Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
KBank Live
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
11 ต.ค. 2021 เวลา 12:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
[สรุปเนื้อหาสัมมนาออนไลน์] China Funds Check up : เจาะลึกกองทุน K-CHINA , K-ATECH อนาคต “ปัง” หรือต้อง “ปรับ” พอร์ต
สำหรับใครที่พลาดงานสัมมนาออนไลน์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ที่ทาง KAsset ร่วมจัดกับ J.P. Morgan Asset Management ในหัวข้อ “China Funds Check up : เจาะลึกกองทุน K-CHINA & K-ATECH
อนาคต “ปัง” หรือต้อง “ปรับ” พอร์ต”
[สรุปเนื้อหาสัมมนาออนไลน์] China Funds Check up : เจาะลึกกองทุน K-CHINA , K-ATECH
วันนี้เราได้สรุปประเด็นสำคัญมาให้แล้ว
ฟันธงโดยผู้จัดการกองทุนหลักที่มากด้วยประสบการณ์ในตลาดหุ้นจีนกว่า 26 ปี
>> Mr.Howard Wang, Managing Director, Head of Greater China Equities, J.P. Morgan Asset Management
พร้อมกูรูอีก 2 ท่าน ได้แก่
>> คุณเอนีส ตียาสิริ, Executive Director, Southeast Asia Funds, J.P. Morgan Asset Management
>> คุณพีรกานต์ ศรีสุข, CFA ผู้จัดการกองทุนอาวุโส, KAsset
ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดหุ้นจีนจะผันผวนอีกนานแค่ไหน? กองทุนหุ้นจีนยังน่าสนใจอยู่หรือไม่? ไปหาคำตอบกัน
เกิดอะไรขึ้น กับประเทศและเศรษฐกิจจีนในช่วงที่ผ่านมา
Q: เกิดอะไรขึ้นกับประเทศและเศรษฐกิจจีนในช่วงที่ผ่านมา
A: ย้อนกลับไปในอดีตรัฐบาลจีนต้องการให้ประชาชนมีงานทำ จีนจึงมุ่งเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของโลก และนั่นเป็นโอกาสที่ทำให้จีนได้สั่งสมประสบการณ์ เรียนรู้กระบวนการผลิต
เพื่อพัฒนาสู่จีนยุคใหม่ โดยเปลี่ยนรูปแบบจากการผลิตที่เน้นปริมาณสู่การผลิตที่เน้นคุณภาพ ให้ความสำคัญต่อการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์สินค้าของจีนในสายตาผู้บริโภคจากทั่วโลก ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 14 ครอบคลุมปี ค.ศ. 2021-2025
ต่อมาไม่นานทางการจีนได้ออกมาตรการคุมเข้มธุรกิจที่มีการผูกขาดเพื่อสร้างความเป็นธรรมในตลาด และได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนผันผวนหนัก
เนื่องจาก ผู้ลงทุนส่วนใหญ่มีความกังวลต่อมาตรการดังกล่าว
แม้การเข้ามาแทรกแซงของทางการจีนในครั้งนี้ ดูจะสร้างความหวาดวิตกแก่ผู้ลงทุนอยู่พอสมควร แต่อยากให้เชื่อมั่นต่อการทำงานของรัฐบาลจีนที่จะมุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนตามที่ตั้งใจไว้
ทั้งนี้ KAsset ยังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อตลาดหุ้นจีนจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจและการบริโภค ที่จะสร้างโอกาสในการเติบโตให้กับหลายกลุ่มอุตสาหกรรมในระยะยาว
“มาตรการคุมเข้มธุรกิจของรัฐ” ขัดกับ “วาระแห่งชาติของจีน” หรือไม่
Q: “มาตรการคุมเข้มธุรกิจของรัฐ” ขัดกับ “วาระแห่งชาติของจีน” หรือไม่
A: มาตรการต่าง ๆ ที่ออกมานั้นล้วนสอดรับกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปี
จากมาตรการของรัฐบาลจีนที่เข้มงวดในการกำกับดูแลภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่มีการผูกขาดเพื่อสร้างความเป็นธรรมในตลาด
ในขณะที่แผนพัฒนาฉบับใหม่ของจีนมุ่งสร้างความแข็งแกร่งในระดับประเทศในฐานะผู้ท้าชิงประเทศมหาอำนาจของโลก
เมื่อจีนมีการบริหารจัดการภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ย่อมส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจและประเทศจีนแข็งแกร่งตามไปด้วย
และพร้อมต่อกรกับประเทศอื่น ๆ โดยท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่รัฐทำจะส่งผลดีต่อภาพรวมบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่เป็นธรรมขึ้น ฐานลูกค้าที่เพื่มขึ้น และการเติบโตที่ดีในระยะยาว
ทำไมจีนถึงให้ความสำคัญกับ “ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” หรือ “Common Prosperity” และมีผลต่อการลงทุนอย่างไร
Q: ทำไมจีนถึงให้ความสำคัญกับ “ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” หรือ “Common Prosperity” และมีผลต่อการลงทุนอย่างไร
A: จีนต้องการจัดการกับช่องว่างความร่ำรวยขนาดใหญ่ในประเทศ และต้องการเห็นการเติบโตแบบทั่วถึงและสมดุล
อีกทั้งยังต้องการเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนได้มีทางเลือกในการบริโภคสินค้าและใช้บริการ
จีนเล็งเห็นถึงปัญหาประชากรที่อัตราเกิดน้อยลง และจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ จึงต้องเร่งพัฒนาผลผลิต (Productivity) เราจึงเห็นจีนเน้นลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมเยอะเป็นพิเศษ
ทั้งเรื่อง Robot และ AI ซึ่งแน่นอนว่าจะสร้างโอกาสในการลงทุนอีกมากมาย
ความพยายามในการออกมาตรการและข้อบังคับของรัฐบาลจีนเป็นไปเพื่อการควบคุมและจัดระเบียบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ทำให้ในระยะสั้นตลาดหุ้นอาจเกิดความผันผวนจากนโยบายของรัฐบาล
อย่างไรก็ดี เชื่อว่ารัฐบาลไม่ได้มีความต้องการที่จะขัดขวางการเติบโตและการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดังนั้นในวันข้างหน้าหากการจัดระเบียบเป็นไปอย่างเรียบร้อย
เชื่อว่าผลที่เกิดขึ้นจะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน ตามที่รัฐบาลจีนเคยประกาศเจตจำนงเอาไว้
โอกาสทางการลงทุนในหุ้นจีนอนาคตเป็นอย่างไร
Q: โอกาสทางการลงทุนในหุ้นจีนอนาคตเป็นอย่างไร
A: ระยะสั้นปัญหา supply chain ที่ตอนนี้ทั่วโลกกำลังเผชิญ อาจกดดันหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี
แต่ระยะยาวเรายังมองว่าหุ้นที่เกี่ยวกับเทคโนโลยียังเติบโตไปได้อีกมาก เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนมาอยู่ในโลกออนไลน์มากขึ้น ซึ่งก็เกิดจากการพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อย ๆ
แม้กิจกรรมออฟไลน์ยังดำเนินต่อไป แต่ก็คงไม่ 100% เท่าเมื่อก่อนอีกแล้ว ซึ่งเทคโนโลยีไม่ใช่แค่เทรนด์ในตอนนี้ แต่คืออนาคตของการลงทุน
ยิ่งคนได้ใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้นไปเท่าไร ก็จะมีความต้องการอยากใช้สิ่งที่ล้ำขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ ไม่สิ้นสุด ดังนั้น การพัฒนาทางเทคโนโลยีจึงไม่เคยหยุดนิ่งสักวินาทีเดียว
