5 ต.ค. 2021 เวลา 13:11 • ปรัชญา
"น้ำตาที่เราต้องหลั่งจากการพลัดพราก"
"... ร้องไห้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า
ขอพระองค์ทรงเป็นที่พึ่ง
ให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด
สามีก็พึ่งตาย
บุตรทั้งสองก็พึ่งตาย
พ่อแม่พี่ชายก็พึ่งตาย
กะทันหัน เสียชีวิตในคืนนั้นคืนเดียว
ความเสียใจความพลัดพรากสูญเสียจะขนาดไหน
ความทุกข์ในวัฏสงสาร
พระพุทธองค์จึงตรัสว่า
ปฏาจารา ความทุกข์ที่เธอต้องประสบแบบนี้
มานับภพชาติไม่ถ้วนนะ
ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
น้ำตาที่เธอต้องหลั่งแบบนี้
เพราะประสบกับความพลัดพรากสูญเสียนี่
มันมากมายยิ่งกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้งสี่
เราดูน้ำในมหาสมุทรว่ามากมายกว้างใหญ่มหาศาล
แต่ตลอดระยะเวลาที่เราต้องประสบ
กับความพลัดพรากสูญเสีย
สูญเสียพ่อ สูญเสียแม่
สูญเสียคู่ครอง สูญเสียลูกหลาน
สูญเสียมิตรสหาย
ต้องพบกับความเสื่อม ความพลัดพราก
จากสิ่งอันเป็นที่รักที่ชอบใจ
น้ำตาที่เราต้องหลั่ง
น้ำในท้องทะเลนั้นไม่มากเลย
ต้องหลั่งน้ำตามามากกว่านั้นมาก
นางปฏาจาราได้ฟังธรรม
ก็เลยเกิดดวงตาเห็นธรรม
บรรลุธรรมฉับพลันขึ้นมาเลย
เป็นพระโสดาบัน
แสดงว่าวาสนาบารมีเก่าสะสมมาดี
แต่ว่าวิบากกรรม
ที่ทำให้ต้องประสบกับภัยอันตราย
ในวัฏสงสารถึงเพียงนี้
นี่ขนาดคนที่มีบุญญาธิการ มีวาสนานะ
นางก็เลยทูลขอบวช ก็เลยได้บวชเป็นภิกษุณี
วันหนึ่งก็ตักน้ำล้างเท้า
ก็รดไปครั้งหนึ่ง น้ำก็ราดไหลไประดับหนึ่ง
ราดครั้งที่ 2 ก็ราดออกไปไกลขึ้น
ราดครั้งที่ 3 ก็ราดออกไปไกลขึ้น
นางก็กำหนดพิจารณาเห็นว่า
น้ำก็ไหลออกมาเป็นช่วง ๆ
ชีวิตคนเราก็เช่นกัน
บางคนก็ตายตั้งแต่วัยเด็ก
บางคนก็ตายตั้งแต่วัยกลางคน
บางคนก็ตายตั้งแต่วัยแก่เฒ่าชรา
จะช้า จะเร็ว ก็ต้องตายอยู่ดี
พิจารณาเห็น
ความตายมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคนอย่างแน่นอน
พระพุทธเจ้าทรงทราบด้วยข่ายพระญาน
พระองค์ก็เสด็จมาด้วยพุทธนิมิต
แล้วก็ทรงแสดงธรรมโปรดนางปฏาจารา
ฟังธรรมจบก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
พร้อมปฏิสัมภิทาญาน
มีกำลังมาก
ก็เลยหลุดจากวงจรตรงนี้ได้
นี่ขนาดผู้ที่บำเพ็ญบารมี
มีบุญญาธิการที่จะได้บรรลุธรรม
เป็นพระอรหันต์พร้อมปฏิสัมภิทานะ
แล้วก็เป็นภิกษุณีที่เป็นกำลังสำคัญรูปหนึ่ง
ในพระพุทธศาสนา
ต้องประสบกับภัยพิบัติขนาดนี้
1
เพราะฉะนั้น ตราบใดที่เราท่านทั้งหลาย
ยังติดอยู่ในวังวนแห่งกองทุกข์ของวัฏสงสาร
มันก็ต้องประสบกับเภทภัยอย่างนี้อยู่ร่ำไป
ครั้งหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสถามว่า
ถ้ามีคนเขามาทำข้อเสนอ
เอาหอกปักที่กลางอก
ท่านทั้งหลายว่าจะเจ็บปวดทุกข์ทรมานขนาดไหน
ไม่ใช่อันเดียวนะ ร้อยอัน เอาหอกปักอย่างนี้ ร้อยอัน
จะเจ็บปวดทุกข์ทรมานขนาดไหน
อันเดียวก็ตายแล้ว
แต่ถ้าไม่ตายเนี่ย
ต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานขนาดไหน
ไม่ใช่รอบเดียวนะ ร้อยเล่มแบบนี้
เช้า กลางวัน เย็น
วันละสามร้อยเล่ม ถูกหอกปักที่กลางอกแบบนี้
ไม่ใช่วันเดียวนะ
โดนแบบนี้เรื่อยไปทุก ๆ วัน
เป็นเวลาร้อยปี
ท่านทั้งหลายว่าจะเจ็บปวดทุกข์ทรมานขนาดไหน
1
แต่หลังจากนั้นจะได้รู้แจ้งอริยสัจ 4
มีโอกาสหลุดพ้นจากวังวนแห่งวัฏสงสารได้
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
"ควรรับข้อเสนอของเขา"
ท่านทั้งหลายจะสำคัญข้อนี้ว่าอย่างไร ?
ตราบใดที่ยังไม่รู้แจ้งอริยสัจ 4
ความจริงอันประเสริฐของธรรมชาติ
ยังหลงติดอยู่ในวังวนแห่งวัฎสงสาร
1
เราท่านทั้งหลายต้องประสบกับความพินาศ
ความเจ็บปวดอยู่ร่ำไป
ที่หนักหนาสาหัสกว่านี้อีกมาก
...
2
เพราะฉะนั้น วัฏสงสารมันคือกองไฟที่แผดเผาหมู่สัตว์
มันคือกรงขังที่ขังหมู่สัตว์ไว้
ไม่ว่าเราจะผ่านทุกข์
ความเจ็บปวดมาสักเพียงใดก็ตาม
มันก็เป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว
สิ่งที่สำคัญ ก็คือ ปัจจุบัน
เรายังมีชีวิตอยู่ เรายังมีลมหายใจอยู่
และเรายังได้เกิดขึ้นมา
ในยุคที่พระพุทธศาสนายังดำรงอยู่
ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยยากในโลก
ประตูที่จะทำให้เราหลุดจากวังวน
แห่งกองทุกข์ทั้งปวงนั้นมีอยู่
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้ทาง
บอกทางอันประเสริฐ
ให้แก่พวกเราทุกคน
มันถึงเวลาหรือยังที่เราจะได้
ก้าวเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง
จนหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวงได้
เพราะฉะนั้น ก็อย่าปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป
เป็นคฤหัสถ์ฆราวาสมีกิจภาระอะไร
ก็ทำไปตามปกติ ใช้ชีวิตไปตามปกติ
ก็ให้เวลากับการศึกษาปฏิบัติธรรม
เพื่อปลดปล่อยตัวเอง
จากเภทภัยในวัฏสงสารทั้งปวง
มันเป็นโอกาสของท่านทั้งหลาย ... "
.
ธรรมบรรยาย โดย
พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา