16 ก.ย. 2021 เวลา 02:31 • หนังสือ
#79 เล่ม 3 บทที่ 18 หน้า 406 ~ 412
...
N : โอเคครับ แล้ววัฒนธรรมขั้นสูงเหล่านั้นมีอะไรที่ต่างจากพวกเราอีกมั้ย❓
...
...
...
G : ต่างในอีกหลายรูปแบบมาก พวกเขาจะ 🔸ไม่แข่งขันกัน🔸
พวกเขาตระหนักว่าถ้าคนหนึ่งแพ้ ทุกคนก็แพ้ ฉะนั้นจึงไม่สร้างกีฬาและการละเล่นที่จะสอนเด็กๆ (และผู้ที่มีอายุยาวนานมากกว่าจะได้เป็นผู้ใหญ่) ถึงแนวคิดแปลกประหลาดที่ไม่ปกติเป็นอย่างมากว่า การที่คนหนึ่ง “ชนะ” ในขณะที่อีกคน “แพ้” นั้นคือ ‘ความบันเทิง’
และอย่างที่เคยบอกไปแล้วว่า 🔸พวกเขาแบ่งปันทุกสิ่ง🔸 เวลาที่มีใครบางคนตกอยู่ในความอัตคัดขัดสน พวกเขาจะไม่มีวันวางแผนที่จะเบียดบังหรือกักตุนสิ่งที่ตนมีเพียงเพราะว่ามันมีน้อย (หรือหายาก) ในทางตรงกันข้าม 🔸นั่นยิ่งเป็นเหตุผลให้ต้องแบ่งปัน🔸
ในสังคมของพวกเธอ ของยิ่งหายากราคาก็ยิ่งสูง (ในกรณีที่คิดจะแบ่งนะ) ด้วยวิธีนี้พวกเธอก็มั่นใจได้ว่าถ้าต้องแบ่งอะไรที่พวกเธอ “ครอบครองอยู่” อย่างน้อยพวกเธอก็จะ ‘มั่งมีมากขึ้น’
สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงก็มั่งมีมากขึ้นจากการแบ่งปันสิ่งของหายากด้วยเช่นกัน แต่ความต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างสวส.กับมนุษย์ก็คือ การให้คำนิยามกับคำว่า “มั่งมี-ร่ำรวย” สวส.รู้สึก “มั่งมี” มากขึ้นจากการแบ่งปันทุกสิ่งอย่างอิสระโดยไม่จำเป็นต้อง “ได้กำไร” ✨จริงๆแล้วตัวความรู้สึกของการได้แบ่งปันนี้เองที่คือกำไร✨
มีหลักการขั้นพื้นฐานหลายอย่างของวัฒนธรรมพวกเธอที่ทำให้พวกเธอมีพฤติกรรมอย่างที่เป็นอยู่นี้ อย่างที่ฉันได้บอกไปก่อนหน้านี้ หลักการขั้นพื้นฐานที่สุดข้อหนึ่งของพวกเธอก็คือ : ผู้แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะอยู่รอด
เราอาจเรียกมันว่าหลักการขั้นพื้นฐานประการที่สอง ซึ่งอยู่เบื้องหลังทุกสิ่งที่สังคมของพวกเธอได้รังสรรค์ขึ้น ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง ศาสนา การศึกษา รวมถึงโครงสร้างทางสังคม
🛑 แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงแล้ว หลักการนี้มีความขัดแย้งอยู่ในตัวเอง เพราะหลักการขั้นพื้นฐานประการแรกของสวส.คือ ‘พวกเราทั้งหมดคือหนึ่งเดียวกัน’ ซึ่ง “หนึ่งเดียว” นี้จะไม่มีวัน “แข็งแกร่ง” ได้จนกว่า “ทั้งหมด” จะ “แข็งแกร่ง” ฉะนั้นความอยู่รอดของ “ผู้แข็งแกร่งที่สุด” จึงเป็นไปไม่ได้ — หรือผู้แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นสิ่งเดียวที่เป็นไปได้ เนื่องจากว่า “ผู้แข็งแกร่งที่สุด” ไม่ได้ “แข็งแกร่ง” จนกว่าหนึ่งเดียวจะแข็งแกร่ง (ฉะนั้นจึงขัดแย้งกันเอง)