ผู้จัดการกองทุนรับมือกับความผันผวนที่เกิดขึ้นอย่างไร
Q: ผู้จัดการกองทุนรับมือกับความผันผวนที่เกิดขึ้นอย่างไร
A: สำหรับกองทุน K-CHINA ไม่ได้มีการปรับพอร์ตอย่างมีนัยยะ คงธีมการลงทุนเดิม และหาโอกาสเข้าลงทุนเพิ่มในหุ้นที่ยังมีความเชื่อมั่น
ส่วนกองทุน K-ATECH ที่ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีครอบคลุมทั่วประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้น เราได้มีการกระจายการลงทุนในอุตสาหกรรมอื่นเพิ่มเติม
เช่นบริษัทฮาร์ดแวร์ในญี่ปุ่น เราเห็นโอกาสที่ยังมีอยู่มากในทั้งประเทศที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เช่น จีน อินเดีย รวมถึงประเทศที่พัฒนาไปมากแล้วเช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย
วิกฤติหนี้ครั้งใหญ่ของ ‘Evergrande’ ส่งผลกระทบกับ K-CHINA และ K-ATECH หรือไม่
Q: วิกฤติหนี้ครั้งใหญ่ของ ‘Evergrande’ ส่งผลกระทบกับ K-CHINA และ K-ATECH หรือไม่
A: หลายคนมองเหตุการณ์ในครั้งนี้ของ Evergrande ว่าจะเป็นเหมือนกับ Lehman Brothers หรือไม่ เราจึงอยากเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ ว่า
กรณี Lehman Brothers มีหนี้สินมากถึง 50 เท่าของบริษัท ในขณะที่ Evergrande มีหนี้สินเป็น 2 เท่าของบริษัท ทำให้เชื่อว่าประวัติศาสตร์จะไม่เกิดซ้ำรอยแน่นอน
สำหรับการให้ความช่วยเหลือจากภาครัฐ คาดว่าจะใช้วิธีการปรับโครงสร้างหนี้ และการเลื่อนชำระดอกเบี้ยแทน
โดยธนาคารที่เกี่ยวข้องกับ Evergrande ส่วนมากเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่มีทุนสำรองพร้อมรับมือ ประกอบกับธนาคารกลางจีนอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบมหาศาล
เพื่อไม่ให้บริษัทอื่น ๆ เจอวิกฤตทางการเงินเหมือนกับ Evergrande จนเกิดการล้มเป็นโดมิโน่
คำถามที่หลายคนสงสัยว่า กองทุน K-CHINA และ K-ATECH จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตินี้หรือไม่?
คำตอบคือไม่อย่างแน่นอน เพราะกองทุนที่บริหารโดย J.P. Morgan ไม่ได้ลงทุนใน Evergrande หรือหุ้นตัวอื่นในกลุ่มอสังหาฯ เลย ผู้ลงทุนที่ถือทั้ง 2 กองทุนนี้อยู่ จึงวางใจได้
กองทุน K-CHINA และ K-ATECH “ปัง” หรือต้อง “ปรับพอร์ต”
Q: กองทุน K-CHINA และ K-ATECH “ปัง” หรือต้อง “ปรับพอร์ต”
A: สรุปว่ากองทุน K-CHINA และ K-ATECH ยัง “ปัง” จากปัจจัยพื้นฐานที่มีอยู่
เพราะถือว่าราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นทั่วโลก และ “ปรับ” สำหรับคนที่มีน้ำหนักในพอร์ตไม่สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตัวเอง
แต่ถ้ายังไม่มีหุ้นจีนในพอร์ตเลย ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน เพื่อโอกาสในการได้ผลตอบแทนที่ดี
หากผ่านจุดที่ตลาดคลายความกังวลด้านนโยบาย และกลับมาให้น้ำหนักกับปัจจัยพื้นฐาน
ที่สำคัญ ต้องรู้จักระดับความเสี่ยงของตัวเอง และเลือกลงทุนกับผู้จัดการกองทุนที่เข้าใจในหุ้นจีนและเอเชียจริง ๆ
งานสัมมนาดี ๆ แบบนี้ยังมีมาอีกเรื่อย ๆ ถ้าไม่อยากพลาดในครั้งหน้า ก็กดติดตามเพจ ไว้ได้เลย
#KAsset #KBankLive
evergrande
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย