15 พ.ย. 2021 เวลา 00:00 • นิยาย เรื่องสั้น
ยุทธจักรวาลกิมย้ง
ตอน 10 : ปิศาจแห่งเซียงหยาง
1
Blockdit Originals ซีรีส์บทความพิเศษ
1
ในตอนท้ายของ มังกรหยก ภาค 2 เล่าว่าก๊วยเจ๋งรักษาเมืองเซียงหยางจากทัพมองโกล และเผยความต่อมาในเรื่อง ดาบมังกรหยก ว่า ก๊วยเจ๋งกับก๊วยพั่วโล้บุตรชายรักษาเมืองจนตัวตาย
ทำไมต้องรักษาเซียงหยางจนตัวตาย? ทำไมไม่ไปตั้งหลักที่อื่น?
คำตอบคือหากเซียงหยางล้ม อาณาจักรซ่งทั้งแผ่นดินก็ล้ม
นี่ย่อมมิใช่ครั้งแรกที่เซียงหยางถูกถล่มโดยกองทัพมหึมาสมัยที่พวกต้าจินรุกอาณาจักรซ่ง
ในเวลานั้นมีแม่ทัพคนหนึ่งยืนหยัดต่อต้านพวกจินอย่างเข้มแข็งคือ งักฮุย หรือเยี่ยเฟย (岳飛)
1
เชื่อว่ากิมย้งน่าจะจำลองบุคลิกของงักฮุยเป็นก๊วยเจ๋ง
งักฮุยเกิดที่อาณาจักรซ่งเหนือ ในครอบครัวยากจน ในวัยหนุ่ม ปี 1126 เกิดสงครามซ่ง-จิน พวกหนี่เจินแห่งอาณาจักรต้าจินทางเหนือรุกสายฟ้าแลบเข้าเมืองหลวงซ่งเหนือ จับตัวอดีตจักรพรรดิฮุยจงและจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ชินจง (欽宗) เป็นเชลย ส่งไปกักพระองค์ที่ฮุยหนิง
พวกซ่งอพยพลงไปภาคใต้ ตั้งหลักใหม่ เรียกว่าอาณาจักรซ่งใต้ แต่งตั้งจักรพรรดิองค์ใหม่คือซ่งเกาจง
3
งักฮุยในวัยหนุ่มคิดในใจว่า หากมีอำนาจ จะกอบกู้ซ่งเหนือคืนมาให้ได้
อายุ 19 งักฮุยเข้าร่วมกองทัพ ร่วมปราบกบฏพื้นเมืองหลายครั้ง
1
เขามีบทบาทป้องกันเมืองไคเฟิงที่พวกจินบุกในปี 1127 ไคเฟิงแตก งักฮุยถอยทัพไปตั้งหลักที่แม่น้ำแยงซี ไม่ให้พวกหนี่เจินข้ามแม่น้ำได้ เขาต่อต้านพวกต้าจิน ผลักดันข้าศึกออกไปถึงไคเฟิง
งักฮุยก้าวหน้าขึ้นสู่ตำแหน่งในกองทัพ ปี 1133 เป็นแม่ทัพใหญ่ เป็นที่เลื่องลือว่ามีทั้งฝีมือและความยุติธรรม
1
เขาเป็นคนกล้าหาญ ยุติธรรม เก่งกาจในเชิงยุทธ์ และตงฉิน จนมีคำกล่าวว่า “ย้ายภูเขาง่ายกว่าขยับทัพงักฮุย”
1
เขายังไม่ลืมความฝันที่จะกอบกู้ซ่งเหนือ
ปี 1234 อาณาจักรต้าจินถูกมองโกลยึด ภายใต้การนำของโอโกได ข่าน เวลานั้นซ่งใต้กับมองโกลยังเป็นพันธมิตรกัน
3
แต่แน่นอน ทั้งสองฝ่ายรู้ว่าไม่มีมิตรภาพที่ถาวรในวงการเมือง
1
งักฮุยยังคงทำหน้าที่ต้านพวกจิน หมายจะยึดไคเฟิงคืนมา
แต่ในสายตาของนักการเมืองในซ่งใต้ โดยเฉพาะขุนนางฉินก้วย งักฮุยคือก้างขวางคอ
ทำไม?
