Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The Wild Chronicles
•
ติดตาม
13 ต.ค. 2021 เวลา 09:42 • ประวัติศาสตร์
*** รู้จัก คาร์ล มาร์กซ์ ใน 10 นาที ***
หากจะนับว่าแนวคิดของบุคคลคนใดที่มีอิทธิพลต่อชาวโลกมากที่สุด เชื่อว่าชื่อแรกๆ ที่หลายคนเอ่ยขึ้นมาจะต้องเป็น “คาร์ล มาร์กซ์”
ยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง ผู้คนราว 1 ใน 3 ของโลก เคยใช้ชีวิตอยู่ใต้ระบบการปกครองที่รับแนวคิดมาจากเขา และจนปัจจุบันคนทุกคนในโลกนี้ ยังได้รับอิทธิพลจากแนวคิดดังกล่าวไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
นักปราชญ์ทุกสำนักต้องทบทวนตนเองเพราะเขา!
ศาสนาทุกศาสนาเสื่อมอำนาจลงเพราะเขา!
กษัตริย์ทุกราชวงศ์ถูกสั่นคลอนบัลลังก์เพราะเขา!
...เป็นเพราะเขาโลกจึงได้เปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าคว่ำดิน...
...บางคนบอกว่าเขาเป็นปีศาจที่ก่อความวุ่นวาย ทำให้คนบาดเจ็บล้มตายมากมาย
...บางคนบอกว่าเขาเป็นผู้ปลดปล่อย ซึ่งช่วยเหลือผู้คนให้สามารถลืมตาอ้าปากได้
แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่ถูกต้องคืออะไร? มาร์กซ์สอนอะไรกันแน่? บทความนี้เราจะพาท่านผู้อ่านไปเรียนรู้ชีวิตและอุดมการณ์ของเขาแบบเข้าใจง่ายนะครับ
*** ชีวิตวัยเยาว์กับอิทธิพลเสรีนิยม ***
"คาร์ล ไฮน์ริช มาร์กซ์" เกิดในปี 1818 ในเมืองเทรียร์ (Trier) ของเยอรมัน ซึ่งตอนนั้นยังเป็นอาณาจักรปรัสเซีย
ครอบครัวเขาเป็นชนชั้นกลางฐานะดี โดยแม่มาจากครอบครัวร่ำรวย (เป็นญาติของผู้ก่อตั้งบริษัทฟิลลิปส์ บริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กโทรนิกส์ยักษ์ใหญ่สัญชาติดัตช์ ในเวลาต่อมา) ส่วนพ่อเป็นทนายความ และชื่นชอบงานของนักปรัชญาสายเสรีนิยมที่มีชื่อเสียง เช่น "อิมมานูเอล คานต์" และ "วอลแตร์"
ภาพแนบ: บ้านสมัยเด็กของมาร์กซ์ในเมืองเทรียร์ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์
ในวัยเด็กมาร์กซ์เรียนโฮมสกูลกับพ่อ ต่อมาได้เข้าโรงเรียนมัธยมของเมือง ซึ่งในขณะนั้นกระแสเสรีนิยมกำลังมาแรง อาจารย์ของมาร์กซ์หลายคนก็เป็นเสรีนิยม เชื่อว่าทำให้มาร์กซ์ได้รับอิทธิพลเสรีนิยมไปด้วย
สำหรับทวีปยุโรปในเวลานั้นกำลังมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเมืองที่สำคัญ ระบบทุนนิยมที่เกิดขึ้นเริ่มเข้าแทนที่ระบบศักดินา ทำให้เกิดคนชนชั้นใหม่ๆ และปัญหาสังคมแบบใหม่ตามมา เช่นเดียวกับอุดมการณ์ต่างๆ ที่ตามติดมาเป็นพรวน ได้แก่ เสรีนิยมซึ่งเชื่อมั่นในการลดการควบคุมจากรัฐและเพิ่มเสรีภาพของคน และ สังคมนิยมซึ่งส่งเสริมให้เกิดความเสมอภาคทางเศรษฐกิจมากขึ้น
ปรัสเซียในเวลานั้นปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช บรรดาขุนนางเจ้าของที่ดินรายใหญ่ยังมีอำนาจอยู่ พวกเขารู้สึกหวาดระแวงต่อกระแสเสรีนิยมและสังคมนิยม จึงมักปราบปรามอยู่เสมอ
ภาพแนบ: เฮเกล
3. เมื่อโตขึ้นมาร์กซ์เข้าเรียนด้านกฎหมาย แต่ให้ความสนใจกับวิชาปรัชญาด้วย โดยมาร์กซ์สนใจในปรัชญาของ "เกออร์ค วิลเฮล์ม ฟรีดริช เฮเกล" ซึ่งเป็นนักปรัชญาสายอุดมคตินิยมชาวเยอรมัน และได้รับเอาวิภาษวิธี (แปลว่า “วิธีการโต้แย้ง”) ของเฮเกลมา
ต่อมาเขาเขียนวิทยานิพนธ์ในสาขาปรัชญา และได้ปริญญาเอก (ทั้งที่ไม่ได้เป็นวิชาที่เรียน แต่อาจารย์ให้ผ่าน) เมื่อปี 1841
ภาพแนบ: มาร์กซ์ในวัยหนุ่ม
*** มาร์กซ์ในวัยหนุ่ม ***
มาร์กซ์ย้ายไปอยู่โคโลญในปี 1842 แล้วเริ่มทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์ พร้อมกับหันไปสนใจในวิชาเศรษฐศาสตร์
หลังจากรัฐบาลสั่งปิดหนังสือพิมพ์ที่มาร์กซ์ทำงานอยู่ เขาจึงได้ย้ายไปเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่ค่อนข้างหัวรุนแรงในกรุงปารีสแทน
ภาพแนบ: ฟรีดริช เองเงิลส์ และหนวดของเขา
ในปี 1844 มาร์กซ์ได้พบกับ "ฟรีดริช เองเงิลส์" เป็นครั้งแรก ซึ่งต่อมาจะได้คบเป็นเพื่อนตลอดชีวิต
เองเงิลส์เป็นคนจุดประกายมาร์กซ์ว่าชนชั้นกรรมกรจะเป็นผู้ลงมือปฏิวัติครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ ทำให้มาร์กซ์เริ่มพัฒนาแนวคิดกลุ่มสังคมนิยมที่ต่อมาคือ “ลัทธิมาร์กซ์” เป็นรูปเป็นร่างขึ้นในปลายปีเดียวกัน
ภาพแนบ: การใช้แรงงานเด็กในสมัยทุนนิยมยังตั้งไข่ ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Oliver Twist (1948)
เมื่อศึกษาทุนนิยมลึกลงไป ยิ่งตอกย้ำมาร์กซ์ให้เชื่อว่าจำเป็นต้องมีระบบเศรษฐกิจและการเมืองแบบใหม่ขึ้นมาแทนระบบเก่าๆ
มาร์กซ์ได้สร้างแนวทางศึกษาปรัชญาของตัวเองที่เรียกว่า วัตถุนิยมทางประวัติศาสตร์ (historical materialism) ซึ่งเน้นการศึกษาประวัติศาสตร์แบบวัตถุ (หรือศึกษาตามความเป็นจริง) ซึ่งต่างจากปรัชญากลุ่มอื่นๆ ในยุคนั้นที่ยังเน้นอุดมคติ
ภาพแนบ: คำประกาศนโยบายพรรคคอมมิวนิสต์
ในปี 1848 มาร์กซ์กับเองเงิลส์เขียน “คำประกาศนโยบายพรรคคอมมิวนิสต์” หรือคอมมิวนิสต์มานิเฟสโต ให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์ที่เขาเข้าร่วมด้วย
ใจความของผลงานดังกล่าวคือ ชี้ให้เห็นความแตกต่างของพรรคคอมมิวนิสต์กับพรรคสังคมนิยม และเสรีนิยมอื่นๆ ในยุโรป โดยระบุว่าพรรคเขาต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมเพื่อชนชั้นกรรมกรอย่างแท้จริง
