18 ก.ย. 2021 เวลา 17:07 • ปรัชญา
ขึ้นชื่อว่าชีวิต ต้องเสาะแสวงหา ปัจจัย มาหล่อเลี้ยงอะไร ที่จำเป็นแก่ชีวิต ยุคนี้ เป็นยุคที่อาศัยเงินตรา จนมีอยู่คำสมัยหนึ่งว่า มีเงินมีทองบันดาลสุข ก็ถามต่อไปอีกว่า เงินทองถ้าหากเราได้มา เอากองไว้เฉยๆ มันมีประโยชน์อะไรมั้ย เงินทองมันดี ตรงที่คนยุคนี้ ใช้เป็นเครื่องหมายอุปโลกน์ในการแลกเปลี่ยน เอารัดเอาเปรียบกันก็อยู่ในนี้แหละ กดขี่กันก็ตรงนี้แหละ จมอยู่กับสุขทุกข์ที่ยึดไว้ตรงนี้แหละ ทำลายกันก็สิ่งนี้แหละ เอาไปสร้างสิ่งที่ดีก็มี เอาไปสร้างสิ่งของมาเข่นฆ่ากัน จะได้ตายกันทีละเยอะๆ แต่คนนิยมชมชอบ มีเงินมีทองบันดาลยศฐานบรรดาศักดิ์ บางคนก็หามาเสียมากมายก่ายกอง หมดลมก็กองไว้กับโลก บางคนยังไมทันหมดลม ก็กองไว้ไม่รับรู้อะไร เจ็บป่วยนอนติดเตียงเสียแล้ว อุตส่าห์เหนื่อยทุกข์กายทุกข์ใจไปแสวงหามา มานอนติดเตียง ถึงตอนมันมีประโยชน์ตรงที่ไปจ้างหมอมาเจาะ ตรงนั้นตรงนี้ ให้กายรับทุกข์ แล้วจิตล่ะไม่ทุกข์หรือไง
จะมีเงินมีทองต้องแลกเปลี่ยนแปลงแรงงานกายของตน เรียกว่าทำงานแลกเงิน แล้วก็ไปแลกเปลี่ยน เป็นของกิน ของใช้ ที่จำเป็น ให้กายได้พัก ดับความหิวกระหาย กินมากก็ต้องหาที่ระบาย ไม่กินก็ไม่ได้ ร่างกายต้องอาศัยธาตุนอก เนื้อหมูเนื้อไก่ มาเป็นโปรตีนเป็นอะไรต่ออะไร บำรุงหล่อเลี้ยงสังขารนี้ไห้ดำเนินไป จะปกติหรือผิดปกติ ก็มาจากเรื่องราวเหล่านี้ ต้องพิจารณาว่าอะไรควรไม่ควร เดี๋ยวมันจะเกิดเป็นพิษขึ้น กายก็จะลำบากทุกข์ทรมาน พอกายทุกข์ทรมาน จิตเราอาศัยเรือนกายที่พ่อแม่ให้มาต้องเดือดร้อนไปด้วย ทุกข์ไปกับเรื่องของกายเหมือนกัน มันสัมพันธ์อาศัยกันอยู่
เมื่อเราเข้าใจในชีวิต พิจารณา ให้มันชัดเจน เราต้องการอะไร ไปแสวงหาสิ่งภายนอก ได้มาแล้วเอามาทำอะไร ทำให้เกิดเป็นภาระ คำภาระ นั้นหมายถึง เช่นของที่เราได้มา ตอนแรกก็ดีใจ ได้มาแล้ว บางครั้งก็ไปเก็บ ไปแอบ เก็บไว้เฉย นานไปบางที่ก็เก่าเสียแล้ว ตกรุ่นเสียแล้ว ต้องเหนื่อยไปหาใหม่อีกแล้ว ใครล่ะที่เหนื่อย ก็กายของตัวเอง นั่นแหละที่ต้องไปออกแรงหามา ได้มันมาแล้ว ความสุขมันมีมั้ย มีความสุขที่สมปรารถนาตามอารมณ์ที่อยากได้ เป็นความสุขของอารมณ์ ไม่ใช่ความสุขของจิต เพราะอารมณ์นั้นของไม่เที่ยง ผ่านมาที่กาย แล้วก็ผ่านไป แล้วเราไปยึดตามอารมณ์อยากได้อยากมี จิตเราก็หาความสุขไม่ได้ ต้องวุ่นวายดิ้นรนไป ทะเยอทะยานไปตามอารมณ์ ที่เดี๋อวชอบใจเดี๋ยวไม่ชอบใจ วนอยู่อย่างนี้ ทุกข์อย่างนี้กับเรื่องราวของอารมณ์ปรุงแต่ง เป็นมายาหลอกจิตตน
พระท่านจึงบอกว่า มาทางนี้ๆ มาสร้างบุญสร้างกุศลบารมี ให้จิตนี้มีกำลังมีกายเป็นบุญ ปฏิบัติธรรมภาวนา ด้วยพุทโธ (อย่าไปท่องคาถานะ ไอ้ตัวโลภโกรธหลงมันแอบซ่อนเร้นอยู่ พิจารณาดีๆก็จะเห็น มันจะพาลงนรกตามเทวทัตไป) จุดเท๊ยนธรรมให้แก่จิตของเรา เพราะเราเป็นผู้มีกรรม (ผู้ไม่มีกรรม เค้าไม่เกิดแล้ว) เพื่อจะไปสอดส่อง พิจารณาเรื่องราว เหตุผลต่างๆ สีต่างๆสีเวรสีกรรมภายในจิต อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นในตนนั้น จะนำพาจิตเราหรือหนุนนำให้จิตมีกิริยากายวาจาใจทำสิ่งที่สุขหรือทุกข์ให้กับกายที่เราอาศัยและจิตของเรา ทั้งชาตินี้และชาติหน้า สุขที่ไม่ไปยึดถืออะไรมากมายเกินไป ในการแสวงหาสิ่งจำเป็นมาประทังสังขาร วันนี้เรายังไม่รู้ เราก็ฝึกหัดกระทำไป วันหนึ่ง ชาติหนึ่ง จิตเราโตขึ้น ก็จะค่อยๆรู้จักเรื่องราวของธรรมเที่ยงที่แท้จริง สุขที่ไม่มีอะไรภายในจิต จิตที่สว่างไสวไม่มีมลทินด้วยโลภโกรธหลง ยุติการเกิดเสียที
โฆษณา