร้อมไปด้วยเฟอร์นิเจอร์และข้าวของเครื่องใช้ที่ทันสมัย
 
ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะเยอะไปใช่ไหม...? แต่นั่นยังไม่หมด เวลาที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหนด้วยระบบขนส่งสาธารณะติตูมักจะพูดว่า
2
..."ผมไม่เคยชอบเลย ก่อนนี้ผมมีรถและขับมันไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง"...
แม้ว่าทุกอย่างที่ติตูจะพูดและแสดงอาการต่างๆ ข้างต้นออกมา พ่อกับแม่ก็คิดว่านั่นเป็นเพราะว่าเขายังเด็กก็เลยพูดอะไรเพ้อเจ้อไปเรื่อยตามประสา
⭕ พาผมกลับไปหาครอบครัวที่แท้จริง...
เมื่อเริ่มโตขึ้นความทรงจำในอดีตของเขาก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น จนทำให้แม่ของเขาถึงกับออกปากว่า
..."บางทีเราก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำยังไงกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น ติตูมักจะทำตัวราวกับว่าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา และถึงแม้ว่าเขาจะยังเด็กแต่คำพูดและการกระทำกลับดูเหมือนกับว่าเป็่นผู้ใหญ่"...
2
พออายุได้ 3 ขวบเขาก็เอาแต่ร้องไห้พร้อมกับพูดว่า
..."ผมอยากกลับไปอยู่กับครอบครัวที่แท้จริงของผม"...
แม้ว่าทุกคนในครอบครัวจะช่วยกันปลอบแต่ความต้องการนี้ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และสิ่งที่ทำให้เขาเสียใจอย่างมากก็คือ ครั้งหนึ่งพ่อของเขาได้ไปสอนวิชาเคมีในวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองอักราแต่กลับไม่พาเขาไปด้วยไม่แม้จะบอก
1
ความโกรธความเสียใจในครั้งนี้ทำให้ติตูถึงกับเก็บเสื้อผ้าและขู่ว่าจะหนีออกจากบ้านเมื่อได้มารู้ในภายหลัง
⭕ ชายที่ติตูมักกล่าวอ้างมีตัวตนจริงหรือ...
วันหนึ่งในเดือนเมษายน ปี 1987 ติตูในวัย 4 ขวบก็ได้เล่าให้กับเพื่อนของพี่ชายคนโตฟังว่าจริงๆ แล้วในอดีตชาตินั้นตนมีอาชีพลักลอบค้าของเถื่อนโดยเปิดร้านขายวิทยุบังหน้า ชื่อว่าร้าน สุเรช เรดิโอ ในเมืองอักรา ต่อมาถูกฆาตกรรมเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ปี 1983
พี่ชายของติตูและเพื่อนก็ได้ตัดสินใจจะลองไปค้นหาความจริงจากคำบอกเล่าของน้องชายว่ามีอยู่จริงหรือไม่ เมื่อทั้งสองเดินทางไปถึงที่เมืองอักราก็ต้องตกใจเป็นอย่างมากเมื่อพบว่ามีร้านจำหน่ายวิทยุชื่อ สุเรช เรดิโอ ตามที่ติตูได้บอกไว้
1
โดยเจ้าของร้านเป็นหญิงม่ายที่ชื่อว่า อุมา เวอร์มา ส่วนสามีของเธอชื่อ สุเรช เวอร์มา นายหน้าลักลอบค้าของเถื่อนผิดกฎหมายซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในตลาดมืด เขาถูกคนร้ายลงมือสังหารเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ปี 1983 ขณะที่มีอายุ 30 ปี
3
*** ซึ่งคดีฆาตกรรมของสุเรชไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดมารับโทษได้เนื่องจากขาดหลักฐานและพยาน ***
1
⭕ เล่าถึงเหตุการณ์ในวันที่ถูกฆ่า...
ติตูในวัย 4 ขวบได้เล่าย้อนไปในวันที่เขาหรือสุรเชษฐ์ในตอนนั้นถูกฆ่าเสียชีวิต
..."วันนั้นหลังจากที่ผมปิดร้านในตอนเย็นและเพิ่งจะกลับเข้าบ้าน ขณะที่รอให้ภรรยามาเปิดประตูบ้านให้อยู่ในรถ จู่ๆ ก็มีคนร้ายมากระชากประตูรถแล้วยิงเข้าที่ศีรษะ จากนั้นก็นำร่างของเขาไปเผาแล้วก็จับโยนลงไปในแม่น้ำ"...