ประโยคดังจากผลงานเล่มนี้ เช่น “ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเป็นการต่อสู้ระหว่างชนชั้น” ซึ่งเป็นการสรุปรวบยอดจากการศึกษาประวัติศาสตร์ของมาร์กซ์ที่เชื่อว่ามีการต่อสู้ทางชนชั้นมาตลอด
และประโยค “กรรมกรทั่วโลกจงสามัคคีกัน” ซึ่งหวังปลุกให้กรรมกรต่อสู้เพื่อสิทธิ์เสียงของตัวเอง
(จะอธิบายแนวคิดเหล่านี้ต่อช่วงท้ายบทความ)
ภาพแนบ: เหตุการณ์การปฏิวัติ 1848 ในปรัสเซีย
ในช่วงปี 1848-1849 เกิดเหตุการณ์กระแสเสรีนิยมทั่วยุโรปที่เรียกว่า "การปฏิวัติ 1848"
มาร์กซ์สนับสนุนการปฏิวัตินี้ในปรัสเซีย แต่เนื่องจากมันล้มเหลว ตัวเขาเองจึงถูกตามปราบปรามทำให้ต้องย้ายไปมาในหลายประเทศ จนสุดท้ายต้องลี้ภัยไปอยู่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่ซึ่งเขาพำนักจนเสียชีวิต
ภาพแนบ: บ้านของมาร์กซ์ในลอนดอน
*** มาร์กซ์ในวัยแก่ ***
ในช่วงที่เขาอยู่กรุงลอนดอนนั้น เงินมรดกของมาร์กซ์ร่อยหรอลง เขาจึงต้องพยายามหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว ด้วยการเป็นนักหนังสือพิมพ์ให้กับหนังสือพิมพ์ของชนชั้นกรรมกรในสหรัฐเวลานั้นอยู่ราว 10 ปี (ทำงานให้ นสพ. สหรัฐ แต่อาศัยในอังกฤษ)
ในช่วงนี้มีเรื่องเล่าว่าเขาไปมีลูกนอกสมรสกับแม่บ้าน 1 คน นอกจากนี้ ยังต้องพึ่งพาเงินของเองเงิลส์อยู่เรื่อยๆ กลายเป็นข้อครหาที่ว่าเขา “คบชู้” กับ “เกาะเพื่อนกิน”
1
ภาพแนบ: ภาพวาดเหตุการณ์ความตื่นตระหนกปี 1857
มาร์กซ์ได้เห็นขบวนการกรรมกรทำการล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาคาดว่าจะมีการปฏิวัติของกรรมกรในเหตุการณ์ "ความตื่นตระหนกปี 1857" (Panic of 1857) ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกครั้งแรก แต่สุดท้ายเขาก็ผิดหวัง เพราะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ขึ้น
ภาพแนบ: หนังสือเรื่อง "ทุน"
อย่างไรก็ตามมาร์กซ์ก็มิได้ย่อท้อ เขาหันมาเอาดีด้านการเขียนหนังสือวิจารณ์ทุนนิยม ผลงานเอกของเขา ชื่อว่า “Das Kapital” หรือ “ทุน” พิมพ์ครั้งแรกในปี 1867 และได้รับความนิยมมาก เขาใช้เวลาบั้นปลายของชีวิตเขียนเล่ม 2 และ 3 กระทั่งล้มป่วยลงจนเขียนหนังสือไม่ได้อย่างเดิม
ในหนังสือนี้ได้บอกเล่าประเด็นใหญ่เกี่ยวกับพัฒนาการของทุนนิยม การหมุนเวียนของทุน และการต่อสู้ระหว่างชนชั้น ซึ่งเป็นที่มาว่าเหตุใดจึงจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงในสังคม
ภาพแนบ: สุสานมาร์กซ์ในประเทศอังกฤษ
แต่อิทธิพลทางความคิดของมาร์กซ์เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น...
