29 ก.ย. 2021 เวลา 05:05 • ประวัติศาสตร์
ดินแดนไร้พ่าย!? เผยรายชื่อ 5 ประเทศ ที่กล่าวกันว่าไม่มีกองทัพใดในโลกสามารถยึดครองดินแดนของพวกเขาได้!! (ภาคสอง)
ความเดิมจากตอนที่แล้ว หลังจากที่เราได้พูดถึง 5 ประเทศที่กล่าวได้ว่าไม่มีทางที่กองทัพใดในโลกจะพิชิตได้ ก็ดูเหมือนว่าหลาย ๆ ท่านจะให้ความสนใจ ดังนั้นผมจึงไปรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม และนำมาเสนอกันต่อในภาคสองให้ทุกท่านได้ติดตามกันครับ ซึ่งก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีภาคสาม เป็นไตรภาคไปเลย เพราะยังมีอีกหลายประเทศที่เข้าข่ายเหมือนกัน
2
ท่านสามารถติดตามตอนเก่าได้จากลิงค์ด้านล่างครับ
1. ญี่ปุ่น
ประเทศที่เป็นหมู่เกาะ ถือว่าได้เป็นโจทย์ที่ยากสำหรับกองกำลังใดก็ตามที่คิดจะรุกราน และญี่ปุ่นคือประเทศที่เรากำลังพูดถึง โดยญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี และมีอำนาจทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และรวมไปถึงศักยภาพทางการทหารมากที่สุดประเทศหนึ่ง โดยรูปแบบกองทัพของประเทศญี่ปุ่นนั้นจะแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก โดยพวกเขาเรียกกองทัพของตัวเองว่า 'กองกำลังป้องกันตัวเอง' JSDF (Japan Self-Defense Forces) ที่มีศักยภาพในการรบสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกเลยทีเดียว
1
กองกำลังป้องกันตัวเองของญี่ปุ่นนั้นมีงบประมาณด้านการทหารต่อปีราว 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และพวกเขามีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ล้ำหน้ามากที่สุดอีกแห่งของโลก หากจำกันได้ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สหรัฐฯ ที่เป็นชาติมหาอำนาจจำเป็นต้องใช้ระเบิดปรมาณูเพื่อยุติสงครามกับญี่ปุ่น ด้วยเพราะตระหนักถึงความเข้มแข็งและจิตวิญญาณที่กล้าแกร่งของชาวญี่ปุ่นทุกคน ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือพลเรือน ที่พร้อมสละชีพเพื่อองค์จักรพรรดิ เพื่อแผ่นดินเกิดของพวกเขา
2
หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง สหรัฐฯ ได้เข้ามาช่วยเหลือและฟื้นฟูประเทศญี่ปุ่น และทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นชาติพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ หากกองทัพใดก็ตามคิดรุกรานญี่ปุ่น พวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพที่ได้ชื่อว่ามีแสนยานุภาพมากที่สุดในโลกอย่างสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
และหากกองทัพใดก็ตามคิดจะบุกน่านน้ำญี่ปุ่น ก็จะต้องพบกับการต่อต้านอย่างหนักจากญี่ปุ่น สหรัฐฯ และกลุ่มชาติพันธมิตร ซึ่งกล่าวได้ว่าญี่ปุ่น คือหนึ่งประเทศที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่กองทัพใดในโลกคิดจะรุกรานแผ่นดินแม่ของพวกเขา
2
2. สหราชอาณาจักร
โดยพื้นฐานแล้ว การที่จะบุกยึดประเทศที่เป็นเกาะนั้นเป็นอะไรที่ยากลำบากเสียเหลือเกิน จากข้อที่แล้วเราได้ยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่น และในข้อนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ตั้งอยู่บนเกาะบริเตน ซึ่งนั่นก็คือสหราชอาณาจักร นี่คือหนึ่งในชาติมหาอำนาจของโลก ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เช่นเดียวกับ สหรัฐฯ รัสเซีย จีน
1
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากที่กองทัพนาซีเยอรมันยึดครองฝรั่งเศส และเตรียมพร้อมสำหรับการบุกข้ามช่องแคบอังกฤษทางใต้ พวกเขาต้องพบกับการต่อต้านอย่างหนักจากกองทัพอากาศและกองทัพเรือของอังกฤษ เหนือสิ่งอื่นใดเลยก็คือปราการธรรมชาตอย่างหน้าผาสีขาว (White Cliffs of Dover) ที่มีความสูงถึง 110 เมตร คอยสกัดกั้นกองกำลังแนวหน้าของฝ่ายข้าศึกที่คิดจะบุกยึดหัวหาด
ไม่เพียงเท่านี้ กองทัพอังกฤษยังมีแสนยานุภาพสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก พวกเขามีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีกองทัพที่ทรงพลังในทุกมิติ ด้วยงบประมาณด้านการทหารปีละไม่ต่ำกว่า 45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ อังกฤษยังเป็นชาติพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ และเป็นหนึ่งในชาติพันธมิตรขององค์กาสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือ NATO (North Atlantic Treaty Organization) อีกด้วย
ด้วยเหตุผลนี้เอง จึงทำให้สหราชอาณาจักร เป็นอีกหนึ่งดินแดนที่กล่าวได้ว่าไม่มีใครสามารถพิชิตลงได้นั่นเอง เพราะถ้าหากกองกำลังใดคิดรุกรานพวกเขา ก็ย่อมหมายถึงการที่จะต้องเป็นศัตรูกับสหรัฐฯ และกลุ่มชาติสมาชิก NATO อีกด้วย
3. เกาหลีเหนือ
การบุกยึดเกาหลีเหนือ แทบเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่เพราะอำนาจของผู้ปกครองตระกูลคิมทั้งสามรุ่น แต่เป็นเพราะกองทัพเกาหลีเหนือนั้นมีขนาดใหญ่ โดยมีทหารประจำการพร้อมรบ 700,000 นาย และกำลังสำรองอีก 4,500,000 นาย รถถัง 4,200 คัน เครื่องบินรบอีก 458 ลำ เรือประจัญบาน 967 ลำ และหัวรบนิวเคลียร์อีก 8 หัวรบ โดยเฉพาะการมีหัวรบนิวเคลียร์เอาไว้ครอบครอง ยิ่งทำให้เกาหลีเหนือเป็นหนึ่งในประเทศที่น่ากลัว และแม้แต่ชาติมหาอำนาจเองก็ยังไม่อยากเข้าไปวุ่นวายนัก (เว้นเสียแต่มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ)
3
ในสงครามเกาหลี ราวช่วงทศวรรษที่ 1950 กองทัพพันธมิตรระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้เองก็ยังไม่สามารถโค่นล้มเกาหลีเหนือได้ ส่วนหนึ่งมาจากความช่วยเหลือจากจีน ที่เป็นชาติคอมมิวนิสต์ด้วยกัน ซึ่งทำให้เราได้เห็นภาพชัดเจนว่า เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่ยากต่อการยึดครองมากเพียงใด
อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่รายล้อมไปด้วยคู่กรณีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และมีหลายครั้งที่โลกต้องจับตามองสถานการณ์ที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ ด้วยความกังวลว่าความขัดแย้งของทั้งสองชาติ อาจนำมาสู่จุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สาม และที่สำคัญ เกาหลีเหนือยังมีจีน หนึ่งในชาติมหาอำนาจของโลกที่ให้การสนับสนุนอย่างใกล้ชิด
ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ประเทศเกาหลีเหนือ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ยากต่อการรุกรานและยึดครอง เพราะถ้าหากเกาหลีเหนือเป็นอะไรไป จีนแผ่นดินใหญ่ย่อมไม่ยอมอยู่เฉยอย่างแน่นอน
4. อิหร่าน
หากจะพูดถึงชาติในกลุ่มประเทศอาหรับแล้ว ยังมีประเทศหนึ่งที่กล่าวได้ว่ายากต่อการรุกราน นั่นก็คือประเทศอิหร่าน โดยประเทศอิหร่านนั้นกล่าวได้ว่าเป็นประเทศที่มีคู่ขัดแย้งมากที่สุดอีกประเทศของโลก นอกจากนี้พวกเขายังต้องพบกับปัญหายุ่งยากภายในประเทศ ซึ่งปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ใช่ว่าจะเพิ่งเกิดเสียทีเดียว แต่มันเกิดมาตั้งแต่สมัยอดีตกาล และเหนือสิ่งอื่นใด อิหร่านก็ยังคงยืนหยัดอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
เหตุผลสำคัญที่ทำให้อิหร่านเป็นดินแดนที่ยากต่อการยึดครอง คือที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เต็มไปด้วยเทือกเขาสูงล้อมรอบจากทุกทิศทาง โดยบนเทือกเขาเหล่านี้ ได้มีการสร้างบังเกอร์และมีทหารประจำการอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังมีกำลังทหารถึง 500,000 นาย รถถัง 1,658 ลำ เครื่องบินรบอีก 137 ลำ รวมไปถึงหัวรบนิวเคลียร์อีกจำนวนหนึ่ง
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้ชาติมหาอำนาจที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับอิหร่านอย่างสหรัฐฯ และชาติอาหรับที่มีประเด็นกับอิหร่านอย่างซาอุดิอาระเบียเองก็ไม่อยากเข้าไปวุ่นวายด้วย
5. ภูฏาน
ประเทศภูฏานเป็นประเทศขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัยระหว่างประเทศอินเดียและประเทศจีน ภูฏานไม่มีเครื่องบินรบและรถถัง จะมีเพียงแค่กองกำลังติดอาวุธเพียง 7,000 นายเท่านั้น เหนือสิ่งอื่นใดเลย ประเทศภูฏานแทบไม่เคยมีประวัติศาสตร์ความขัดแย้งกับชาติใดเลย
ฟังดูแล้วหลายคนอาจสงสัยว่า เพราะเหตุใดภูฏานจึงเป็นหนึ่งในดินแดนที่ยากต่อการยึดครอง ทั้ง ๆ ที่พวกเขามีกองทัพขนาดเล็ก และไม่น่าจะเป็นเรื่องยากที่กองทัพชาติมหาอำนาจใด ๆ บนโลกคิดจะบุกยึดดินแดนแห่งนี้ คำตอบก็คือ ภูฏานตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 300 เมตร ทหารที่บุกเข้าไปในดินแดนภูฏานจะต้องพบกับสภาพความกดอากาศที่ทำให้พวกเขาอ่อนแอลงไป และต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรเป็นจำนวนมาก กับการรุกรานที่สุ่มเสี่ยงต่อการขาดทุน ได้ไม่คุ้มเสีย
1
เหนือสิ่งอื่นใด ภูฏานเป็นประเทศที่ไม่มีนัยสำคัญทางการเมืองระหว่างประเทศ ภูฏานเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่พึ่งพาตนเอง มีพลเมืองที่รักสงบ และราชวงศ์ที่อุทิศตนเพื่อประชาชน มั่นใจได้เลยว่าเราไม่น่าจะเคยได้ยินว่าภูฏานเคยมีประเด็นความขัดแย้งกับประเทศอื่น ๆ ภูฏานนั้นเป็นประเทศที่ถูกเรียกว่าเป็นกลางที่สุดเท่าที่จะมากได้ (มากกว่าสวิตเซอร์แลนด์เสียอีก)
2
ซึ่งข้อดีเหล่านี้ เลยเปรียบเสมือนเป็นเกราะป้องกันชั้นดีให้กับประเทศภูฏาน จนทำให้ดินแดนแห่งนี้ เป็นดินแดนที่ไม่มีใครอยากไปรุกราน เพราะไม่รู้จะหาเหตุไปยึดประเทศเล็ก ๆ บนเทือกเขาหิมาลัยอย่างภูฏานให้เปลืองทรัพยากรและกำลังทหารไปทำไมนั่นเอง
1
ข้อมูลจาก : BUDDYMANTRA.COM, WIKIPEDIA
โฆษณา