ตามทันไหม❓
N : ทันครับ เราเรียกสิ่งนี้ว่าลัทธิคอมมิวนิสต์
G : บนโลกนี้ พวกเธอจะรีบปฏิเสธระบบใดๆที่ไม่ยอมให้ความก้าวหน้าของคนๆหนึ่งต้องแลกมาด้วยความสูญเสียของอีกคน
ถ้าระบบการปกครองหรือระบบเศรษฐกิจที่พยายามจะกระจายผลประโยชน์ที่ ‘คนทั้งหมด’ สร้างขึ้นจากทรัพยากรที่เป็นของ ‘คนทั้งหมด’ ให้แก่ ‘คนทั้งหมด’ อย่างยุติธรรม พวกเธอจะบอกว่าระบบการปกครองแบบนั้นละเมิดระเบียบแบบแผนตามธรรมชาติ แต่ทว่าในวัฒนธรรมที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงนั้นระเบียบแบบแผนตามธรรมชาติคือ ‘การแบ่งปันกันอย่างยุติธรรม’
N : แม้จะมีคนหรือกลุ่มคนที่งอมืองอเท้าไม่ยอมทำอะไรให้สมควรกับการได้รับมันอย่างนั้นหรือครับ❓ แม้จะไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับส่วนรวมเลยงั้นหรือ❓ แม้กระทั่งคนที่ชั่วร้ายก็สมควรได้รับมันด้วยงั้นหรือ❓
G : 🌟ผลประโยชน์ส่วนรวมก็คือ ‘การมีชีวิต’ หากเธอยังมีชีวิตอยู่ก็ถือว่าเธอได้ทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมแล้ว🌟
🛑 เป็นเรื่องยากมากๆที่วิญญาณจะอยู่ในรูปกาย ในแง่หนึ่งการยอมมามีร่างกายที่มีเลือดเนื้อ 🔸ถือเป็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่🔸 (แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นและถึงขั้นเพลินเพลิน) หากสิ่งอันเป็นทั้งหมดนั้นต้องการจะรู้จักตัวเองในเชิงประสบการณ์ และสร้างสรรค์ตัวเองขึ้นใหม่ตามมโนภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยมีต่อตัวเองว่าตัวเองคือใครในขั้นต่อไป
เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเข้าใจเหตุผลว่า :
🔸ทำไมพวกเราถึงมาอยู่ที่นี่🔸
N : พวกเรา❓
G : ดวงวิญญาณทั้งหลายที่ประกอบกันขึ้นเป็นสิ่งรวม★ (collective)
[★เป็นสิ่งรวม หรือ เป็นกลุ่มก้อนที่เกิดจากการรวมตัวกันของความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (หรือสรรพชีวิต) ทั้งมวล (เพราะแต่ละชีวิตหรือแต่ละดวงวิญญาณต่างมีเอกลักษณ์เป็นของตน) – แอดมิน]
N : งงครับ
G : อย่างที่ฉันได้อธิบายไปแล้วคือ : มีเพียง ‘วิญญาณเดียว’ ‘ชีวิตเดียว’ ‘แก่นแท้เดียว’ ซึ่งพวกเธอบางคนเรียกว่า “พระเจ้า”