เขาไม่ทราบเลยว่าหลังจากนี้ แนวคิดของเขาจะมีอิทธิพลยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก... รัฐบาลที่ปกครองด้วยระบบที่มีแนวคิดมาร์กซิส, เหมาอิสต์, เลนินนิสต์, คอมมิวนิสต์ ล้วนได้รับอิทธิพลจากเขา
ตามที่ได้เกริ่นไปตอนแรกว่าครั้งหนึ่งเคยมีประชากรถึง 1 ใน 3 ของโลกอยู่ภายใต้การปกครองที่อ้างชื่อเขา และแม้แต่ในสังคมทุนนิยมเองที่ “ยี้” มาร์กซ์มาแต่ไหนแต่ไร ก็ต้องรับเอาข้อเสนอของมาร์กซ์ไปปรับใช้ด้วย เรียกว่าทุกคนในโลกต้องปรับตัวเพราะชายผู้นี้
*** ตัดเข้าช่วงโฆษณา ***
ขอโฆษณาว่าหนังสือ "ประวัติย่อก่อการร้าย War on Terror" ที่พิมพ์ครั้งก่อนขายหมดจากตลาดไปนานแล้ว มีแผนจะพิมพ์ใหม่ปลายปีนี้นะครับ
ตอนแรกว่าใกล้ๆ เสร็จแล้วค่อยทำโปร แต่เหตุการณ์ในอัฟกานิสถานและรำลึก 9/11 ทำให้มีคนถามมาเยอะเหลือเกิน เลยเปิดให้จองก่อน
- หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องประวัติของขบวนการก่อการร้ายสากลตั้งแต่ยุคอัลเคดามาต่อ ISIS
- ผมตั้งใจจะเพิ่มเนื้อหาให้อัพเดทถึงปัจจุบัน
- พิมพ์เป็นสี่สีแน่นอน
- ปกพิมพ์สีเมทัลลิก ปั้มนูนและปั้มเงินที่ชื่อเหมือนเล่มสุริยันพันธุ์เคิร์ด รับรองว่าสวยมาก เหมาะแก่การสะสม สำนักพิมพ์ The Wild Chronicles เราพิมพ์เองแล้วจะทำอะไรก็ได้ 555
- มีเซ็นลายเซ็นพิเศษประจำเล่มให้ครับ
- ราคาอยู่ที่ 389 บาท สั่งพรีออเดอร์ตอนนี้ลดเหลือ 369 บาท และฟรีค่าส่งในประเทศ (ปกติค่าส่ง 50 บาทครับ ส่วนต่างประเทศก็ตามจริง)
- สนใจชำระและใส่ที่อยู่ที่ link แนบได้เลย อนึ่งระบบนี้จะมีเมลคอนเฟิร์มไปแต่ช้าหน่อยนะครับ
https://www.gbprimepay.com/payment/noncart/TWC/596338
นอกจากนี้ ขอโฆษณาว่าหนังสือ “สุริยันพันธุ์เคิร์ด” หรือหนังสือเล่มใหม่ของผมออกแล้วนะครับ มีรายละเอียดดังนี้...
- เรื่องนี้เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ชาวเคิร์ด ผลงานเล่มล่าสุดในชุด The Wild Chronicles
- พิมพ์เป็นสี่สี!
- ยาวที่สุดเท่าที่พิมพ์มา ยาวกว่าพยัคฆ์ทมิฬสิ้นชาติราว 2 เท่า
- รูปโหดๆ ที่ทำให้เข้าใจสถานการณ์ดีขึ้น จะไม่เซนเซอร์ แต่จะรวมอยู่ท้ายเล่ม และมีคำเตือนก่อน
- มีลายเซ็นทุกเล่ม!