2
เรื่องราวที่ติตูเล่านั้นไม่เพียงแต่ได้รับการยืนยันจากนางอูมาภรรยาของสุเรชเท่านั้น แต่ทว่ายังได้รับการยืนยันการเสียชีวิตจากรายงานการชันสูตรพลิกศพของสุเรช ซึ่งเสียชีวิตจากบาดแผลถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่ขมับด้านขวาทะลุออกไปอีกด้าน
1
และสิ่งที่น่าขนลุกก็คือ ติตูมีรอยบุบที่ศีรษะมาตั้งแต่เกิดซึ่งเหลือเชื่อที่มันเป็นตำแหน่งเดียวกับที่สุเรชถูกยิง และที่ศีรษะอีกข้างเป็นแผลเป็นรูปดาวซึ่งเป็นตำแหน่งที่กระสุนทะลุออก... 😱
1
⭕ พบหน้ากับครอบครัวในอดีตชาติครั้งแรก...
นางอุมาเองอยากจะพบกับเด็กชายที่อ้างตัวว่าเป็นสามีผู้ล่วงลับเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ แม้ว่าจะไม่มีความมั่นใจแต่เธอก็ได้เล่าเรื่องเหลือเชื่อนี้ให้กับสมาชิกในครอบครัวได้รับทราบก่อนที่ทั้งหมดจะตัดสินใจไปหาเด็กชายคนดังกล่าวโดยไม่บอกล่วงหน้า
1
ช่วงเวลาที่พ่อแม่ของอุมาและสุเรชพร้อมด้วยญาติๆ มาถึงบ้านของครอบครัวซิงห์นั้นติตูกำลังตากผ้าอยู่ เมื่อเห็นกลุ่มคนแปลกหน้ากำลังเดินตรงมาที่บ้านของเขาหลังจากที่เพ่งมองเพียงแว่บเดียวเขาก็วิ่งถลาเข้าไปหาด้วยความดีใจพร้อมกับส่งเสียฝร้องตะโกนว่า
1
..."ครอบครัวของผม ครอบครัวของผม !!!"...
1
ติตูวิ่งเข้าไปสวมกอดคนแปลกหน้าเหล่านั้นพร้อมทั้งเรียกชื่อของแต่ละคนได้อย่างถูกต้อง ก่อนที่จะหันไปหาอุมาแล้วขอให้เธอนั่งลงข้างๆ จากนั้นเขาก็เริ่มสอบถามเกี่ยวกับลูกๆ ของเธอแล้วก็เล่าเรื่องราวในอดีตซึ่งมีเพียงแค่สุเรชเท่านั้นที่รู้
โดยพูดถึงเรื่องที่เขาจะต้องแวะซื้อขนมเจ้าประจำให้กับภรรยาในทุกๆ วัน นอกจากนี้ยังได้บอกถึงจุดที่เขาได้นำเงินไปฝังไว้ภายในบ้าน (ไม่น่าเชื่อที่ในเวลาต่อมาอุมาก็ขุดพบเงินจำนวนหนึ่งตามที่ติตูบอกเอาไว้)
2
หลังจากการเยี่ยมเยือนสิ้นสุดลงนางอุมาและครอบครัวก็ได้เดินทางกลับ เมื่อติตูได้รู้ว่า #ครอบครัวของเขา ไม่ได้พากลับไปที่เมืองอักราด้วยก็แสดงความผิดหวังด้วยการขว้างปารองเท้าใส่แม่ พร้อมทั้งตะโกนว่าเธอไม่ใช่แม่ของเขาในขณะที่คนเป็นพ่อพยายามที่จะห้ามปรามก่อนที่จะรับปากว่าจะพาไปที่เมืองอักราในเร็วๆ นี้เพื่อให้ลูกชายสงบลง
⭕ การทดสอบ...
หลังจากเกิดเหตุเหลือเชื่อนี้ขึ้นทั้งสองครอบครัวก็ตัดสินใจที่จะทำการทดสอบเด็กชายติตูโดยหวังว่าจะสามารถหาทางออกในเรื่องนี้ได้และทุกอย่างจะได้อยู่ในทิศทางที่ควรจะเป็น
1
ด้วยเหตุนี้ก่อนที่ติตูจะเดินทางมาถึงบ้านนางอุมาก็ได้เชิญลูกๆ ของเพื่อนบ้านมาที่บ้านของเธอโดยให้นั่งปะปนกับลูกๆ ของตัวเอง เพราะเชื่อว่าเด็กชายวัย 4 ขวบคนนี้จะจำลูกๆ ของเธอไม่ได้อย่างแน่นอน
1
และเมื่อติตูเดินทางมาถึงก็ได้ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจเมื่อเขาเดินตรงเข้าไปหาลูกๆ ของนางอุมาพร้อมทั้งเรียกชื่อได้อย่างถูกต้องท่ามกลางความตกตะลึงของนางอุมา
การทดสอบต่อมาก็คือ พาเขาไปที่ร้านจำหน่ายวิทยุซึ่งไม่ใช่ร้านที่สุเรชเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ตาม ติตูวัย 4 ขวบก็ไม่ยอมให้ตัวเองถูกหลอกเขาตะโกนขึ้นมาทันทีว่า
1
..."หยุดนะ ! นี่มันไม่ใช่ร้านของผม"...
แล้วเขาก็พาทุกคนเดินไปที่ร้านสุเรช เรดิโอด้วยตัวเอง เมื่อเข้าไปในร้านก็เดินตรงไปยังรูปของนายสุเรชที่ติดอยู่บนผนังก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
..."นี่คือผมเอง"...
นอกจากนี้เขายังแสดงความแปลกใจมากที่การตกแต่งร้านเปลี่ยนไป ติตูเดินสำรวจทั่วร้านทำตัวราวกับว่าเป็นเจ้าของและเลื่อนประตูอย่างแรงเมื่อเดินเข้าออกซึ่งเป็นการกระทำที่เหมือนกับตอนที่สุเรชยังมีชีวิตอยู่ไม่มีผิด
1
เด็กชายติตูสามารถยืนยันเรื่องราวที่ตรงกันกับเอกสารของเจ้าหน้าที่กว่า 15 ฉบับ และยังเรียกชื่อสมาชิกในครอบครัวเดิมของตนได้อย่างถูกต้อง 10 กว่าราย นอกจากนี้ยังสามารถระบุสถานที่ 4 แห่งได้อย่างถูกต้องอีกด้วย
⭕ กลับมาเพื่อปิดคดีฆาตกรรมของตัวเองในอดีตชาติ...
จุดพีคของเรื่องราวนี้มันอยู่ตรงที่ ติตู เกิดจำชื่อของฆาตกรที่ลงมือฆ่าเขาได้ เด็กชายที่ตอนนี้มีอายุ 5 ขวบก็ได้พยายามโน้มน้าวขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรื้อฟื้นคดีฆาตกรรมขึ้นมาใหม่
1
โดยบอกว่าเขาจดจำรายชื่อของคนที่ลงมือฆ่าสุเรชได้พร้อมทั้งระบุว่าคนร้ายก็คือ นายเซดิก โจฮาเดียน ซึ่งหลบหนีไปซ่อนตัวนับตั้งแต่ที่ก่อเหตุ เมื่อถูกนำตัวมาสอบปากคำนายเซดิกก็ได้ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่านายสุเรช
⭕ ชีวิตของติตู...
เมื่อเวลาผ่านไปติตูก็ได้เลือกเดินในเส้นทางสายอาชีพที่ไม่หวือหวาและเดินทางผิดเหมือนสุเรช โดยเขาได้รับปริญญาโทด้านโยคะและธรรมชาติบำบัด
1
ทำงานเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยบานารัสฮินดู ในเมืองพาราณสี รัฐอุตรประเทศ โดยสอนเกี่ยวกับธรรมชาติบำบัดและการบำบัดด้วยโยคะ...
นางอุมาภรรยาของสุเรชนั้นเชื่ออย่างหมดหัวใจว่าติตูก็คือสามีกลับชาติมาเกิด
👤 และนี่อาจเป็นการกลับชาติมาเกิดเพื่อทวงความยุติธรรมให้กับตัวเองของสุเรชก็เป็นได้... 👤
.
.
💟 เราหายไปนานเป็นปีเพราะถอดใจ เจอก้อปไปลงที่อื่นแทบทุกโพสทำเอาหมดไฟไปเลย
2
ขอบคุณทุกท่านที่ยังติดตาม จะพยายามมาอัพเดทให้เรื่อยๆ นะคะ อยู่เป็นกำลังใจให้กันไปตลอดน้าา... 💟
2
เรื่องสยองขวัญกับคดีฆาตกรรม
By... ❤️ #แอดมิ้นท์ ❤️
โฆษณา