🛑 แก่นแท้หนึ่งเดียวนี้ “แบ่งภาค” ตัวเองเป็นทุกสิ่งในจักรวาล พูดอีกอย่างก็คือ เป็นทุกสิ่งที่ดำรงอยู่ นี่รวมถึงสรรพชีวิตหรือสิ่งมีชีวิตที่มีจิตสำนึกทั้งมวลด้วย หรือสิ่งที่พวกเธอเลือกที่จะเรียกมันว่าดวงวิญญาณ
N : ถ้าอย่างนั้น “พระเจ้า” ก็คือดวงวิญญาณทั้งหมดที่ “ดำรงอยู่” ในตอนนี้❓
G : ✨เป็นวิญญาณทุกดวงที่ดำรงอยู่ทั้งในปัจจุบัน ทั้งในอดีตและในอนาคต✨
N : ถ้าอย่างนั้นพระเจ้าก็เป็น “สิ่งรวม❓”*★
[★การรวมตัวกันของสิ่งมีชีวิต (วิญญาณ) ทั้งมวล – แอดมิน]
G : นั่นคือคำที่ฉันเลือกใช้ เพราะมันใกล้เคียงที่สุดในภาษาของเธอที่จะอธิบายถึงวิถีแห่งความเป็นไปของสิ่งต่างๆ (วิถีที่สิ่งต่างๆดำเนินไป)
N : ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอันน่าครั่นคร้ามเพียงหนึ่งเดียว แต่เป็นสิ่งรวม❓
G : ฉันไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง “คิดนอกกรอบหน่อย❗”
N : พระเจ้าเป็นทั้งคู่งั้นหรือครับ❓ เป็นสิ่งมีชีวิตอันน่าครั่นคร้ามเพียงหนึ่งเดียวที่เกิดจากการรวมตัวกันของปัจเจกภาคส่วนต่างๆ❓
G : ดี❗ ดีมาก❗
N : แล้วสิ่งรวมมาที่โลกนี้ทำไมครับ❓
G : 🛑 เพื่อสำแดงตนทางกายภาพ เพื่อรู้จักตัวเองในเชิงประสบการณ์ เพื่อเป็นพระเจ้า อย่างที่ฉันได้อธิบายไว้อย่างละเอียดแล้วในเล่ม 1
N : พระองค์สร้างพวกเราขึ้นมาเพื่อให้เป็นพระองค์❓
G : “เรา”★ ต่างหาก นี่ล่ะ ✨คือเหตุผลที่แท้จริงที่พวกเธอถูกสร้างขึ้น✨
[★พวกเราคือพระองค์ที่กำลังสำแดงตัวออกมา ฉะนั้น “เรา” ในที่นี้ก็หมายถึง ทั้งพระองค์และพวกเราช่วยกันสร้างตัวเองขึ้นมา – แอดมิน]
N : และมนุษย์ก็ถูกสิ่งรวมนี้สร้างขึ้น❓
G : ไบเบิลของพวกเธอเคยกล่าวว่า “ขอ ‘เรา’ จงสร้างมนุษย์ขึ้นตาม ‘ฉายาลักษณ์ของเรา’ และตาม ‘รูปเหมือนของเรา’” (let Us create man in Our image, and after Our likeness) ก่อนคำแปลจะถูกเปลี่ยน
🛑 'ชีวิต' คือกระบวนการที่พระเจ้าสร้างตัวเอง จากนั้นจึงมีประสบการณ์ถึงสิ่งที่ตนสร้างขึ้น
🛑 กระบวนการแห่งการสร้างสรรค์นี้ดำเนินไปตลอดกาล มันกำลังเกิดขึ้นอยู่ตลอด “เวลา”
🛑 โลกสัมพัทธ์และชีวิตทางกายภาพคือเครื่องมือที่พระเจ้าใช้ในการนี้
🌟 พลังงานบริสุทธิ์ (ที่พวกเธอเรียกมันว่าจิตวิญญาณ - spirit) คือสิ่งที่พระเจ้าเป็น แก่นแท้นี้คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ (Holy spirit) อย่างแท้จริง
💥 กระบวนการที่พลังงานบริสุทธิ์กลายเป็นสสาร จิตวิญญาณก่อรูปทางกายภาพ เกิดขึ้นจากการที่พลังงานบริสุทธิ์ลดความเร็วของตัวเองลงอย่างยิ่ง คือการเปลี่ยนสภาวะของการแกว่งขึ้นแกว่งลง หรือที่เธอเรียกมันว่า ‘การสั่นสะเทือน’
💥 สิ่งนั้นอันเป็นทั้งหมดทำแบบนี้เป็นส่วนๆ...นั่นคือส่วนต่างๆขององค์รวมกระทำการลดความเร็วในการสั่นสะเทือนลง ปัจเจกภาคของพระวิญญาณบริสุทธิ์นี้คือสิ่งที่พวกเธอเลือกจะเรียกมันว่า ‘ดวงวิญญาณ’
🛑 ในความเป็นจริงแล้วมีเพียง ‘วิญญาณเดียว’ เท่านั้นที่กำลังก่อร่างและเปลี่ยนรูปของตัวเองใหม่ อาจเรียกได้ว่าเป็น ‘การดัดแปลงแก้ไข’
🛑 พวกเธอทั้งหมดคือพระเจ้าที่กำลังก่อรูป (you are all Gods In Formation) คือข้อมูลหรือแก่นแท้ของพระผู้เป็นเจ้า❗ (God’s information!)★
[★information นี้มีหลายความหมาย อาจหมายถึงข้อมูล เนื้อหา ความรู้ แก่นแท้แห่งตัวตน หรืออาจหมายถึงสสารก็ได้ God’s information ตรงนี้จึงหมายความว่า พระเจ้าที่อยู่ในรูปของแนวคิด (ความคิดมากมายที่มารวมตัวกัน) เป็นเหมือนการรวมตัวกันของข้อมูลจำนวนมาก (ซึ่งก็คือพลังงาน และความคิดก็คือพลังงาน) แล้วพวกเรา (ที่ยอมมามีรูปกาย) ก็เหมือนกับการแปลงข้อมูลที่เป็นพลังงานบริสุทธิ์ที่เรียกว่าพระเจ้านั้นให้กลายมาเป็นสสารหรือสิ่งมีชีวิตทางกายภาพเพื่อมารู้จักตัวเองในเชิงประสบการณ์นั่นเอง – แอดมิน]
นี่แหละคือ : ✨การทำประโยชน์ของพวกเธอและมันก็เพียงพอแล้วในตัวมันเอง✨
พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นอีกก็คือ : ✨แค่มาอยู่ในรูปกายพวกเธอก็ทำมากพอแล้ว✨
⏺️ ฉันไม่ได้ต้องการ และจำเป็นต้องได้อะไรมากไปกว่านี้
⏺️ พวกเธอได้ทำประโยชน์แก่ส่วนรวมแล้ว
⏺️ พวกเธอได้ทำให้เกิดความเป็นไปได้ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งขององค์รวมนั้นได้มามีประสบกาณ์ว่าอะไรที่เรียกว่าดีงาม
⏺️ พวกเธอยังกระทั่งประพันธ์เอาไว้เลยว่าการที่พระเจ้าได้สร้างสวรรค์และโลก สร้างสรรพสัตว์ที่เหยียบย่างอยู่บนพื้นดิน เหินบินอยู่บนฟากฟ้า และแหวกว่ายอยู่ในท้องทะเล นั่นล่ะคือความดีงาม★
[★การมีชีวิตอยู่ของสิ่งมีชีวิตทั้งมวลคือความดีงามในตัวมันเองอยู่แล้ว ~ แอดมิน]
💥 แต่ “ดี” ไม่อาจและไม่สามารถดำรงอยู่ในเชิงประสบการณ์ได้ถ้าไม่มีขั้วตรงข้าม — ฉะนั้นพวกเธอจึงได้สร้างความชั่วขึ้น ซึ่งเป็นการเคลื่อนที่ย้อนหลัง (หรือเป็นด้านตรงกันข้าม) ของความดี ซึ่งก็คือด้านตรงข้ามของชีวิต ด้วยเหตุนั้นพวกเธอจึงได้สร้างสิ่งที่เรียกว่าความตายขึ้น
🛑 ทว่าความตายไม่มีอยู่จริงในความเป็นจริงขั้นสูงสุด แต่เป็นเพียงสิ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้น ถูกประดิษฐ์ขึ้น เป็นประสบการณ์ที่ถูกจินตนาการขึ้นเพื่อให้ชีวิตมีคุณค่ามากขึ้นสำหรับพวกเธอ ฉะนั้น “evil” (ความชั่ว) คือ “live” (ชีวิต) ที่สะกดกลับหลัง❗ พวกเธอฉลาดมากในการใช้ภาษา พวกเธอซ่อนความลับแห่งปัญญาเอาไว้โดยที่พวกเธอเองก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงนั้น
🌟เมื่อพวกเธอเข้าใจความเป็นไปของจักรวาล (จักรวาลวิทยา) ทั้งหมด พวกเธอจะเข้าถึงความจริงอันยิ่งใหญ่ พวกเธอจะแบ่งปันทรัพยากรหรือสิ่งจำเป็นของชีวิตทางกายภาพให้สิ่งมีชีวิตอื่นโดยไม่มีวันเรียกร้องให้สิ่งมีชีวิตอื่นต้องตอบแทนบางสิ่งกลับคืนมา🌟
N : ถึงจะฟังแล้วงดงาม แต่ก็ยังมีบางคนเรียกมันว่าลัทธิคอมมิวนิสต์อยู่ดี
G : หากพวกเขาต้องการเรียกแบบนั้นก็ให้พวกเขาเรียกไป แต่ฉันจะบอกกับเธอว่า : 🔸จนกว่ากลุ่มของสิ่งมีชีวิตจะเข้าใจและตระหนักถึงการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม (community of beings knows about being in community)🔸
💢ไม่อย่างนั้นพวกเธอก็ไม่มีวันได้รับประสบการณ์ถึงความเป็นหนึ่งเดียวอันศักดิ์สิทธิ์ และไม่อาจรู้ถึงตัวตนที่ฉันเป็น💢
วัฒนธรรมที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงของจักรวาลจะเข้าใจลึกซึ้งกับทุกเรื่องที่ฉันพูดตรงนี้
ในวัฒนธรรมเหล่านั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่แบ่งปัน แล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่จะคิด “เพิ่มราคา” ให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆจนแพงลิบลิ่วตามความขาดแคลนของสิ่งจำเป็นในชีวิต
มีแต่สังคมที่ยังล้าหลังเป็นอย่างยิ่งเท่านั้นที่จะทำอะไรแบบนั้น มีแต่สิ่งมีชีวิตที่ยังไม่พัฒนามากๆเท่านั้นที่จะมองความขาดแคลนของสิ่งจำเป็นต่อส่วนรวมว่าเป็นโอกาสทำกำไรให้มากขึ้น “อุปสงค์และอุปทาน” ไม่ได้เป็นตัวขับเคลื่อนระบบของสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูง
นี่คือส่วนหนึ่งของระบบซึ่งมนุษย์อ้างว่าได้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม ทว่าจากมุมมองของสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงแล้ว 💢ระบบของพวกเธอได้ละเมิดผลประโยชน์ของส่วนรวมเพราะมันไม่ยอมให้ผู้คนได้มีประสบการณ์ถึงสิ่งที่ดีๆ💢