- ราคา 439 บาท รวมค่าส่งแล้ว
ท่านที่ต้องการพรีออเดอร์สามารถชำระ และใส่ที่อยู่ทาง link แนบได้เลย
https://www.gbprimepay.com/payment/m/noncart/TWC/576294
อนึ่งชาวเคิร์ดเป็นชนกลุ่มน้อยในตะวันออกกลาง มีราว 30 ล้านคน หากไม่มีประเทศของตนเอง พวกเขาแตกเป็นหลายส่วนและถูกกดขี่อย่างหนัก แต่การถูกกดขี่เคี่ยวกรำนั้นทำให้พวกเขากลายเป็นนักรบที่เก่งกาจ
หนังสือเล่มนี้เขียนเรื่องราวของชาวเคิร์ดตั้งแต่ยุคตำนานจนถึงประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ซึ่งมีความพีคแล้วพีคอีก ผ่านสงครามใหญ่ๆ มากมาย เช่นสงครามอิรัก - อิหร่าน, สงครามอ่าวเปอร์เซีย, สงครามปราบซัดดัม, สงครามกลางเมืองอิรัก, สงครามปราบกลุ่มก่อการร้าย แต่ละสงครามที่ว่ามานี้มีสเกลใหญ่เป็นรองแค่สงครามโลก
ชาวเคิร์ดมีส่วนร่วมในสงครามเหล่านี้ทั้งหมดในฐานะชนกลุ่มน้อยที่ไม่รวยแต่รบเก่ง พอมีคนมาติดอาวุธให้เลยมักกลายเป็นไพ่โจ๊กเกอร์ที่เปลี่ยนผลชี้ขาดของสงคราม
อย่างไรก็ตามศัตรูอันดับหนึ่งของชาวเคิร์ดคือเผด็จการซัดดัม ฮุสเซนนั้นก็โหดมาก โหดโคตรๆ ใครเคยอ่านพยัคฆ์ทมิฬสิ้นชาติ หรือเชือดเช็ดเชเชน ผมบอกได้ว่าไอ้นี่ก็โหดไม่แพ้กัน หรือเผลอๆ โหดกว่า ดังนั้นการต่อสู้ของชาวเคิร์ดมันจึงเป็นเรื่องที่หลอนและดุเดือดมากๆ
หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ที่ผมได้ไปเยือนดินแดนเคอร์ดิสถานอิรัก (และหนีมิสไซล์มา) เมื่อต้นปี 2020 เพื่อนชาวเคิร์ดที่ผมสัมภาษณ์ทุกคนเป็นผู้รอดชีวิตจากทุกสงครามข้างต้น ทำให้มีข้อมูล ความเห็น และมุมมองของคนต่างๆ ที่ลึกกว่าในตำรา แน่นอนว่าประสบการณ์ของพวกเขาดาร์คมาก แต่เขาหลายคนไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น พวกเขาตีความสิ่งที่พบเจออย่างไร ลองตามอ่านดูนะครับ
"สุริยันพันธุ์เคิร์ด" ตั้งใจพิมพ์เป็นสี่สี เป็นหนังสือที่ยาวที่สุดตั้งแต่ผมเขียนสารคดีชุด The Wild Chronicles มา
อีกครั้งนะครับ ท่านที่ต้องการพรีออเดอร์หนังสืออย่างเดียว สามารถชำระ และใส่ที่อยู่ทาง link นี้ได้เลย 439 บาท รวมค่าส่งแล้ว (ในประเทศ) ถ้าบางท่านอยู่ต่างประเทศมีค่าส่งพิเศษจะแจ้งอีกที
https://www.gbprimepay.com/payment/m/noncart/TWC/576294
*** ปรัชญาแนวมาร์กซ์ ***
เชื่อว่าท่านผู้อ่านหลายท่านคงน่าจะเคยได้ยินปรัชญาของมาร์กซ์มาบ้าง ในส่วนนี้ขอสรุปความคิดของมาร์กซ์แบบง่ายๆ นะครับ
เนื้อหาปรัชญาแนวมาร์กซ์มีเนื้อหาสำคัญอยู่ที่:
1) ความขัดแย้งระหว่างชนชั้น
2) สังคมคอมมิวนิสต์
1
