3 ต.ค. 2021 เวลา 13:22 • อาหาร
อิซากายะร้านแรกของเมืองไทย
...โคตรลับและแรร์มาก
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
โพสต์นี้อาจจะยาวไปหน่อยนะ แต่อยากให้ลองอ่านดูจริงๆ ก็เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา วันหนึ่งในขณะที่กำลังประชุมออนไลน์กับทีมงานสาระนอกจานกันเหมือนเดิมปกติ ก็ได้ข่าวว่าเดือนตุลาคมจะมีการขยายเวลาเพิ่มขึ้นอีกนิด ให้หลายๆธุรกิจในพื้นที่สีแดงเข้มได้มีเวลาค้าขายมากขึ้นอีกหน่อย โดยเฉพาะร้านอาหารต่างๆ พวกเราที่ชื่นชอบคลั่งไคล้เรื่องกินอยู่แล้ว ก็รู้สึกดีใจนะ แต่ก็ยังอดเป็นห่วงคนในวงการอาหารหลายๆคนไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะทำหน้าที่อะไรในวงการอาหาร ต่างก็ได้รับผลกระทบทั้งนั้น เราไม่อยากให้ใครต้องหายไปอีก ก็ร้านที่เราชอบหายไปหลายร้านแล้วไง
คุยถึงร้านนู้นร้านนี้กันไปมา อยู่ๆก็คิดถึงร้านหนึ่งขึ้นมาแบบรู้สึกใจหาย เป็นร้านที่เรามีความหลัง เราเคยไปเมื่อนานมาแล้ว ครั้งแรกที่รู้จักร้านนี้ก็น่าจะสิบกว่าปีหรือเกือบๆจะยี่สิบปีได้แล้วมั้ง เป็นร้านที่ไม่ได้ตั้งใจไปกิน แต่เผอิญเจอแบบบังเอิญมากๆ ที่รู้สึกใจหายเพราะห่วงร้านนี้นี่แหล่ะ ก็โลเกชั่นร้านนี้ไม่ใช่ร้านที่ใครจะเดินผ่านไปเห็น แล้วจะแวะเข้าไปลองกิน แต่เป็นร้านเล็กๆที่ต้องตั้งใจไป แถมแอบอยู่ในมุมมืดๆ ในย่านที่คนทั่วไปอาจไม่เคยผ่านไปแม้แต่ครั้งเดียว และย่านที่ว่าก็คือ พัฒน์พงศ์
ทุกคนรู้จักพัฒน์พงศ์ อย่างน้อยก็ต้องเคยได้ยินชื่อบ้างแหล่ะ และรู้ว่าที่พัฒน์พงศ์มีอะไร ทุกคนมีภาพจำเกี่ยวกับพัฒน์พงศ์กันอยู่แล้วเน๊อะ จะได้ไม่ต้องอธิบาย ...ซึ่งการที่ร้านนี้อยู่แถวพัฒน์พงศ์นี่แหล่ะยิ่งน่าห่วง เพราะถึงแม้จะขยายเวลาให้เปิดร้านได้ดึกขึ้น แต่ก็ยังห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ดี แล้วจะมีใครผ่านไปแถวนั้นแล้วเจอร้านกันล่ะ
เอาล่ะ ชวนทั้งทีมไปร้านนี้กันในวันนั้นเลยดีกว่า ซึ่งก็ดีใจที่พวกเรารักการกิน เพราะแค่ชวนก็ตอบตกลงกันในเสี้ยววินาทีโดยไม่ต้องคิด แต่ก่อนจะไปขอโทรเช็คสถานการณ์ก่อน เพราะว่าร้านน่าจะโดนปิดไปนานเป็นปีทั้งย่านนั้นแหล่ะ เผื่อร้านจะปิดกิจการไปแล้ว ปรากฏว่าร้านเปิด แต่ช่วงนี้จะเปิดตอน 6 โมงเย็นเป๊ะ และจะเปิดแค่วันละ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ไม่ต้องคิด จองเลย คิดถึง
ร้านนี้ชื่อ KIKYO (คิเคียว) เป็นร้านที่สมัยนี้เรียกกันว่าร้านสไตล์อิซากายะ แต่สมัยนั้นเราไม่รู้จักคำนี้หรอก รู้แค่ว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น กินดื่ม มีของปิ้งย่าง มีเครื่องดื่มให้นั่งกินละเลียดไปเรื่อยๆไม่ได้เอาอิ่ม สมัยนั้นก็เห็นมีแต่ลูกค้า Expat คนญี่ปุ่นทั้งนั้น และเป็นร้านเล็กๆ แบบเล็กมาก ไม่น่าจะเกิน 20 ตารางเมตร ทั้งร้านมีคนทำอยู่แค่ 2 คน คือคุณลุงคนญี่ปุ่น “ซาโจ้ซัง” ที่แปลว่าเจ้าของร้าน เป็นคนปิ้งย่างตามสั่งและทำอาหารอื่นๆ และมีพี่ผู้ช่วยอีก 1 คน คอยรับออเดอร์และช่วยเสิร์ฟ ทั้งร้านมีแค่นี้ นี่คือภาพจำที่พอจำได้
ออกเดินทาง พิกัดร้านนี้อยู่ที่ซอยพัฒน์พงศ์ 2 เป็นซอยที่อยู่ระหว่างซอยหลักของพัฒน์พงศ์กับสีลมซอย 4 ซึ่งตอนนี้เงียบเป็นเมืองร้างเลย พิกัดปักหมุดไว้ให้แล้ว แต่นั่นก็ใช่ว่าจะหาร้านเจอ ทางเข้าร้านนี้โคตรลับ ฮ่าๆๆ เอาง่ายๆนะ เริ่มต้นคือไปหาฟู๊ดแลนด์สาขาพัฒน์พงศ์ให้เจอก่อน แล้วถึงจะเข้าใจว่าจะไปต่อยังไง
พอเจอฟู๊ดแลนด์แล้วก็จะรู้ว่าเป็นสาขาที่อยู่ใต้ตึกจอดรถ ให้เดินผ่านฟู๊ดแลนด์ไปจนเจอทางเข้าที่จอดรถของอาคาร ให้เดินฝ่าด่านเก็บเงินเข้าไปเลย มืดๆนั่นแหล่ะ ใกล้จะถึงแล้ว
พอเดินเข้ามาเพียงนิดเดียวเท่านั้น ก็จะเห็นแสงสลัวๆที่ปลายทางเดิน พร้อมโคมไฟสีแดงโคมใหญ่แขวนอยู่ข้างช่องทางเข้า ...ใช่แล้ว อ่านไม่ผิดหรอก “ช่องทางเข้า” จริงๆแหล่ะ ...แต่ที่บอกมาทั้งหมดเนี่ย ร้านนี้ไม่ได้แอบอยู่ในลานจอดรถแห่งนี้หรอก อ้าว แล้วเล่าซะยืดยาวทำไม ฮ่าๆๆ เดี๋ยวก่อน ถึงจะอยู่คนละตึกกัน แต่ร้านนี้ต้องเข้าทางนี้จริงๆนะ เป็นการพาดสะพานทางเดินจากลานจอดรถข้ามไปอีกตึกที่หันหลังเกือบจะติดกัน งงมั้ย อย่างงเลย ถ้าไปถึงจะเข้าใจ ไม่อันตรายหรอก ดูจากรูปประกอบจะไม่งง แล้วช่องทางเข้าที่ว่าเนี่ย ก็ไม่ได้มีป้ายร้านคิเคียวติดไว้บอกแต่อย่างใด มีเพียงป้ายไฟนีออนเขียนว่า ไก่ย่าง เป็นภาษาไทย และชื่อร้านเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งอ่านออกมั้ย ก็ไม่ แต่ไม่เป็นไร เป้าหมายที่ตามหาอยู่หลังทางเข้าแห่งนี้ มั่นหน้าเดินข้ามจากลานจอดรถข้ามไปที่อีกตึกแล้วเข้าไปข้างในเลย
ลึกลับซับซ้อนขนาดนี้ อย่าถามนะว่าตอนนั้นมาเจอได้ยังไง ขอไม่เล่านะ เขินอ่ะ ฮ่าๆๆ ...พอเข้ามาแล้ว ห้ามตรงไป ให้เลี้ยวขึ้นบันไดผนังกระจกทางด้านขวา ขึ้นไปเลย
และนี่คือ ร้าน KIKYO ที่เราตามหา ขึ้นไปถึงหน้าป้ายร้านก็ถอดรองเท้าเก็บที่ชั้นวาง แล้วเปิดประตูเข้าไปเลย
โอ้โห ความรู้สึกของปี 2000 กลับมาอีกครั้ง เพราะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไหร่เลย สิ่งที่เปลี่ยนไปคือลุงซาโจ้ซังที่แก่ชราไปมากแล้ว เรียกว่ารุ่นปู่เลยก็ว่าได้ ยังคงเป็นคนย่างไก่ย่างเนื้อให้ลูกค้าเหมือนเดิม ที่เดิม ท่าเดิม ตรงเคาน์เตอร์อันเดิมเลย เป็นความรู้สึกดีที่ได้กลับมาอีกครั้งจริงๆ (ใครอยากไปลอง รีบไปเถอะ ซาโจ้ซังอายุเกินหลักเจ็ดเข้าไปแล้ว) เข้าไปแล้วก็หาที่นั่งเลย จะนั่งพื้นกับโต๊ะญี่ปุ่น หรือจะนั่งดูซาโจ้ย่างไก่ที่เคาน์เตอร์ก็ได้ อารมณ์คล้ายๆซีรีย์ร้านอาหารเที่ยงคืนในเน็ตฟลิกซ์
จะบอกว่า ถึงช่วงนี้ร้านคิเคียวจะไม่ได้เสิร์ฟเครื่องดื่มเหล้าเบียร์ ร้านนี้ก็ควรมาเยี่ยมเยือนอยู่ดี เพราะอาหารที่ซาโจ้ทำให้กินทุกๆจาน ถึงจะดูหน้าตาเป็นอาหารง่ายๆสไตล์กับแกล้ม แต่รู้เลยว่าเป็นของดีและอร่อยทุกคำที่กิน ยิ่งของย่างเสียบไม้นี่ระดับความสุกมันเป๊ะพอดีทุกครั้งทุกจานที่สั่งเลย ก็ฝีมือการปิ้งย่างเกือบ 40 ปีของแกธรรมดาที่ไหน มิน่าป้ายแรกที่เห็นหน้าร้านถึงมีภาษาไทยแค่คำว่า “ไก่ย่าง” ให้พอเข้าใจ คิดว่าตอนนั้นคนไทยน่าจะยังไม่รู้จักคำว่าอิซากายะสักเท่าไหร่หรอก ว่ากันว่าร้านนี้คือร้านอิซากายะร้านแรกๆในเมืองไทยเลยทีเดียว ก็เปิดร้านตั้งแต่อายุ 30 กว่า จนถึงตอนนี้ 70 กว่าแล้วอ่ะ คิดดูล่ะกัน ฝีมือการย่างจะโปรระดับไหน
มาดูเมนูที่สั่งมากินกัน จานแรกต้องสั่ง อย่าให้ขาด กินเครื่องในไม่เป็น ก็ควรสั่งมาลอง “ตับไก่ย่าง” กรอบนอกนุ่มใน ไม่ขม ย่างไฟอ่อนๆ สุกกำลังดี กัดเข้าไปได้กลิ่นซอสย่างบางๆ จานนี้ 90 บาท มี 3 ไม้ ไม้ละ 3 ชิ้น ถือว่าราคาไม่แรงนะ เชฟประสบการณ์สูงขนาดนี้ปิ้งให้กินต่อหน้า หารคิดเป็นราคาก็ตกคำละ 10 บาทเท่านั้น หาได้ที่ไหนอีก
จานต่อไป “ไก่ต้นหอมย่าง” อันนี้คือโปรดปรานมาก นุ่ม หอม ล้ำลึก ราคาเท่ากัน ออเดอร์ต่อไปเรื่อยๆ ไก่ย่าง หมูย่าง สั่งเต้าหูเย็นมาพักร้อนหน่อย สั่งสลัดมันฝรั่งมาสลับบ้าง เกี๊ยวซ่าก็มี แล้ววนไปของย่างใหม่ แต่มีจานนึงไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ก็คือหนังไก่ย่าง เพราะเราชอบแบบเกรียมๆมากกว่ามั้ง แต่บอกตรงๆว่าเท่าที่สั่งแค่นี้ก็ฟินแล้วนะ นี่คือแรร์ไอเท็มส์ลิสต์ที่ควรต้องพิชิต ถึงจะไม่มีเก๊กฮวยเย็นๆฟองนุ่มๆให้ดื่มแกล้มก็ตาม แต่เมนูก็มีหลากหลายมากกว่านั้น สเต๊กเนื้อก็มีนะ ข้าวหน้าปลาไหลย่างก็มี หมี่เย็นก็มี คือมีหมดอ่ะ ขอให้ลองสั่ง ราคาก็แยกไปตามเมนู ใครอ่านภาษาญี่ปุ่นออก แกติดเมนูไว้ทั่วร้าน แต่ขอเมนูภาษาอังกฤษก็มีให้
ถึงร้านจะเปิดให้กินแค่ 2 ชั่วโมงต่อวัน แต่ก็เต็มทุกที่นะ สลับไปสลับมา กินเสร็จออกไป กลุ่มใหม่ก็เข้ามา คงไม่ค่อยมีใครนั่งกินยาวๆจนร้านปิด ก็เขาไม่ขายเหล้าไง หรือเพราะว่าซาโจ้ซังแกอาจจะทำนานๆไม่ไหวก็เป็นได้ แต่พวกเราก็สั่งมากินเรื่อยๆจนเกือบร้านปิดอ่ะ พอสั่งเก็บเงิน จ่ายเงินเสร็จสรรพ ซาโจ้ซังมอบสมุดโน้ตเล่มเล็กๆให้เป็นที่ระลึกทุกคน แล้วยังให้โอริกามิรูปสัตว์ที่แกพับเองจากแบงก์ยี่สิบมอบให้อีก น่ารักมาก พวกเราเกรงใจก็เลยเอาแบงก์ไปแลกคืนเป็นทิปให้ผู้ช่วยแกแทน พี่ผู้ช่วยบอกว่าแกนั่งพับเองตลอดช่วงที่ร้านปิดหลายเดือน กะว่าจะแจกให้ทุกบิลล์จนกว่าจะหมดนั่นแหล่ะ ความญี่ปุ่นอ่ะนะ ดีเทลทุกสิ่ง พอลูกค้ากลับ แกก็จะมาลาทักทาย ยิ้มแย้ม เป็นคุณปู่ที่น่ารักจริงๆ ซาโจ้ซังคงดีใจที่ได้กลับมาทำงานที่แกรักและทำมาทั้งชีวิตอีกครั้ง
ส่วนหนึ่งที่เอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง อยากบอกทุกท่านด้วยความเคารพจริงๆว่า ถ้าท่านรักและอยากสนับสนุนใคร ร้านไหนที่ท่านเคยไป ชื่นชอบ และอยากให้ร้านนั้นยังคงอยู่ได้ต่อไป ถ้าท่านพอไหว (ในกรณีที่ท่านยังพอสนับสนุนพวกเขาได้) ไม่จำเป็นต้องเป็นร้านอาหาร กิจการอะไรก็ได้ที่ท่านชอบ และอยากสนับสนุนต่อไป กลับไปให้กำลังใจพวกเขากัน เมืองค่อยๆเปิดแล้ว แวะไปทักทาย แต่ก็ดูแลรักษาตัวเองให้ปลอดภัยกันด้วยนะ เป็นห่วงทุกคน สวัสดีเดือนตุลาคม...
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
พิกัดร้าน KIKYO (คิเคียว)
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
#สาระนอกจาน #saranokchan #sidedish #kikyo #คิเคียว #ไก่ย่าง #อิซากายะ #ร้านลับ #พัฒน์พงศ์ #สีลม
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตาม สาระนอกจาน ได้ที่ :
โฆษณา