เพราะผู้กุมอำนาจในราชสำนักซ่งใต้ไม่คิดจะเอาชนะพวกจิน แต่ต้องการเสวยสุขต่อไปเรื่อยๆ ปกป้องด้วยสนธิสัญญาสันติภาพ ด้วยความเชื่อว่า หากทำเช่นนี้พวกจินจะไม่บุก
งักฮุย
ขุนนางฉินก้วยทูลฮ่องเต้ว่า การที่งักฮุยรบกับพวกต้าจิน จะทำให้ซ่งใต้ไม่อาจเจรจาสงบศึกกับต้าจิน อีกประการ การที่งักฮุยบุกจิน อาจจะทำให้พวกจินปล่อยตัวจักรพรรดิองค์เดิมชินจง ฮ่องเต้มาทวงบัลลังก์คืน
1
ขุนนางฉินก้วยทูลเสนอให้จักรพรรดิเรียกตัวงักฮุยกลับมา
ฮ่องเต้ซ่งเกาจงเชื่อคำเพ็ดทูล ส่งป้ายทองไปเรียกตัวงักฮุยกับเมืองหลวง รวม 12 ป้าย
งักฮุยปฏิบัติตามคำสั่ง แม้รู้ว่าอาจหมายถึงจุดจบของตัวเอง
เมื่องักฮุยเดินทางมาถึงเมืองหลวง ก็ถูกจับ ข้อหาคิดล้มล้างฮ่องเต้
ราษฎรจำนวนมากเขียนจดหมายถึงฉินก้วยให้ปล่อยตัวงักฮุย แต่หวังซี่ (王氏) ภรรยาของฉินก้วย ก็ช่วยวางแผนใส่ความงักฮุย
เมื่อศาลถามว่างักฮุยทำผิดอะไร ฉินก้วยตอบว่า “แม้ว่ามิแน่ใจว่าเขาทรยศต่อราชวงศ์อย่างไร แต่อาจจะมี”
วลี ‘อาจจะมี’ (莫須有) กลายเป็นสำนวนจีน หมายถึงการตั้งข้อกล่าวหาโดยไม่ต้องมีมูล
ตำนานเล่าว่า งักฮุยถอดเสื้อของเขาออก เผยให้เห็นแผ่นหลังของเขา สักอักษรสี่ตัว 盡忠報國
แปลว่า รับใช้ชาติอย่างจงรักภักดี
แต่งักฮุยและบุตรชายก็หนีไม่พ้นโทษประหาร
ในรายงานของทางการ งักฮุยตายระหว่างการจองจำ แต่ความจริงคือถูกประหาร
อย่างไรก็ตาม ความตายของงักฮุยมีบันทึกหลายฉบับที่ให้ข้อมูลต่างกัน ข้อมูลหนึ่งบันทึกว่าขุนนางฉินก้วยรู้ว่างักฮุยจะเดินทางมาเส้นทางใด ระหว่างทางก็ส่งคนไปสังหาร
(เหตุการณ์ท่อนนี้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง 12 ป้ายทอง (十二金牌 The Twelve Gold Medallions 1970) ในเรื่องจอมยุทธ์หลายคนพยายามขัดขวางแผนร้านนี้ แต่ไม่สำเร็จ
ไม่ว่างักฮุยตายอย่างไร แม่ทัพวัยสามสิบเก้าก็จากโลกไปเพราะการเมือง
ในมุมของกิมย้ง คนอย่างงักฮุยยังมีอยู่เสมอ
1
เขาถ่ายทอดออกมาในตัวละคร ก๊วยเจ๋ง
ต่างจากงักฮุยในชีวิตจริง ก๊วยเจ๋งตายในสนามรบ
ภาพยนตร์เรื่อง 12 ป้ายทอง
หลังจากงักฮุยตายไป 125 ปี เซียงหยางถูกบุกโดยพวกมองโกล
เดิมซ่งใต้เป็นพันธมิตรกับมองโกล แต่เมื่อต้าจินถูกกำจัด ก็ถึงคิวของซ่ง
จังหวะมาถึงเมื่อมีสามองค์ประกอบมาพบกัน หนึ่ง จักรพรรดิซ่งที่อ่อนแอ สอง ขุนนางฉ้อราษฎร์ คนดีๆ ถูกกำจัด สาม ผู้นำมองโกลที่เข้มแข็ง