มาร์กซ์เขียนในคำแถลงนโยบายพรรคคอมมิวนิสต์ว่า “ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเป็นการต่อสู้ระหว่างชนชั้น” โดยชี้ให้เห็นว่าประวัติศาสตร์เป็นการต่อสู้ระหว่างชนชั้นปกครองกับชนชั้นใต้ปกครองอยู่เสมอ (เทียบกับประวัติศาสตร์แนวอื่นๆ เช่น ชาตินิยมมองว่าประวัติศาสตร์เป็นการต่อสู้ระหว่างคนต่างชาติต่างภาษากัน)
ซึ่งหากแจกแจงความขัดแย้งระหว่างชนชั้นที่ผ่านมา จะประกอบด้วย:
1) ยุคโบราณ เป็นความขัดแย้งระหว่าง ทาส กับ นายทาส เช่น เหตุการณ์กบฏสปาร์ตาคัส
2) ยุคกลาง เป็นความขัดแย้งระหว่าง ข้าติดที่ดิน (serf) กับ เจ้าศักดินา (feudal lord) เช่น กบฏชาวนาต่างๆ
3) ยุคใหม่ จะเป็นความขัดแย้งระหว่าง ผู้ใช้แรงงาน (“ชนชั้นกรรมาชีพ”) กับ นายทุน (“ชนชั้นกระฎุมพี”)
1
มาร์กซ์เป็นผู้ศึกษาระบบทุนนิยมอย่างลึกซึ้ง อ่านทั้งงานของ "อดัม สมิธ" และ "เดวิด ริคาร์โด"
มาร์กซ์ระบุว่าในระบบทุนนิยม มีการ “ขูดรีด” ชนชั้นแรงงาน เพราะนายทุนหากำไรจาก “มูลค่าส่วนเกิน” (surplus value) ที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของกรรมกร …พูดง่ายๆ คือ มาร์กซ์มองว่านายทุนเป็น ผู้ “ทำนาบนหลังคน” ฉกฉวยผลประโยชน์ส่วนที่ควรตกกับกรรมกรผู้ลงแรงด้วยตัวเอง
นี่เป็นการขยายความจากทฤษฎีของริคาร์โดที่ระบุว่า มูลค่าของสินค้าต่างๆ ควรขึ้นอยู่กับแรงงานที่ใส่เข้าไป และต้องตอบแทนแรงงานนั้นอย่างสมน้ำสมเนื้อ
ดังนั้นมาร์กซ์เชื่อว่าสังคมที่ดีจะต้องล้มล้างระบบทุนนิยม ตั้งระบบการผลิตแบบสังคมนิยม ก่อนที่จะเปลี่ยนเข้าสู่สังคมคอมมิวนิสต์ตามลำดับ
อนึ่ง ระบบการผลิตแบบสังคมนิยม มีลักษณะดังนี้:
1) การผลิตจะเป็นไปเพื่อใช้ประโยชน์จริงอย่างเดียว (ไม่ได้เอาไปใช้ในทางฟุ่มเฟือย)
2) การผลิตจะมาจากการวางแผนเศรษฐกิจของรัฐ
3) ตั้งใจให้การกระจายทรัพยากรมีความเป็นธรรมมากขึ้น
4) รัฐเป็นถือกรรมสิทธิ์ของปัจจัยการผลิตต่างๆ เพื่อจัดการอย่างเป็นธรรม
ส่วนสังคมคอมมิวนิสต์ จะหมายถึง สังคมที่ทุกคนเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตร่วมกัน ยกเลิกกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล ไม่มีใครถูกกีดกันจากการใช้ประโยชน์จากปัจจัยเหล่านั้น
...เมื่อพูดถึงสังคมคอมมิวนิสต์ ลองนึกภาพสังคมเกษตรสมัยก่อนที่ทุกคนแบ่งอุปกรณ์ทำเกษตรกัน แล้วจากนั้นก็นำผลผลิตมาแบ่งกันนะครับ
มาร์กซ์เชื่อว่าในอนาคตถ้าเทคโนโลยีการผลิตไปถึงจุดหนึ่ง ปริมาณสินค้าที่มีอยู่ในระบบจะมีเกินความต้องการ ตามมาด้วยการแจกจ่ายสินค้าเหล่านั้นแบบฟรีๆ (แบบหนังเรื่องสตาร์เทร็ค)
