14 ก.ย. 2021 เวลา 00:39 • ครอบครัว & เด็ก
ในโลกเราติดคุกอยู่แต่เพื่อเผยแพร่ความจริงนะ
16เมื่อเรากำลังออกไปยังที่สำหรับอธิษฐาน มีทาสสาวคนหนึ่งที่มีผีหมอดูเข้า ได้มาพบกับเรา เขาทำการทายให้นายของเขาได้เงินเป็นอันมาก 17หญิงนั้นตามเปาโลกับพวกเราไป ร้องว่า <<คนเหล่านี้เป็นทาสของพระเจ้าสูงสุด มากล่าวประกาศทางรอดแก่ท่านทั้งหลาย>> 18เขาทำอย่างนั้นหลายวัน ฝ่ายเปาโลก็งุ่นง่านใจ หันหน้าสั่งผีนั้นว่า <<ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอ็งจงออกมาจากเขา>> ผีนั้นก็ออกมาในเวลานั้น19ส่วนนายของเขาเมื่อเห็นว่าหมดหวังที่จะได้เงินแล้ว เขาจึงจับเปาโลและสิลาส ลากมาถึงพวกเจ้าหน้าที่ยังที่ว่าการเมือง 20เมื่อลากมาถึงเจ้าเมืองแล้วจึงกล่าวว่า <<คนเหล่านี้เป็นพวกยิว ก่อการวุ่นวายมากในเมืองของเรา
21และสั่งสอนธรรมเนียมซึ่งเราชาวโรมไม่ควรจะรับหรือถือเลย>> 22ประชาชนก็ได้ฮือกันขึ้นเล่นงานเปาโลและสิลาส เจ้าเมืองได้กระชากเสื้อของท่านทั้งสองออก แล้วสั่งให้โบยด้วยไม้เรียว 23ครั้นโบยหลายทีแล้วจึงให้จำไว้ในคุก และกำชับนายคุกให้รักษาไว้ให้มั่นคง 24นายคุกเมื่อรับคำสั่งอย่างนั้นแล้ว จึงพาเปาโลกับสิลาสไปจำไว้ในห้องชั้นใน เอาเท้าใส่ขื่อไว้แน่นหนา 25ประมาณเที่ยงคืน เปาโลกับสิลาสก็อธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า นักโทษทั้งหลายในคุกก็ฟังอยู่ 26ในทันใดนั้น เกิดแผ่นดินไหวใหญ่จนรากคุกสะเทือนสะท้าน และประตูคุกเปิดหมดทุกบาน เครื่องจำจองก็หลุดจากเขาสิ้นทุกคน 27ฝ่ายนายคุกตื่นขึ้นเห็นประตูคุกเปิดอยู่ คาดว่านักโทษทั้งหลายหนีไปหมดแล้ว จึงชักดาบออกมาหมายว่าจะฆ่าตัวเสีย
28แต่เปาโลได้ร้องเสียงดังว่า <<อย่าทำร้ายตัวเองเลย เราทั้งหลายอยู่พร้อมด้วยกันทุกคน>> 29นายคุกจึงสั่งให้จุดไฟมา แล้วตัวสั่นวิ่งเข้าไปกราบลงที่เท้าของเปาโลกับสิลาส 30และพาท่านทั้งสองออกมาแล้วว่า <<ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะต้องทำอย่างไรจึงจะรอดได้>> 31เปาโลกับสิลาสจึงกล่าวว่า <<จงเชื่อและวางใจในพระเยซูเจ้า และท่านจะรอดได้ทั้งครอบครัวของท่านด้วย>> 32ท่านทั้งสองจึงกล่าวสั่งสอนพระวจนะของพระเจ้า ให้นายคุกและคนทั้งปวงที่อยู่ในบ้านของเขาฟัง 33ในกลางคืนชั่วโมงเดียวกันนั้นเอง นายคุกจึงพาเปาโลกับสิลาสไปล้างแผลที่ถูกเฆี่ยน และในขณะนั้น นายคุกก็ได้รับบัพติศมาพร้อมทั้งครัวเรือนของเขา 34แล้วได้พาท่านทั้งสองขึ้นไปในบ้านของเขา จัดโต๊ะเลี้ยงท่านแสดงความยินดีอย่างยิ่งพร้อมกับครอบครัว เพราะตนได้เชื่อถือพระเจ้าแล้ว (กิจการ16:16-34)
เช้านี้ก็ได้คิดถึงสมาชิกคนนึงที่ทำงานเป็นลูกจ้างประจำบริษัทแห่งหนึ่ง ก็บอกโดนดุด่าว่ากล่าวแรงๆ บ่อยๆ จากหัวหน้างาน แต่ก็ต้องอดทนเพื่อหาเงินใช้หนี้ที่มีเยอะเป็นล้าน ผมก็เลยเอามาคิดถ้าเป็นผม ผมควรจะคิดยังไง ก็ต้องจบที่พระเจ้าว่ายังไงคือพระคำว่ายังไงใช่ไหมครับจึงจะสามารถจบได้จริง ก็เลยได้คิดถึงตอนอ.เปาโลติดคุกตอนนี้ ถ้าอาจารย์เปาโลเชื่อเพียงสถานการณ์ที่เห็น ไม่คิดตามพระคำเขาก็คงได้แต่จมกับความสิ้นหวังในคุก แต่เพราะเขาเชื่อพระเจ้า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากพระเจ้าอนุญาตจึงเกิดขึ้นได้ และด้วยจิตใจนี้ก็ได้เห็นการอัศจรรย์ได้เกิดขึ้น นักโทษหลายคนได้เป็นอิสระและครอบครัวของนายคุกก็ได้รับความรอดด้วย
การถูกข่มเหงถูกตีบ้างก็เลยไม่ใช่ปัญหาเมื่อได้เห็นถึงผลลัพธ์ที่จะติดตามมาแบบนี้ ถ้าน้องคนนี้เขาคิดได้แบบนี้ การถูกด่าว่าแรงๆ จากหัวหน้าที่ทำงานก็จะไม่ใช่เป็นปัญหาเลย คนมากมายที่นั่นจะได้รับความรอดผ่านทางเขา เพราะพระเจ้าให้เขาไปที่นั่นก็ด้วยเหตุผลนี้ แต่ถ้าติดตามแต่สถานการณ์มันก็มีแต่ความทุกข์ความสิ้นหวังครับกับการทนอยู่ไปวันๆ เพียงเพื่อจะหาเงินมาใช้หนี้ แต่ถ้าเชื่อพระเจ้า เผยแพร่ให้กับทุกคนตามจิตใจพระเจ้า พระเจ้าก็สามารถทำเรื่องอัศจรรย์แบบที่ทำกับอ.เปาโลได้เหมือนกัน ก็นำมาซึ่งความรอด ความสุขกับทุกๆ ฝ่ายแบบนี้ครับ
ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่เรายากดีมีจนอย่างไรตามสถานการณ์ แต่สำคัญว่าเรากำลังคิดเหมือนกับที่พระเจ้าคิดอยู่หรือเปล่า ดังนั้นถ้ามองตามพระเจ้าทุกสภาพที่เราเป็นอยู่ตอนนี้กับร่างกายนี้ ถ้ามองตามสถานการณ์มันก็คือเหมือนติดคุกครับ เพราะมันควบคุมให้เป็นดั่งใจเราไม่ได้เลย แต่ตอนที่มันได้หันกลับมาหาพระเจ้า คิดตามพระคำตรงนี้ต่างหากที่เป็นความหวังให้กับเรา เป็นกำลังให้กับเราได้ทุกเวลาที่หันกลับมา สามารถขอบคุณได้หมดกับทุกสถานการณ์ยากร้ายที่เรากำลังเผชิญ นำไปสู่พระพร นำไปสู่ความรอดของผู้คนมากมายได้หมด ถ้ามองจากพระคำพระเจ้าพอใจและทำงานอย่างน่าอัศจรรย์กับชีวิตของอ.เปาโลเพราะมีจิตใจแบบนี้
ถ้างั้นกับการที่พระเจ้ากำชับไว้ให้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ประกาศความจริงนี้ให้กับทุกคนที่ยังไม่รู้ ก็ถูกต้องแล้วนะ(มัทธิว28:18-20)​ เพราะจะไปสนใจหมกมุ่นจมอยู่กับเรื่องอื่นทำไม ในเมื่อมีพระเจ้าที่คอยดูแลรับผิดชอบให้ทั้งหมดแล้ว จะกินอยู่ยังไง มันไม่ใช่เรื่องหลักมารซาตานกำลังล่อลวงแบบนั้น พระเจ้าก็บอกแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อนแล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมให้ ซึ่งตอนนี้พวกเราก็ได้ก้าวเข้ามาแล้วในแผ่นดินหรืออาณาจักรของพระเจ้าคือคริสตจักร ได้กลับมาบ้านกลับมาหาพระเจ้ากลับมาคืนดีกัน กลายเป็นหนึ่งเดียวกันแบบนี้ตามน้ำพระทัยพระเจ้าครับ
พระเจ้าก็เรียกพวกเราให้ได้เข้ามา ให้ได้กลับมาสู่ความจริง ตลอดมาก็ติดอยู่กับการโกหกล่อลวงของมารซาตานมาตั้งแต่เกิด มาตอนนี้ได้มาถึงความจริงแล้ว ก็สนใจกับความจริง ก้าวไปตามความจริงคือตามพระคำพระเจ้า ตอนนี้ก็ต้องช่วยกันพาคนรู้จักญาติพี่น้องกลับเข้ามาสู่ที่นี่ มาให้ถึงคริสตจักร ไม่ใช่แค่มาโบสถ์ คริสตจักรเท่านั้นเป็นที่แห่งพระคุณพระเจ้า การอยู่ข้างนอกอันตราย ได้แต่ถูกมารซาตานล่อลวงด้วยคำโกหก คำพูดอ่อนหวานจากคนรอบข้าง ต่างคนต่างหลอกกันไปมา แต่ไม่ใช่ความจริง
พี่น้องเพื่อนผู้รับใช้อีกหลายคนที่ยังไม่ได้เข้ามายังมีอีกเยอะครับ หลายคนเป็นถึงระดับอาจารย์โลกยอมรับ แต่ในทางพระเจ้าพวกเขามืดบอดสนิท มาไม่ถูกไปไม่เป็นกับทางแห่งความจริงนี้ครับ เพราะพระเจ้าเลือกใครมาก่อนหลังแล้วแต่พระองค์พอใจ ไม่ได้ขึ้นกับความดีความเก่งหรือการตะเกียกตะกายของมนุษย์ ผ่านทางโลกอินเตอร์เน็ตและโควิด พระเจ้าก็ให้เป็นช่องทางที่สามารถนำให้ทุกคนทั่วโลกสามารถกลับมาหาพระองค์ สามารถหลุดออกจากกรอบข้อบังคับต่างๆ ที่มารซาตานใช้ล่อลวงจับไว้กลับเข้ามาไม่ได้ครับ แต่ตอนนี้พระเจ้าได้รื้อทำลายกำแพงนั่นลงแล้วครับ นิกาย กลุ่ม สังกัด องค์กร ที่เคยเป็นอุปสรรคขัดขวางก็ไม่มีอำนาจอิทธิพลขัดขวางได้อีกต่อไปแล้วกับคุกเหล่านี้ครับ
11เหตุฉะนั้นท่านจงระลึกว่า เมื่อก่อนท่านเคยเป็นคนต่างชาติตามเนื้อหนัง และพวกที่รับพิธีเข้าสุหนัตซึ่งกระทำแก่เนื้อหนังด้วยมือ เคยเรียกท่านว่า เป็นพวกที่มิได้เข้าสุหนัต 12จงระลึกว่า ครั้งนั้นท่านทั้งหลายเป็นคนอยู่นอกพระคริสต์ ขาดจากการเป็นพลเมืองอิสราเอล และไม่มีส่วนในบรรดาพันธสัญญาซึ่งทรงสัญญาไว้นั้น ไม่มีที่หวัง และอยู่ในโลกปราศจากพระเจ้า
13แต่บัดนี้ในพระเยซูคริสต์ ท่านทั้งหลายซึ่งเมื่อก่อนอยู่ไกล ได้เข้ามาใกล้โดยพระโลหิตของพระคริสต์ 14เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นสันติสุขของเรา เป็นผู้ทรงกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และทรงรื้อกำแพงที่กั้นระหว่างสองฝ่ายลง 15คือการเป็นปฏิปักษ์กัน โดยในเนื้อหนังของพระองค์ ได้ทรงให้ธรรมบัญญัติอันประกอบด้วยบทบัญญัติและกฎหมายต่างๆนั้นเป็นโมฆะ เพื่อจะกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นคนใหม่คนเดียวในพระองค์ เช่นนั้นแหละ จึงทรงกระทำให้เกิดสันติสุข
16และเพื่อจะทรงกระทำให้ทั้งสองพวกคืนดีกับพระเจ้า เป็นกายเดียวโดยกางเขน ซึ่งเป็นการทำให้การเป็นปฏิปักษ์ต่อกันหมดสิ้นไป 17และพระองค์ได้เสด็จมาประกาศสันติสุขแก่ท่านที่อยู่ไกล และประกาศสันติสุขแก่คนที่อยู่ใกล้18เพราะว่าพระองค์ทรงทำให้เราทั้งสองพวกมีโอกาสเข้าเฝ้าพระบิดาโดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน 19เหตุฉะนั้นท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวต่างแดนอีกต่อไป แต่ว่าเป็นพลเมืองเดียวกันกับธรรมิกชน และเป็นครอบครัวของพระเจ้า (เอเฟซัส2:12-19)
โฆษณา