อีกหนึ่งคุณลักษณะที่โดดเด่นและน่าสนใจมากของวัฒนธรรมที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงคือ มันไม่มีถ้อยคำหรือเสียง หรือวิธีใดๆที่จะสื่อถึงความหมายและแนวคิดที่เกี่ยวกับ “ของเธอ” และ “ของฉัน”
ทรัพย์สินส่วนบุคคลไม่มีอยู่ในภาษาของพวกเขา แต่ถ้าต้องพูดในภาษาของโลกนี้ก็ต้องใช้คำขยายมาใช้อธิบายถึงสิ่งต่างๆ อย่างเช่น “รถของฉัน” ก็จะกลายเป็น “รถที่ตอนนี้ฉันอยู่กับมัน” “คู่รักของฉัน” หรือ “ลูกๆของฉัน” ก็จะกลายเป็น “คู่รักหรือลูกๆที่ฉันอยู่ด้วยในตอนนี้”
คำว่า “ตอนนี้อยู่กับ” หรือ “อยู่ท่ามกลาง/อยู่ร่วมกับ/อยู่ตรงหน้า” (in the presence of) นั้นใกล้เคียงที่สุดในภาษาของพวกเธอที่จะใช้อธิบายถึงสิ่งที่พวกเธอเรียกว่า “กรรมสิทธิ์ส่วนตน” หรือ “ความเป็นเจ้าของ”
สิ่งที่พวกเธอ “อยู่ท่ามกลาง/อยู่ร่วมกับ/อยู่ตรงหน้า” กลายมาเป็นของกำนัล และนี่คือ “ของขวัญ” ที่แท้จริงของชีวิต★
[★ไม่ว่าจะเป็นผู้คน สิ่งมีชีวิตอื่น ธรรมชาติที่อยู่รายล้อม หรือสิ่งใดๆก็ตาม ที่เราได้อยู่ท่ามกลางหรืออยู่ร่วม ก็คือของขวัญที่แท้จริงของชีวิต เพราะหากไม่มีสิ่งต่างๆที่กล่าวมานั้นพวกเราก็ไม่มีวันได้รับประสบการณ์ - แอดมิน]
ในภาษาของวัฒนธรรมที่มีวิวัฒนาการขั้นสูง ไม่มีถ้อยคำให้พูดแม้กระทั่งว่า “ชีวิตของฉัน” แต่จะสื่อออกมาได้แค่ว่า “ชีวิตที่ฉันมีอยู่ตรงหน้านี้”
คล้ายๆกับภาษาของเธอที่พูดว่า “ต่อหน้าพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า” (in the presence of God)
🛑 เมื่อเธออยู่ตรงหน้าพระเจ้า (🌟ซึ่งเป็นเช่นนั้นในเวลาที่พวกเธออยู่ตรงหน้ากันและกัน🌟) พวกเธอจะไม่มีวันคิดเบียดบังของของพระเจ้าไปจากพระเจ้า (หมายความว่า จากส่วนใดๆของสิ่งอันเป็นทั้งหมดนั้น) พวกเธอจะแบ่งปันสิ่งซึ่งเป็นของพระเจ้าออกไปตามธรรมชาติ แบ่งปันแก่ส่วนต่างๆของสิ่งซึ่งเป็นพระเจ้าอย่างเท่าเทียม★
[★ย่อหน้าข้างบนนี้มันงดงามมาก งดงามมากจริงๆ - แอดมิน] 🥰
📌 นี่คือความเข้าใจทางจิตวิญญาณที่เป็นรากฐานทางโครงสร้างทั้งหมดของสังคม การเมือง เศรษฐกิจและศาสนา ของวัฒนธรรมที่มีวิวัฒนาการขั้นสูง
นี่คือ ✨จักรวาลวิทยาของทุกชีวิต (คือความเป็นไปในจักรวาลของทุกชีวิต)✨
💢 และเมื่อสังเกตไม่เห็นถึงความเป็นไปของจักรวาลนี้ เมื่อไม่เข้าใจและไม่ใช้ชีวิตตามความเข้าใจนี้ จึงก่อให้เกิดความแตกแยกและการทะเลาะวิวาททั้งหมดในประสบการณ์ของพวกเธอขึ้นบนโลก.
(จบ – บทที่ 18)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา