24 ก.ย. 2021 เวลา 07:05 • ไลฟ์สไตล์
Ep1: ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครรับฟัง ลองเขียน Diary ดูสิ!
มันคงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว หากเรามีคนรับฟังเรื่องราวของเรา ได้พูดได้คุย เพื่อปลดปล่อยความคิดในที่อยู่ในสมอง ใครสักคนที่พร้อมเปิดใจรับฟังแบบไม่มีเงื่อนไข ไม่มีอคติ พร้อมสนับสนุนหรือให้ความคิดเห็นเพื่อประกอบการตัดสินใจกับเรา แน่นอนว่าไม่ง่ายที่เราจะเจอคนๆ นั้น แม้แต่คนใกล้ตัว
หากเราบังเอิญโชคดี ได้เจอคนๆ หนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราไม่ว่าจะมาในรูปแบบเพื่อน แฟน หรือรูปแบบอะไรก็ตาม เราควรจะขอบคุณที่เขาสละเวลามารับฟังเรื่องราวของเรา ลองคิดดูสิคะ ขนาดตัวเราเอง เรายังไม่สามารถอดทนฟังคนอื่นได้นานๆ นับประสาอะไรกับคู่สนทนาของเรา เราไม่ควรคาดหวังว่าเขาจะต้องรับฟังเราทุกๆ เรื่องของเราหรอกจริงไหม
สำหรับบางคนที่ไม่ได้โชคดีเจอคนหรือสิ่งมีชีวิตอื่นใดที่พร้อมจะรับฟังเราล่ะ เราควรจะทำอย่างไรดี?
ว่ากันว่าการเขียนเป็นการปลดปล่อยอย่างหนึ่ง อีกทั้งเราไม่ต้องรอใคร ไม่ต้องง้อใคร ไม่ต้องพึ่งพาใครให้มารับฟังเรา มีเพียงกระดาษ ดินสอหรือปากกา หรือหากใครพิมพ์เก่งก็สามารถใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ ก็เยี่ยมไปเลย
การเขียน Diary เปรียบเสมือน Buddy เพื่อนคู่คิดของเรา บางคนอาจจะแย้งขึ้นมาว่ามันเป็น One Way Communication และขาด Interaction
จริงอยู่ค่ะการเขียน Diary มันย่อมแตกต่างจากการพูดคุยกับผู้อื่น 100% แต่อยากให้ลองพิจารณาถึงข้อดีของการเขียน Diary อีกมุมที่ตัวเราเองสามารถระบายความรู้สึก เรื่องราวของเราได้ทุกที่ ทุกเวลานาที ไม่ต้องรออะไร บ่นได้บ่น ไม่ต้องเกรงใจใคร Diary รับข้อความ ข้อมูลได้ไม่จำกัด กับคนนี่ยังรับข้อมูลได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ Diary รับได้หมด งานจดบันทึกของเราอาจกลายเป็นสิ่งที่มีค่าในอนาคตก็เป็นได้
เวลาที่เราพูดหรือสื่อสารกับคนอื่น ส่วนมากเราไม่เคยมานั่งทบทวนคำพูดของตัวเอง แต่ Diary เก็บทุกถ้อยคำของเราเป็นหลักฐาน เราสามารถกลับมาทบทวนสิ่งที่เราเขียนได้ไม่จำกัดกาล แต่ละครั้งจะทำให้เรามองเห็นตัวเองได้แจ่มชัดมากยิ่งขึ้น เป็นการพูดคุยกับตัวเองหรือ Self Talk แทนที่เราจะไปคุยเพื่อระบายกับคนอื่น หันมาคุยมาพูดคุยกับตัวเองใน Diary แทน
บางคนอาจจะแย้งขึ้นมาว่า บางทีเราต้องการความคิดเห็นจากคู่สนทนาเพื่อประกอบการตัดสินใจของเราไง แต่ Diary มันตอบไม่ได้อ่ะ คำถามคือแล้วทำไมเราถึงตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้ ทำไมเราต้องรอคนอื่นช่วยคิด เราควรตัดสินใจได้เอง กลั่นกรองเองโดยไม่ต้องรอคนอื่นไม่ใช่หรือ??
สำหรับเทคนิคการเขียน Diary คือเขียนหรือพิมพ์โดยไม่ต้องคิด ไม่ต้องเรียบเรียง อยากเขียนอะไรเขียนออกมา เหมือนเวลาที่เราพูดกับคนอื่น เขียนหรือพิมพ์อย่างที่ใจเรานำพาไป หากเราลังเล คิดไม่ตก ต้องตัดสินใจอะไรสักอย่าง ให้เขียนมันออกมาอะไรคือ ข้อดี ข้อเสีย อะไรที่เราได้ประโยชน์และเสียประโยชน์จากสิ่งๆ นั้น
ปัจจุบันมีแอพพิเคชั่นมากมายบนโทรศัพท์มือถือที่เป็นเสมือน Diary ส่วนตัว ลูกเล่นเยอะมาก สามารถโหลดรูปภาพได้ตลอดเวลา หากใครสนใจลอง Explore แอพต่างๆ ได้ที่่เว็บไซต์
โฆษณา