และเมื่อคนเราไม่ต้องวุ่นวายอยู่แต่กับการหาเงินเลี้ยงปากท้อง ก็จะมีอิสระในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสนใจจริงๆ พร้อมทั้งสามารถคืนคุณค่าให้กับสังคมอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ณ ช่วงนั้น รัฐจะหมดความจำเป็นลง เพราะมาร์กซ์เชื่อว่ารัฐมีไว้เพื่อรักษาความสัมพันธ์แบบเหลื่อมล้ำ
มาร์กซ์ชี้ว่า นี่แหละ คือ “อิสรภาพ...” (รัฐคอมมิวนิสต์ส่วนใหญ่อ้างว่าสังคมยังพัฒนาอยู่แค่ช่วงทำให้มีระบบการผลิตแบบสังคมนิยม ยังไปไม่ถึงขั้นสังคมคอมมิวนิสต์ที่แท้จริง)
แต่มาร์กซ์เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นตามหลังการปฏิวัติของชนชั้นกรรมาชีพเท่านั้น ...เพราะไม่มีทางที่กระฏุมพีจะยอมยกทรัพย์สินและอำนาจให้โดยสมัครใจหรอก
ในเรื่องการปฏิวัติ มาร์กซ์มองว่าทุกอย่างจะต้องค่อยเป็นค่อยไป รอให้ชนชั้นกรรมาชีพค่อยๆ เกิดสำนึกเรื่องชนชั้น (class consciousness) จากล่างขึ้นบน, รอวิกฤตเศรษฐกิจสุกงอมจนคนยากจนรู้สึก “อิน” เสียก่อน นอกจากนี้ยังต้องรอให้การพัฒนาเศรษฐกิจไปถึงระดับหนึ่งด้วย
2
มาร์กซ์ไม่คิดว่าการปฏิวัติมันจะเกิดได้เร็ว เห็นได้จากในช่วงชีวิตของเขานั้นยังมีการเสนอให้ชนชั้นกรรมาชีพร่วมมือกับพวกกระฎุมพีโค่นล้มพวกศักดินาเสียก่อน แล้วค่อยหาโอกาสล้มล้างพวกกระฎุมพีอีกทีหนึ่ง
อนึ่งแนวคิดของมาร์กซ์ยังมีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจ แต่ในที่นี้ยกมาเฉพาะประเด็นหลักที่ส่งผลกระทบต่อโลกมาก
แน่นอนว่ามาร์กซ์ไม่ใช่ถูกต้องไปเสียหมด คำทำนายหลายอย่างของมาร์กซ์สุดท้ายไม่เป็นความจริง
...คือจนถึงปัจจุบันทุนนิยมก็ยังไม่ล่มสลาย หรือมาร์กซ์เคยทำนายไว้ว่าจะเกิดการปฏิวัติน่าจะเกิดในสังคมอุตสาหกรรม เช่น อังกฤษหรือเยอรมนี แต่สุดท้ายก็ไม่เคยเกิดขึ้น
1
ภาพแนบ: ประเทศจีนสมัยเหมาเป็นรัฐคอมมิวนิสต์เข้มข้น มีการปฏิวัติวัฒนธรรม เยาวชนเรดการ์ดจับคนเห็นต่างมาทารุณประจาน
ส่วนนักวิจารณ์กลุ่มอื่นๆ ต่างก็โจมตีลัทธิมาร์กซ์ด้วยเหตุผลต่างๆ กัน บ้างก็เชื่อมโยงมาร์กซ์กับความโหดร้ายที่เกิดขึ้นใน “รัฐคอมมิวนิสต์” ในศตวรรษที่ 20, บ้างวิจารณ์ความถูกต้องและความสมเหตุสมผลของเนื้อหา โดยชี้ว่าหลายจุดยังกำกวมและขัดแย้งกันเอง, บ้างวิจารณ์แนวคิดมาร์กซ์ว่าเป็นอุดมคติเกินไปใช้ไม่ได้จริงเป็นต้น
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลัทธิมาร์กซ์ว่ามีทั้งส่วนที่ถูกและไม่ถูก ไม่ต่างอะไรจากปรัชญาอื่นๆ ก่อนหน้าและหลังจากนั้น
บทความนี้ไม่ได้เจตนาชี้นำท่านผู้อ่านว่าตัวมาร์กซ์และแนวคิดของเขานั้นดีหรือไม่ดี
...มีทั้งคนที่เทิดทูนเขาประดุจศาสดา แต่ก็มีคนที่มองว่าเขาเผยแพร่ลัทธิปีศาจด้วยเช่นกัน...
สงครามเย็น (1947 - 1991) นั้นจบลงด้วยกลุ่มรัฐที่ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม สามารถเอาชนะกลุ่มรัฐที่ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ได้ จึงดูเหมือนว่ารัฐที่สืบทอดอุดมการณ์แบบมาร์กซ์นั้นพ่ายแพ้
อย่างไรก็ตามการที่รัฐทุนนิยมอยู่รอดมาจนทุกวันนี้ก็ด้วยมีการปรับตัวหลายอย่างเพื่อประนีประนอมกับชนชั้นกรรมาชีพของตน เช่นการให้สวัสดิการ หรือกฎหมายคุ้มครองแรงงานต่างๆ นับว่าได้รับอิทธิพลจากมาร์กซ์
แม้มีการต่อสู้แตกหักมากมายเกิดขึ้นจากแนวคิดของมาร์กซ์ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหล่าผู้ใช้แรงงานทั่วโลกนั้นมีชีวิตดีขึ้นเพราะแนวคิดของเขา
มรดกความคิดของมาร์กซ์มีผลดีร้ายต่อโลกของเราอย่างไรนั้น อยากให้ท่านผู้อ่านตัดสินเอาเองครับ...
::: อ้างอิง :::
- davidharvey (ดอต) org/2010/08/the-enigma-of-capital-and-the-crisis-this-time/
- oxfordhandbooks (ดอต) com/view/10.1093/oxfordhb/9780190695545.001.0001/oxfordhb-9780190695545-e-50
- plato (ดอต) stanford (ดอต) edu/entries/marx/
- economictheories (ดอต) org/2009/05/full-communism-ultimate-goal
ท่านที่สนใจอ่านเรื่องราวแปลกๆ จากรอบโลกสามารถสมัครเข้ากลุ่ม illumicorgi
อนึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่ม exclusive ผมจะใช้ลงบทความพิเศษ ซึ่งมีเนื้อหาเจาะลึกกว่าที่ลงในเพจ The Wild Chronicles และบทความส่วนใหญ่ในกลุ่มจะเกี่ยวกับธีมของหนังสือที่ผมกำลังเขียน
ผู้ที่ต้องการสมัครเข้ากลุ่มให้ทำดังนี้เลยนะครับ
(1) กดสมัคร Line OA ของ The Wild Chronicles มาทาง link นี้
https://lin.ee/fNEO1jr
(2) กด add เป็นเพื่อน
(3) กด chat
(4) จากนั้น พิมพ์ชื่อที่ท่านใช้ใน Facebook มาทางช่องแชทของ Line OA เพื่อให้ทีมงานบ่งชี้ได้ว่าบัญชีของท่านสมัครมาแล้ว
(5) จากนั้นจะมีแอดมินมาคุยกับท่าน ให้แจ้งประเภทสมาชิกที่ท่านต้องการสมัคร แอดมินจะส่ง link เพื่อชำระค่าสมาชิก และแนะนำวิธีการเข้ากลุ่มต่อไป
::: ::: :::
สนใจอ่านเรื่องประวัติศาสตร์ สงคราม เรื่องต่างประเทศ กดติดตาม เพจ The Wild Chronicles ได้เลยนะครับ
https://facebook.com/pongsorn.bhumiwat
และ youtube
https://youtube.com/user/Apotalai
1
18 บันทึก
19
1
7
18
19
1
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย