จากการศึกษาของ ดอกเตอร์ คอสต้า คาราจิโอคิส ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาและจิตวิทยาการกีฬา ของมหาวิทยาบรูเนล ประเทศอังกฤษ ที่ถูกพูดถึงในบทความชื่อ "HOW TO BENEFIT FROM MUSIC IN SPORT AND EXERCISE" โดย ฮันนาห์ ฟาร์เมอร์ นักศึกษาปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน
นอกจากนี้ยังมีเพลงของ ลิล เวย์น อย่าง "I'm Me" ที่มีเนื้อเพลงว่า "Yes, i'm the best and no I ain't positive. I'm definite I know the game like i'm reffin it" ที่แปลได้ว่า "ใช่แล้ว ฉันเก่งที่สุด ฉันไม่ได้มองโลกในแง่ดีแต่ฉันมั่นใจ ฉันรู้จักกับเกมนี้ดีเหมือนที่ฉันกำลังพูดถึงมันนี่ไง" ซึ่งเพลงดังกล่าว เป็นเพลงที่ "ไมเคิล เฟลป์ส" นักกีฬาว่ายน้ำชาวอเมริกันชื่อดัง เจ้าของ 23 เหรียญทองโอลิมปิก เปิดเผยว่าเขาชอบฟังก่อนลงแข่งเพื่อทำให้รู้สึกมั่นใจและตื่นตัวอยู่เสมอ
ความน่าสนใจคือ บางคนไม่ได้ฟังฮิปฮอปเพื่อความไฮป์เพียงอย่างเดียว แต่เพื่อทำสมาธิ อย่าง คริส แฮร์ริส จูเนียร์ ผู้เล่นในตำแหน่งตัวคุมปีก เผยว่าดนตรีมีผลต่ออารมณ์ของเขา เขามักจะจัดการอารมณ์ก่อนการแข่งขันด้วยการฟังเพลงเสมอ อีกทั้งยังทำให้เขามีแรงจูงใจมากขึ้น จากเนื้อเพลงที่เขาชอบ ในเพลง "Believe Me" ของ ลิล เวย์น ที่ได้ เดรค มาร่วมแจม ความว่า "I am the only one they come to see, believe me" ที่แปลได้ว่า "ฉันคือหนึ่งหนึ่งเดียวที่ทำให้คนแห่มาดูได้ เชื่อฉันเถอะ"
บางครั้งความรุนแรงของเนื้อเพลงก็เลยเถิดเกินไปมาก ขนาดกลายเป็นข้อถกเถียงกันมาแล้วในวงการบาสเกตบอล NBA ว่าควรปล่อยให้มีการเปิดเพลงแรปที่มีเนื้อหารุนแรงแบบนี้หรือไม่ ?
Photo : 8points9seconds.com
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2014 ในห้องแต่งตัวของทีม อินเดียนา เพเซอร์ส ก่อนที่พวกเขาจะลงสนาม มีรายงานจากนักข่าว Washington Post คนหนึ่งว่า นามว่า ไมค์ ไวส์ เขาได้ยินเสียงเพลงฮิปฮอปที่เต็มไปด้วยคำหยาบดังออกมาจากห้องแต่งตัว ซึ่งเป็นเพลงของ ไทก้า และ เดอะ เกม
"นักกีฬาอาชีพจาก NBA ทำให้ศิลปินฮิปฮอปรู้สึกตื่นเต้นจากอะดรีนาลีนระหว่างถ่ายทอดสดการแข่งขัน ในขณะที่ศิลปินฮิปฮอป ก็ทำให้นักกีฬาอาชีพมองเห็นถึงความงามในวัฒนธรรมนี้"
คำกล่าวของ ควาโว หนึ่งในสมาชิกของวงมิโกส์ กลุ่มศิลปินฮิปฮอปจากแอตแลนตา สหรัฐอเมริกา จากนิตยสาร Sport Illustrated ที่อาจแสดงให้เราเห็นว่าฮิปฮอปกับกีฬาเกี่ยวข้องกันอย่างมีนัยยะสำคัญ
ถึงว่าจะเป็นฮิปฮอป แต่ฮิปฮอปที่นักกีฬาชอบฟังไม่ได้มาจากแค่ศิลปินเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกันเท่านั้น แต่ยังมี เอมิเน็ม แรปเปอร์ผิวขาวจากดีทรอยต์ ผู้คร่ำหวอดในวงการแรป เจ้าของเพลง "Lose Yourself" เพลงประกอบภาพยนตร์ 8 Mile ที่ได้กลายมาเป็นหนึ่งในเพลงสุดไฮป์ที่รับความนิยมก่อนลงสนามของนักกีฬา ด้วยเนื้อหาที่สามารถสร้างแรงกระตุ้นได้ดี เช่น "You only get one shot, do not miss your chance to blow, This opportunity comes once in a lifetime" ที่แปลได้อย่างตรงตัวว่า "คุณมีโอกาสเพียงครั้งเดียว อย่าพลาดที่จะทำมันให้ดี โอกาสนี้มาแค่ครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น"