13 ก.ย. 2021 เวลา 15:16 • สุขภาพ
เพื่อนๆเป็นสายไหนกันครับ ระหว่าง เพิ่มหวานค่ะ กับ หวานน้อยครับ ?
1
ก็คงต้องแตกต่างกันไปแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน บางคนอะไรที่ไม่หวานจะไม่กินเลย ไม่อร่อย บางคนได้รสหวานก็ไม่กินเหมือนกัน เพราะรู้สึกเลี่ยน
แต่ถ้าหากตามที่พบเจอได้เป็นส่วนใหญ่ คนเราส่วนใหญ่มักจะติดหวาน ติดน้ำตาล ซึ่งอาจจะติดโดยพฤติกรรมที่เราตั้งใจและไม่ตั้งใจ
แต่ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากอะไร สิ่งที่ส่งผลต่อเราแน่ๆคือ ความอ้วน และโรคที่เสี่ยงจะเกิดจากการบริโภคน้ำตาลมากเกินไป
แล้วสาเหตุที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจมันคืออะไรล่ะ เรากินหวานกันไม่ได้เชียวหรือ แล้วมีวิธีป้องกันความอ้วนหรือโรค จากการบริโภคน้ำตาลไหม หรือมีวิธีไหนลดหวานได้บ้าง
บทความนี้มีคำตอบครับ
เราต้องมาดูที่สาเหตุกันก่อนครับ
การทีคนเราติดหวานนั้น เกิดจากการที่เราเคยบริโภคน้ำตาลในปริมาณหนึ่ง ซึ่งทำให้สมองหลั่งสารโดปามีน ซึ่งทำให้รู้สึกดีมีความสุข แต่เมื่อรับประทานไปบ่อยๆสมองก็เริ่มชินและต้องการความหวานเพิ่มมากขึ้นไปอีก ทำให้เราติดหวานมากขึ้นเรื่อยๆนั่นเองครับ
การที่เราบริโภคน้ำตาลบางครั้ง อาจเกิดจากความตั้งใจ
เช่น ความชอบส่วนตัว หรือความจำเป็นที่จะต้องใช้พลังงานจากกน้ำตาล ทำให้เราปรารถนาที่จะกินมัน เช่น ชานมไข่มุก เค้ก หรือขนมขบเขี้ยวต่างๆ เป็นต้น
แต่บางครั้งอาจจะเกิดจากความที่เราไม่ตั้งใจ
เช่น อาหารคาวในบางครั้งก็มีน้ำตาลผสมอยู่ด้วย ซึ่งหากเราบริโภคอาหารคาวที่มีน้ำตาลเป็นเครื่องปรุง ก็อาจจะทำให้เราติดรสหวานโดยไม่ตั้งใจได้ หรือการที่เราเกิดความเครียดความกังวล สมองก็มีความจำเป็นที่ต้องการหลั่งสารโดปามีน จึงทำให้อยากกินรสหวาน ซึ่งทำให้เราบริโภคน้ำตาลเข้าไปอีก
การที่เราบริโภคน้ำตาล ไม่ใช่ว่าจะส่งผลเสียกับเรา 100 % ซะทีเดียว เพราะน้ำตาลก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง ทั้งในด้านการให้พลังงาน การแก้อาการอ่อนเพลีย หรือลดความเครียด
แต่การที่เราบริโภคน้ำตาลในปริมาณที่มากเกิดจำเป็นและเป็นประจำ นั่นคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เราอ้วนและเสี่ยงต่อโรคที่เกิดจากการบริโภคน้ำตาล
แต่ทุกปัญหามีทางออก ใครติดหวานฟังทางนี้ บทความนี้มีวิธีแก้อาการติดหวาน มาเล่าสู่กันฟังครับ
1 ค่อยๆลดการบริโภคน้ำตาลในชีวิตประจำวันลง
จะทำให้สมองชินกับปริมาณน้ำตาลที่ลดลง ซึ่งจะทำให้สมองต้องการความหวานลดลงนั่นเอง วิธีนี้ใจต้องแข็งหน่อยนะครับ
ยกตัวอย่างเช่น จากปกติเคยดื่มชานมไข่มุกวันละแก้ว ก็ควรจะสั่งเป็นไม่หวาน หรือเปลี่ยนเป็นกินเพียงครึ่งแก้ว หรือลดจำนวนวันในการบริโภค แบบนี้จะช่วยได้มากเลยครับ
2 ใช้ความหวานจากผลไม้แทน
หยุดคิดถึงทุเรียน ลำไย แตงโม น้อยหน่า หรือลิ้นจี่ก่อนครับ ผลไม้สำหรับคนที่อยากลดหวานในที่นี่ เป็นผลไม้ที่คนเป็นเบาหวานยังสามารถทานได้ เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลที่น้อย และเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
อีกทั้งยังมีวิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายครับ ซึ่งได้แก่ แก้วมังกร แอปเปิ้ลเขียว ฝรั่ง มะละกอ และกล้วยครับ
3 ดื่มน้ำเปล่า โดยเฉพาะน้ำอุ่น
เนื่องจากจะส่งผลดีต่อระบบเผาผลาญและระบบขับถ่าย ทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานได้อย่างดี รวมทำให้ความอยากกินน้ำตาลลดลง
ผมเคยติดหวานอยู่มากๆ และกินน้ำหวานอยู่บ่อยๆ แต่ได้อ่านเจอในหนังสือที่บอกให้เปลี่ยนจากน้ำหวานเป็นน้ำอุ่น ตอนแรกก็คิดว่าไม่เกี่ยวข้องและไม่น่าจะได้ผล แต่ลองทำไปสักพัก กลับเห็นผลดีเยี่ยม ความอยากกินของหวานๆ น้ำหวานๆลดน้อยลง และรู้สึกว่าระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้นครับ
1
ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะครับ อย่าหักโหม เพราะอะไรที่ยากเกินไป บางครั้งเราอาจจะยอมแพ้มันซะง่ายๆ ค่อยๆชนะตัวเองทีละนิด แล้วเราจะดีขึ้นเองครับ
เรายังบริโภคน้ำตาลได้แต่ขอให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมนะครับ ขอยกสโลแกนของขนมยี่ห้อหนึ่งมาไว้ตอนจบนะครับ
“เพราะชีวิตขาดหวานไม่ได้”
ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ
ขอให้ทุกคนปลอกภัยจากโควิด
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมนะครับ
โฆษณา