อาณาจักรซ่งใต้มีปราการทางเหนือสำคัญสองเมืองที่ขวางทางมองโกลอยู่ คือเมืองเซียงหยางกับฝานเฉิง เป็นเมืองคู่ที่ขวางทางมองโกลอยู่
หากเซียงหยาง-ฝานเฉิงล้ม ก็แปลว่าราชวงศ์ซ่งใต้ล้ม
ดังนั้นก๊วยเจ๋งจึงต้องปักหลักที่เซียงหยาง จนกว่าศัตรูจะถอยหรือตนเองตาย
สำหรับมองโกล การตีเซียงหยางเป็นศึกหนัก เพราะอาณาจักรซ่งใต้พร้อมกว่า เสบียงครบครัน ร่ำรวยกว่า
ตั้งแต่ยุค เจ็งกิส ข่าน มองโกลก็พยายามยึดซ่งใต้ แต่ยากกว่าทุกอาณาจักรที่เคยยึดมา ไม่ว่าทางเหนือ ทางตะวันออก ตะวันตก เพราะชัยภูมิสุดยอดของเซียงหยาง
เซียงหยางมีประวัติศาสตร์การรบมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่สมัยสามก๊ก ยุทธการซงหยงระหว่างเล่าเปียวกับซุนเกี๋ยน (ซงหยงก็คือเซียงหยาง) หลังจากกองทัพ 18 พันธมิตรซึ่งยกไปปราบตั๋งโต๊ะสลายตัว และซุนเกี๋ยนได้ครอบครองตราแผ่นดิน ผลการรบครั้งนั้น ซุนเกี๋ยนถูกลอบยิงด้วยเกาฑัณฑ์จนเสียชีวิต
2
เซียงหยางมีภูเขาล้อมสามด้าน แม่น้ำฮั่นไหลผ่านด้านหนึ่ง เก็บเสบียงไว้ได้หลายปี ในกรณีถูกปิดล้อม เมืองนี้คุมแม่น้ำหลายสาย ที่เชื่อมกับภาคใต้ ดังนั้นมีแต่การยึดเซียงหยางจึงทำให้มองโกลสามารถคุมแม่น้ำหลายสาย
ราชวงศ์ซ่งใต้ย่อมรู้ว่าเซียงหยางสำคัญเพียงใด มันจึงเป็นเมืองที่มีการป้องกันตัวดีเทียบเท่าเมืองหลวง ก่อกำแพงเมืองสูง มีหอคอยเป็นระยะ ทางเข้าเมืองเป็นกำแพงอย่างน้อยสองชั้น เพื่อป้องกันศัตรูเข้ามาได้ง่ายๆ และยังออกแบบให้เป็นกับดักฆ่าศัตรูที่ติดอยู่ระหว่างกำแพง
3
ปี 1257 มองโกลบุกเซียงหยาง-ฝานเฉิง กำแพงของสองเมืองต้านมองโกลไว้ได้ นอกจากนี้ทหารมองโกลยังถูกล่อไปติดกับในกำแพงสี่ชั้น และถูกฆ่าหมู่
2
ความตายของ มองเกอ ข่าน ในปี 1259 ทำให้พวกมองโกลยกทัพกลับ
ในนิยาย มังกรหยก ภาค 2 เอี้ยก้วยเป็นผู้สังหาร มองเกอ ข่าน
เมื่อ มองเกอ ข่าน ตาย พวกมองโกลยุ่งกับสงครามกลางเมือง เกิดการแย่งชิงอำนาจในผู้นำสองคนคืออาหลี่ปู้เกอและ กุบไล ข่าน ทำให้ซ่งสบายใจ คิดว่าเหตุร้ายผ่านไปแล้ว
กุบไล ข่าน ชนะขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ แต่ก๊กข่านทางตะวันตกไม่ค่อยยอมรับด้วยใจ
1
นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ กุบไล ข่าน ต้องการพิสูจน์ให้เห็นความสามารถของเขา เขาต้องการยึดซ่งใต้ให้ได้ อีกประการเขาอยากทำตามตามปณิธานของปู่ของเขา เจ็งกิส ข่าน
กุบไล ข่าน กลับมาในปี 1268
กุบไล ข่าน ระดมกองทัพมาเต็มอัตราศึก พร้อมเครื่องกลแขนเหวี่ยงยักษ์หนึ่งร้อยอัน
แขนเหวี่ยงยักษ์เป็นกลไกยิงหินหนักใส่กำแพงเมืองศัตรู ระยะยิงร้อยเมตร น้ำหนักหิน 50 กิโลกรัม ทัพมองโกลเคยใช้มาแล้วตอนยึดอาณาจักรจิน ครั้งนั้นใช้แขนเหวี่ยงยักษ์ถึงห้าพันอัน ทำลายกำแพงของอาณาจักรจินสิ้น
1
แต่กำแพงของเมืองคู่เซียงหยางกับฝานเฉิงแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทหารเซียงหยางพอกกำแพงด้วยดินเหนียวหนา มันสามารถต้านหินที่มากระทบได้ นอกจากนี้ยังขยายคูเมืองถึง 150 เมตร ทำให้แขนเหวี่ยงยักษ์ทำงานไม่บรรลุผล
1
มองโกลจึงใช้วิธีล้อมเมือง ปิดทางเข้าออกทุกด้าน เรือมองโกลห้าพันลำจอดเต็มแม่น้ำฮั่น ขึงโซ่ขวางลำน้ำกันเรือซ่งหนี และมิให้ทหารซ่งจากที่อื่นส่งเสบียงหรือมาช่วยได้
3
แม้เสบียงของเซียงหยางมากพออยู่ได้หลายปี แต่มองโกลก็ไม่ไปไหน
เมื่อทหารซ่งจากนอกเมืองมาช่วย ก็สู้พวกมองโกลไม่ได้ ถูกทัพมองโกลขยี้ทุกครั้ง
1
ในที่สุดเซียงหยางก็ต้องพึ่งตนเอง เสบียงในเมืองร่อยหรอลงทุกที
1
หกปีของการถูกล้อมเมืองทำให้ขวัญและกำลังใจของชาวเซียงหยางลดลง
กุบไล ข่าน ได้ยินกิตติศัพท์ความแม่นยำของแขนเหวี่ยงแบบใหม่ คือแบบถ่วงน้ำหนักที่ช่างชาวเปอร์เซียสร้าง ในปี 1272 จึงสั่งทางก๊กอิลข่านที่เปอร์เซียให้ส่งช่างมาสร้างที่เมืองจีน อิลข่านเปอร์เซียก็ส่งช่างใหญ่สองคนคือ อิสมาอิลจากฮิลลา กับ อลา อัล-ดิน จากโมซูล
1
ชาวจีนเรียกอาวุธใหม่นี้ว่า หวยหวยเพ่า (回回炮)
3
ช่างก่อสร้างแขนเหวี่ยงแบบใหม่ มีตัวถ่วงน้ำหนัก ทำให้สามารถยิงหินหนัก 300 กิโลกรัม ไปไกลถึง 500 เมตร และแม่นยำกว่าแบบเดิม
มองโกลสร้างแขนเหวี่ยงแบบใหม่ยี่สิบอัน แล้วเริ่มโจมตี โดยเริ่มที่เมืองฝานเฉิงก่อน หินใหญ่ถล่มกำแพงเมืองอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ข้ามไปทำลายบ้านเมืองหลังกำแพงด้วย
2
เมืองฝานเฉิงแตกในที่สุด มองโกลฆ่าหมู่ชาวเมือง
ภาพวาดโบราณแขนเหวี่ยงถ่วงน้ําาหนักของมองโกล
คล้ายเป็นการส่งสารไปที่เซียงหยางว่า จงยอมแพ้ มิฉะนั้นนั้นก็พบชะตากรรมเดียวกัน
แต่แม่ทัพซ่งใต้ หลู่เหวินห้วน สั่งให้สู้ต่อไป
หลู่เหวินห้วนส่งคนไปที่เมืองหลวงซ่งใต้ ขอความช่วยเหลือ แต่จักรพรรดิเห็นประสิทธิภาพของแขนเหวี่ยงใหม่ของมองโกล ก็ถอดพระทัย ถือเสียว่าเซียงหยางแตกแล้ว ไม่ส่งทหารไปช่วย
เซียงหยางหมดหวังที่ถูกทอดทิ้ง ต้องรบอย่างเดียวดาย
ในปีสุดท้ายของการล้อมเมือง การทำลายกำแพงเมืองก็บรรลุผล
ก้อนหินพุ่งไปถึงกำแพงเซียงหยางอย่างง่ายดาย
หลังจากมองโกลโจมตีด้วยแขนเหวี่ยงต่อเนื่อง
เมื่อหอคอยหนึ่งหอล้ม แม่ทัพก็เชื่อว่าเมืองคงต้านพายุมองโกลไม่ได้อีกนาน
กุบไล ข่าน ส่งคนไปเจรจากับแม่ทัพซ่งใต้ หลู่เหวินห้วน บอกว่า “ท่านรักษาเมืองมานานหกปียังมิยาวพอหรือ ท่านได้แสดงฝีมือเป็นที่ประจักษ์แล้ว และแสดงความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ซ่งอย่างดีที่สุด แต่ท่านทำได้เพียงเท่านี้”
1
กุบไล ข่าน สัญญาว่าหากยอมแพ้ จะไว้ชีวิตชาวเมือง และยังมีตำแหน่งให้หลู่เหวินห้วน
วันที่ 14 มีนาคม 1273 หลู่เหวินห้วนตัดสินใจเปิดประตูเมือง หลังจากยันทัพข้าศึกมาหกปี
นักประวัติศาสตร์เห็นพ้องว่า การเสียเมืองเซียงหยางกับฝานเฉิงก็คือจุดสิ้นสุดราชวงศ์ซ่งใต้
หลังจากเซียงหยางกับฝานเฉิงถูกตีแตก ทัพมองโกลมุ่งหน้าไปที่เมืองหลวงของซ่งใต้ เพื่อโรมรันขั้นสุดท้าย มองโกลยึดปืนและปืนใหญ่จากฝานเฉิง แล้วนำไปใช้กับซ่ง
ยังเหลือปราการสุดท้ายที่ต้องพิชิต คือตีเมืองหลวงซ่งใต้
ครั้นถึงปี 1275 มองโกลที่นำโดยแม่ทัพคนใหม่ของ กุบไล ข่าน ขุนพลบายาน เผชิญหน้ากับทัพซ่งใต้ 130,000 คนภายใต้การบัญชาของเจี่ยซื่อเต้า
เจี่ยซื่อเต้ามิใช่เป็นข้าราชการตงฉิน เขาขึ้นสู่อำนาจเพราะน้องสาวเป็นสนมของฮ่องเต้หลี่จง
ก่อนเซียงหยางแตก เขารู้ดีว่าหากไม่เสริมกำลังเมืองนั้นโดยเร่งด่วน เมืองจะแตก แต่เขากลับปิดบังความจริงต่อเบื้องบน ผลก็คือเซียงหยางแตก
ในการศึกใหม่ครั้งนี้ เจี่ยซื่อเต้านำทัพ 130,000 สู้พวกมองโกล เมื่อคับขัน เขาก็ลงเรือลำเล็กหนีเอาตัวรอด กองทัพหมดกำลังใจ แตกพ่ายให้พวกมองโกล มองโกลมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงหลิงอาน ผลที่ตามมาคือเจี่ยซื่อเต้าถูกถอดยศอัครเสนาบดี
1
ปีนั้นมองโกลบุกเมืองฉางโจว สังหารหมู่ชาวเมืองอย่างไม่ปรานี
ขึ้นปีใหม่มองโกลยาตราทัพบุกเมืองจ่างซา ทหารรักษาเมืองรบเต็มกำลัง แต่เมื่อพ่ายแพ้ ก็ฆ่าตัวตายหมู่
ทัพมองโกลยังเคลื่อนต่อไปข้างหน้าโดยไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้ง เจี่ยซื่อเต้าเสนอเงื่อนไขการยอมแพ้ แต่ขุนพลบายานปฏิเสธ
2
ทว่าเจี่ยซื่อเต้าไม่มีชีวิตอยู่เห็นจุดจบของราชวงศ์ซ่งใต้ในสี่ปีต่อมา เขาถูกลอบสังหาร เชื่อกันว่าโดยคำสั่งในวัง
เดือนกุมภาพันธ์ ปี 1276 กองทัพมองโกลโดยขุนพลบายานยึดเมืองต่างๆ รวมทั้งเมืองหลวงหลิงอาน
จักรพรรดิกงตี้ยอมแพ้ต่อมองโกล แต่ขุนนางใหญ่และแม่ทัพหลายคนไม่ยอมแพ้ พาอนุชาน้อยสองพระองค์ เจ้าซื่อกับเจ้าปิ่ง หนีไปทางใต้
เดือนมิถุนายน 1276 เจ้าซื่อ พระชนมายุเจ็ดพรรษาขึ้นครองราชย์ กลายเป็นจักรพรรดิตวนซง
2
บายานต้องการกำจัดเสี้ยนหนามซ่งใต้ให้หมดสิ้น ยกทัพลงใต้ตามไปล่าจักรพรรดิน้อย จักรพรรดิตวนซงสวรรคตเพราะประชวรในปี 1278 ทหารซ่งที่เหลือหมดกำลังใจ บ้างหนีทัพ
1
พระอนุชาของฮ่องเต้ เจ้าปิ่ง พระชนมายุเพียง 7 ชันษา จึงขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ (บางทีเรียกซ่งตี้ปิ่ง) อพยพไปที่หยาเหมิน ปราการสุดท้าย
เจ้าปิ่งเป็นโอรสจักรพรรดิตู้ซง เป็นอนุชาของจักรพรรดิกงตี้ และจักรพรรดิตวนซง
1
ศึกครั้งสุดท้ายคือยุทธนาวีที่หยาเหมินในปี 1279 ทัพมองโกลขยี้ทัพซ่งที่เหลือราวหมาป่าในฝูงลูกแกะ
เจ้าปิ่ง จักรพรรดิองค์ที่ 18 และองค์สุดท้ายของราชวงศ์ซ่งใต้ ครองราชย์เพียง 313 วัน ก็สิ้นสุดด้วยยุทธนาวีที่หยาเหมิน
จักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์ซ่ง ทอดพระเนตรการรบบนท้องทะเลระหว่างซ่งกับมองโกล อำมาตย์ลู่ซิ่วฟูผู้จงรักภักดีแลเห็นความพ่ายแพ้ ก็อุ้มยุวกษัตริย์ในอ้อมแขน แล้วกระโดดลงจากผาลงไปในทะเล
วันนั้นทัพมองโกลสังหารพวกซ่งตายหลายหมื่นคน รวมกับบรรดาขุนนางและราชวงศ์จำนวนมากกระโดดลงไปในทะเล ศพลอยเต็มท้องทะเล
อาณาจักรซ่งใต้พินาศสิ้นเชิง
อาณาจักรของชาวฮั่นแตกครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ด้วยนักการเมืองแบบเจี่ยซื่อเต้าและฉินฮุ่ย
1
สำหรับขุนนางฉินฮุ่ยและภรรยาเป็นที่เกลียดชังของชาวจีนมาก จนทำขนมชนิดหนึ่งนำแป้งสองชิ้นมาติดกัน แล้วทอดจนเหลืองกรอบเรียกว่า อิ่วจาก้วย (油炸粿) แปลว่าขนมทอดน้ำมัน แต่เขียนอีกอย่างหนึ่งว่า 油炸鬼 (อิ่วจากุ้ย) แปลว่าขนมน้ำมันทอดผี
1
ก้วยแปลว่าขนม กุ้ยแปลว่าผี
ขุนนางชั่วร้ายก็คือปิศาจที่หลอกหลอนทำร้ายราษฎร
ในเมื่อทำอะไรกับปิศาจร้ายไม่ได้ ก็ทำขนมมากินเป็นสัญลักษณ์

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา