20 ก.ย. 2021 เวลา 14:26 • ประวัติศาสตร์
ย้อนอดีตไปกว่า 100 ปีที่ผ่านมา…ภาพของ “ชาวจีน” ในเรือสำเภาที่ “หนีตาย” มาถึงแผ่นดินสยาม… พอจะเทียบเคียง คู่ขนานไปกับชาวอัฟกันที่เกาะเครื่องบินหนีแล้วตกมาตาย
4
ชาวจีนมาโดยเรือแน่นขนัด…ชาวอัฟกันไปโดยเครื่องบินเต็มลำ
1
ชาวอัฟกันนับแสน ประสงค์จะหนีตายออกนอกประเทศ
2
ชาวจีนหลายแสนคน ทยอยลงเรือ รอนแรมในทะเลราว 30 กว่าวัน ส่วนหนึ่งออกเดินทางจากท่าเรือเมืองซัวเถา…
1
เสียเงิน…เสี่ยงชีวิตจากเรือแตก เจ็บป่วย อดอาหาร ขาดน้ำดื่ม ตายก็โยนทิ้งทะเล ที่เหลือมาขึ้นฝั่งในหลาย
2
พื้นที่เมืองชายทะเลในสยาม มีกลุ่มใหญ่ข้ามไปเกาะภูเก็ตและเมืองระนอง เพื่อเป็นคนงานเหมืองแร่ในช่วงรัชสมัยในหลวง ร.4
1
ชาวจีนรักการทำงาน ชอบการค้าขาย อะไรก็ได้ ขอให้ได้เงิน
1
ช่วงต้นรัตนโกสินทร์….งานที่ชาวสยามเบือนหน้าหนี คือ “งานตักส้วม” ที่ชาวเมืองกรุงบางกอกถ่ายของเสียลงหลุม เมื่อเต็มถังต้องถ่ายเทออกนำไปทิ้งไกลๆ
1
ชาวจีนผู้ยากไร้ ลงมือทำ…และในที่สุด “ตั้งบริษัทตักส้วม” ในบางกอก ชาวจีนรุ่นหลัง…ที่มาขึ้นบกในสยาม
พูดภาษาไทยไม่ได้…ไม่ขอฝึกพูดให้เสียเวลา…ไปสมัครทำงานตักส้วม ไม่ต้องพูดก็ทำงานได้
1
บรรทุก “ของเหลว” ใส่ถังจากต้นทาง…ด้วยล้อเลื่อนเคลื่อนไปตามตรอกซอกซอย เอาไปเททิ้งในสวน พืชผักงามโตพรวดพราด
2
เก็บหอมรอมริบ ทำเงิน-ทำทอง ตั้งตัวได้…กลายเป็นพ่อค้า
2
ลูก-หลาน-เหลน ของชาวจีนเหล่านี้แหละ แค่ 2 ช่วงอายุคน
1
วันนี้กลายเป็นมหาเศรษฐี มายืนแถวหน้า สง่างาม กุมอำนาจเศรษฐกิจ การเงิน การเมือง การทำมาหากินของคนในประเทศไทย
5
“ชาวจีนในสยาม” เป็นส่วนผสมกลมกลืนของประชากรที่สร้างสรรค์ ในขณะที่หลายประเทศยังคงขอขีดเส้นแบ่งเชื้อชาติ
2
(ชาวจีนนับล้านคน หนีตายออกนอกแผ่นดินหลายระลอก จากปัญหาความอดอยาก แร้นแค้น ถูกกดขี่ ทางการเมือง การปกครอง ชาวจีนหลากเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ กระจายไปทั่วโลก ขายแรงงาน ทำงานหนัก ขยัน ขอไปอยู่รวมกันจัดตั้ง “ไชน่าทาวน์” มีทั้งอุ้มชูดูแล ช่วยเหลือ รักพวกพ้อง รวมทั้งข่มเหง ขูดรีด รังแกกันเอง)
5
มีผู้กล่าวว่า…“เลือดไทยแท้บริสุทธิ์…หาไม่ได้…ไม่มีจริง” ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น
2
กลับมาที่ประเด็นของอัฟกานิสถาน ครับ…
1
15 กันยายน 64 ที่ผ่านมา คือ ครบรอบ 1 เดือนที่กองกำลังทาลิบัน เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ
ก่อนกรุงคาบูลแตก แล้วทาลิบันขึ้นเถลิงอำนาจ
1
ประชาชนของประเทศมหาอำนาจ อเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น เยอรมนีในอัฟกานิสถาน อพยพหนีตาย …ทุกวัน ทุกเวลา ที่ผ่านมามีแต่ข่าวประชาชน “ขอหนีตาย” ออกจากแผ่นดิน
5
ทุกประเทศ…ที่มีชายแดนติดต่อกับอัฟกานิสถาน “งานเข้า” เดือดร้อน ต้องมาวางกำลังทหารสกัดกั้น มิให้ชาวอัฟกันทะลักเข้าไป
1
ภาพของพ่อ แม่ เด็กเล็กในอ้อมกอด ที่อิดโรย ร้องขอชีวิต เพื่อข้ามพรมแดนหนีสุดชีวิต…เป็นภาพที่น่าอนาถสำหรับมนุษ์ยชาติ
4
อเมริกา…“ขาใหญ่” ที่เข้าไปทำงานในแผ่นดินนี้ ใช้เครื่องบินทหาร เช่าเครื่องบินพลเรือน อพยพเร่งรีบ นำออกมาได้กว่า 1 แสนคน ภายใน 10 วัน
4
แทบทุกคนมีเอกสารแสดงตนว่า เคยทำงานกับกองทัพสหรัฐ เคยทำงานในสถานทูต เคยทำงานในองค์การที่สหรัฐรับรอง
การทำงานกับหน่วยงาน และกองทัพสหรัฐที่ผ่านมาคือ “สิทธิพิเศษ” ในการอพยพออกนอกประเทศ
3
เมื่อกรุงแตก…ชาวอัฟกันนับหมื่น แห่กันไปกระจุกตัวที่ทางเข้าสนามบินกรุงคาบูล มีหลักฐานจริง-เก๊ บางคนก็ไม่มีหลักฐานอะไร ก็จะขออาศัยเหตุชุลมุน มั่ว เผื่อฟลุค…ได้ขึ้นเครื่องบินมะกันหนีตาย
4
กลุ่ม IS-K ที่ไม่ชอบหน้าทาลิบัน เฝ้าดูเหตุการณ์คนมาชุมนุมกันนับหมื่น ไร้ระเบียบ กำลังสับสน… ตัดสินใจนำระเบิดยักษ์บรรทุกรถยนต์เข้าไปกดระเบิดกลางดงมนุษย์
ทหารมะกันชาย-หญิง ตายทันที 13 นาย ประชาชนชาวอัฟกันเกือบ 200 ร่างแหลกเหลว บาดเจ็บอีกนับไม่ถ้วน
6
โจ ไบเดน ถูกชาวอเมริกันประณาม ด่าทอ ถือว่าอ่อนแอ ทหารอเมริกันที่เคยเข้าไปทำการรบในอัฟกานิสถาน เป็นทหารผ่านศึก ต่างไม่พอใจที่ต้องปล่อยให้ชาวเมืองตกอยู่ใต้อำนาจการกดขี่ของทาลิบัน
10
ในช่วง 2 สัปดาห์ ทหาร รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของทาลิบันเองก็ช่วยในการตรวจสอบหลักฐาน เอกสารตั้งแต่ทางเข้าสนามบิน ก่อนจะให้เข้าไปพักคอย ก่อนขึ้นเครื่องแบบยัดทะนาน
2
ผู้หญิงและเด็กจะได้รับการพิจารณาก่อน…
“ผู้หญิงท้องแก่” จะได้รับสิทธิ “ทันที” จนกระทั่งมีเหตุการณ์คลอดบนเครื่องบิน 1 ราย บนเครื่อง C-17 ขณะบินออกจากคาบูลไปลงสนามบินแรมสไตน์ (Ramstein Air Base) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนี
5
เครื่องบินที่บรรทุกผู้หนีตายเต็มลำ….ไม่ได้บินตรงจากกรุงคาบูลไปอเมริกา หากแต่นำผู้อพยพไปลงที่ประเทศกาตาร์ ไปเยอรมนี และประเทศอื่นๆ ที่เป็นพันธมิตรกับอเมริกา
1
ทุกคน “บนเครื่อง” ใจระทึก…ขอให้กัปตันปิดประตูเครื่องบิน นั่นหมายความว่า…กำลังจะบินขึ้น…(กูและครอบครัว) อยู่ในเครื่องแล้ว
4
หนีออกจากประเทศบ้านเกิดโดยไม่มีอะไร..นอกจากเสื้อผ้า ผู้อพยพบางคนไม่มีเอกสารอะไรทั้งนั้น
กลางเดือนกันยายน 2564 ชาวอัฟกันหลายหมื่นคน ทยอยเดินทางถึงสหรัฐ
มีโพลสำรวจความเห็น…ชาวอเมริกันส่วนใหญ่สนับสนุน ยินดีให้คนเหล่านี้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในอเมริกา
สัปดาห์แรกของเดือนกันยายน …โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลง… ผู้ลี้ภัยชาวอัฟกันมากกว่า 23,000 คน ที่ถือว่าเป็น “กลุ่มเสี่ยง” มาถึงแล้ว
1
การบริหารจัดการเพื่อกระจายตัว ที่พัก อาหาร หลักฐานใครเป็นใคร มิใช่เรื่องเล็ก …สารพัดเรื่องจุกจิก…
น่าจะมีปัญหาเรื่องภาษาพอสมควร…ต้องใช้ล่าม
ถ้านึกอะไรไม่ออก-บอกไม่ถูก…ให้เอาไปไว้ “ในค่ายทหาร”
ชาวอัฟกันถูกคัดแยกไปอยู่ในฐานทัพทหาร 7 แห่ง ในอเมริกา
1
พล.อ.อมาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วม กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างการบรรยายสรุปของกระทรวงกลาโหม
“…เครื่องบินขนส่งทางทหาร และค่ายทหารได้แปรสภาพเป็นสถานที่ตรวจคนเข้าเมืองขนาดใหญ่…ชาวอัฟกันที่กล้าหาญจะมาสร้างชีวิตใหม่กับครอบครัวของพวกเขาในอเมริกา”
2
ยังมีอีกนับหมื่นคนในยุโรป และในตะวันออกกลาง ที่กำลังทยอยบินเข้ามาอเมริกา
นี่คือ งานด้านมนุษยธรรมและการย้ายถิ่นฐานระดับโลก
2
ขณะเขียนต้นฉบับ (กลางเดือนกันยายน 2564) สหรัฐและประเทศต่างๆ ยังติดต่อประสานขอให้ทาลิบันยินยอมให้ชาวอัฟกันที่ตกหล่น ขนย้ายไม่ทัน ได้อพยพไปยังสหรัฐอเมริกา)
2
เมื่อเดินทางมาถึงอเมริกา จะถูกคัดกรอง แบ่งไปเข้าพักชั่วคราวที่ฟอร์ต ลี (Fort Lee) ฟอร์ต พิกเก็ต (Fort Pickett) และค่ายนาวิกโยธินควอนติโก (Marine Corps Base Quantico) ในเวอร์จิเนีย
2
ฟอร์ตแม็คคอย (Fort McCoy) ในรัฐวิสคอนซิน
Joint Base McGuire-Dix-Lakehurst ในรัฐนิวเจอร์ซีย์
ฟอร์ตบลิส (Fort Bliss) ในเท็กซัสและพื้นที่ฐานทัพอากาศฮอลโลมัน ( Holloman Air Force Base) ในรัฐนิวเม็กซิโก
1
หน่วยงานที่เป็น “เจ้าภาพ” ในแผ่นดินอเมริกา คือ กระทรวงป้องกันมาตุภูมิ (Department of Homeland Security)
โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า…“ค่ายทหาร ไม่ใช่สถานที่ที่ผู้คนเหล่านี้จะมาอาศัยอยู่ …พวกเขาจะได้รับการดูแลทางการแพทย์และความช่วยเหลือ องค์กรการตั้งถิ่นฐานของผู้ลี้ภัยจะเข้ามาดูแล..”
1
วอชิงตันก็ประสานกับประเทศอื่นๆ ที่จะมาช่วยรับผู้อพยพ
“แคนาดา” ประกาศยินดีรับผู้ลี้ภัยชาวอัฟกัน 20,000 คน
ออสเตรเลียขอรับ 3,000 คน เยอรมนีขอ 10,000 คน
อังกฤษจะรับผู้ลี้ภัยขั้นต้นราว 5,000 คน โดยมีเป้าหมายระยะยาวที่ 20,000 คน
1
กระทรวงการต่างประเทศ จะดำเนินการ “วีซ่าผู้อพยพพิเศษ” นับหมื่นฉบับ ที่จะมอบให้กับชาวอัฟกัน เพื่อจะทำงาน ประกอบอาชีพในอเมริกา
ผู้อพยพทั้งหลายก็ใช่ว่าจะ “เป็นของเน่าเสีย” บางคนทำงานในระดับสูงมาก่อน มีหลากหลายอาชีพ เมื่อตั้งหลักได้ทุกคนก็จะไปทำมาหากินตามถนัด… ในอเมริกามีงานให้ทำเยอะแยะ
3
แม้กระทั่งภาคเกษตรกรรม…อบรม ฝึกหัดเพิ่มเติม ทุกชีวิตมีคุณประโยชน์อนันต์ เพิ่มประชากรในชุมชน เกิดการผลิต จ้างงาน เกิดเงินหมุนเวียนในท้องถิ่น
1
ผู้อพยพทั่วโลกที่สหรัฐรับไปตั้งถิ่นฐาน หรือสมัครใจเข้าไปประกอบอาชีพ…ถือเป็น “ทรัพยากร” นะครับ พื้นที่ในดินแดนลุงแซมกว้างใหญ่สุดขอบฟ้า มีงานทุกชนิดให้ทำ มีเงิน มีสวัสดิการที่เป็นมาตรฐาน
2
แม้กระทั่งคนเข้าเมืองผิดกฎหมายนับล้านคน แอบทำงาน ถูกกดค่าแรงรายชั่วโมง… ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้
ใครขยัน เก่ง อดทน …ไม่ต้องใช้เส้นสาย …เริ่มเป็นลูกจ้างก่อน ใช้เวลาไม่นานจะตั้งตัวได้
ราว 50 ปีก่อน นักศึกษาไทยที่ไปเรียนในอเมริกา ขอทำงาน (แอบ) ทำงานล้างจานในร้านอาหาร ไปรับจ้างเก็บพืชผลการเกษตร รับจ้างขับรถไปเข้าที่จอดในโรงแรม เป็นบ๋อย ฯลฯ …เรียนจบปริญญาตรี โท เอก… ไม่ต้องใช้เงินทางบ้านเลย แถมยังเก็บเป็นเงินก้อนกลับมาตั้งตัวในเมืองไทยได้อีก
7
ที่สำคัญที่สุด คือ เด็กๆ จากดินแดนที่สิ้นหวังทุกชาติทุกคน จะได้เรียนหนังสือ ใครเก่งก็ได้รับการยกย่อง ได้ทุนเรียนฟรี กลายเป็นพลเมืองสหรัฐ มีดี มีเก่งสุดสุด มีเลว มีชั่วปะปนกันไป
3
นักกีฬา นักวิทยาศาสตร์ แพทย์ ศิลปิน ฯลฯ กลายไปเป็น “อัจฉริยะของโลก” ไปโด่งดัง แจ้งเกิดในอเมริกา
เยาวชนทั้งหลาย ทั้งที่เกิดในอเมริกา และอพยพเข้าไป จะถูกปลูกฝังให้มีความทะเยอทะยาน สร้างตัวตนที่เรียกว่า American Dream
2
อเมริกา คือดินแดนแห่งผู้อพยพจากทั่วโลก “คนอเมริกันเชื้อสายไทย” ก็มีอยู่ไม่น้อย ในกองทัพสหรัฐ บก เรือ อากาศ นาวิกโยธิน เป็นนายทหาร นายสิบ แม้กระทั่งเป็นตำรวจ เป็นนักวิชาการ เป็นอาจารย์สอนหนังสือ เป็นแพทย์ พยาบาล…
1
ที่มี “คลิปเด็ด” ที่ผู้เขียนชอบมากมาโชว์ทางยูทูบ คือ สาวสวย แกร่งจากอีสาน..ไปเป็นพนักงานขับรถพ่วงบรรทุกสินค้าในอเมริกา เธอคล่องแคล่ว เท่สุดสุด ท่าทางมั่นใจ เธอขับรถตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็นขนาดยักษ์ตระเวนไปทั่วอเมริกา ค่ำไหนนอนนั่น เก็บเงิน มีบ้าน เป็นคนมีฐานะ แบบที่ใครก็นึกไม่ถึง
2
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวว่า สหรัฐตั้งเป้าที่จะอพยพพันธมิตรอัฟกันราว 50,000 ถึง 65,000 คน ก่อนสิงหาคม 2564
เป้าหมายใหญ่ คือ ราว 1 แสนคน ที่จะให้เข้าไปอเมริกา
15 กันยนยน 2564… อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ 3 คน จอร์จ ดับเบิลยู บุช, บิล คลินตัน และ บารัค โอบามา และภริยา รวมทั้งกลุ่มผู้สนับสนุน ประกาศจัดตั้งองค์กรที่จะช่วยเหลือชาวอัฟกัน
1
อดีตผู้นำทั้ง 3 ตั้งเจตนารมณ์ร่วมกันจัดตั้ง กลุ่ม Welcome.US ระดมการสนับสนุนและอาสาสมัครจากภาคเอกชนมาช่วยชาวอัฟกันสร้างชีวิตใหม่ในอเมริกา
2
กลุ่มนี้ ….ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เช่น Microsoft Corp, Starbucks Corp, CVS Health Corp, AirBnB Inc และผู้คนและองค์กรมากกว่า 280 คน รวมถึงองค์กรไม่แสวงผลกำไรจำนวนมาก และกลุ่มทหารผ่านศึก
5
เห็นชื่อ ภาคเอกชน ก็แบเบอร์แล้วว่า “เงินเยอะ”
1
ผู้ว่าการรัฐ นายกเทศมนตรี ผู้นำระดับท้องถิ่นของสหรัฐ หลายเมืองประกาศว่า…“ยินดีต้อนรับผู้ลี้ภัยสู่ชุมชน…”
ว่ากันตามความจริง มนุษย์ทั้งหลาย ไม่มีใครต้องการจากบ้าน จากเมือง ในลักษณะหนีตาย เกลียดการพลัดพราก…
2
สุภาษิตไทยโบราณ..“คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก…”
แต่ถ้า…คับทั้งที่-ทั้งใจ…ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม..ไปเถอะครับ…
3
โฆษณา