21 ต.ค. 2021 เวลา 03:46 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุปมุมมองการเข้าซื้อกองทุนต่างประเทศ
by หนีดอย ประจำวันที่ 21 ต.ค. 2021
" S&P500 ปิดบวกติดกันเป็นวันที่ 6
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์
Bitcoin ทำจุดสูงสุดตลอดกาล
Tesla ทำรายได้มากที่สุดในงบไตรมาสที่ 3"
3
📌 มาดูภาพรวมดัชนีจาก Investing.com
2
📌 ตลาดเอเชียเริ่มกันที่ ดัชนี CSI300 +0.35% ​(ที่ 4927 จุด), ดัชนี HSTECH -0.49% (ที่ 6658 จุด)
📌 ส่วนทองคำราคาอยู่ที่ 1785 ขณะที่ราคาแร่เงินอยู่ที่ 24.41 USD/Oz.
(ข้อมูลจาก investing.com/indices/major-indices)
📌 สำหรับดัชนี Fear & Greed index ล่าสุดสำหรับตลาดสหรัฐอยู่ที่ 67 (Greed > Fear) (ข้อมูลจาก money.cnn.com/data/fear-and-greed/)
📌 ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ทำสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 6 เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งการพุ่งขึ้นของราคาบิตคอยน์
📌 ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) ที่ระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป โดยหุ้นกลุ่มบริษัทอาหารได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเนสท์เล่
📌 สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 83.87 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. 2557
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 85.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค. 2561
📌 สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อและปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่เกิดขึ้นทั่วโลกยังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยทั้งนี้ สั ญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 14.4 ดอลลาร์ หรือ 0.81% ปิดที่ระดับ 1,784.9 ดอลลาร์/ออนซ์
📌 บริษัทเทสลา อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2564 โดยระบุว่าบริษัทมีกำไรสุทธิเมื่อคำนวนตามหลักการบัญชีทั่วไป (GAAP) อยู่ที่ 1.62 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองที่กำไรสุทธิเกินหลัก 1 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งมีกำไรสุทธิ 331 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน เทสลามีรายได้ 1.376 หมื่นล้านดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.363 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 1.86 ดอลลาร์ มากกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 1.59 ดอลลาร์ นอกจากนี้ เทสลาระบุว่า ธุรกิจพลังงานซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์แสงอาทิตย์และระบบกักเก็บพลังงาน มีรายได้ 806 ล้านดอลลาร์ ส่วนธุรกิจบริการและรายได้อื่น ๆ เช่น การซ่อมบำรุงรถยนต์ ประกันรถยนต์ และยอดขายสินค้าแบรนด์เทสลา มีรายได้รวมกันอยู่ที่ 894 ล้านดอลลาร์
1
📌 FDA ของสหรัฐได้อนุมัติการฉีดวัคซีนบูสเตอร์เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นา และบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันแล้วเมื่อวานนี้ (20 ต.ค.) พร้อมระบุว่า ชาวอเมริกันสามารถเลือกฉีดวัคซีนบูสเตอร์ยี่ห้อที่แตกต่างไปจากวัคซีนที่ฉีดครบโดสก่อนหน้า การอนุมัติของ FDA จะช่วยปูทางให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนในสหรัฐเข้ารับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้ FDA ได้อนุมัติฉีดวัคซีนบูสเตอร์ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคให้กับชาวอเมริกันที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปและกลุ่มเสี่ยงสูง หลังจากที่ประชาชนในกลุ่มดังกล่าวได้รับวัคซีนครบโดสแล้วเป็นระยะเวลา 6 เดือน
ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะที่ปรึกษาของ FDA ของสหรัฐได้ลงมติเป็นเอกฉันท์แนะนำให้ FDA อนุมัติการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ของโมเดอร์นาให้กับชาวอเมริกันที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป หรือผู้มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการเจ็บป่วยรุนแรง
📌 สำนักงานคุ้มครองด้านการเงินของผู้บริโภคสหรัฐ (CFPB) เตรียมตรวจสอบบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่างเฟซบุ๊ก, แอมะซอน และกูเกิลเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลด้านการเงินของผู้บริโภคภายในสัปดาห์นี้ โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภค และส่งเสริมให้มีการแข่งขันกันในภาคธุรกิจการเงิน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นไปตามความคาดหมายของหลายฝ่าย หลังจากนายโรหิต โชปราเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการ CFPB ตามมติของวุฒิสภาสหรัฐเมื่อเดือนที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ นายโชปราดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) โดยเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต เขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลักดันสิทธิผู้บริโภค และมักดำเนินนโยบายเข้มงวดกับบรรดาบริษัทเทคโนโลยี
ทั้งนี้ นโยบายสำคัญของพรรคเดโมแครตนั้นรวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันในภาคธุรกิจการเงินเพื่อผู้บริโภค ด้วยการกำหนดให้บริษัทการเงินต้องเปิดทางให้ผู้บริโภคสามารถควบคุมข้อมูลด้านการเงินของตนเองได้ หรือที่เรียกว่า "Open banking" แหล่งข่าวเผยว่า CFPB เตรียมส่งคำขอในรูปแบบเอกสารจำนวน 55 หน้า ซึ่งจะขอให้บริษัทเหล่านี้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการการเก็บ, ใช้ และทำการตลาดด้วยข้อมูลด้านการเงินของผู้บริโภค "คำถามของ CFPB จะเน้นไปที่การตรวจสอบว่า บริษัทเหล่านี้เก็บข้อมูลอะไรบ้าง มีวิธีการเก็บข้อมูลอย่างไร และนำข้อมูลไปใช้อย่างไร" แหล่งข่าวระบุ
📌 นายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษ กล่าวว่า รัฐบาลได้ทำข้อตกลงซื้อยาต้านโควิด-19 ของบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค และบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งต่างก็เป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ โดยหวังว่าจะสามารถนำมารักษาผู้ป่วยโควิด-19 ภายในปลายปีนี้ หากได้รับการอนุม้ติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้ อังกฤษมีจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 สะสมมากกว่า 8 ล้านราย โดยสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก ขณะที่มีผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 40,000 ราย
📌 บิตคอยน์พุ่งขึ้นใกล้ทะลุระดับ 67,000 ดอลลาร์ จ่อแตะ 2,250,000 บาทเมื่อคืนนี้ หลังทุบสถิติสูงสุดตลอดกาล ขานรับคำกล่าวของนายพอล ทิวดอร์ โจนส์ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ ซึ่งระบุว่า เขาชื่นชอบบิตคอยน์มากกว่าทองคำในฐานะเครื่องมือประกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ นอกจากนี้ บิตคอยน์ยังได้ปัจจัยบวกจากการเปิดตัวกองทุน ETF บิตคอยน์เป็นครั้งแรกในตลาดหุ้นนิวยอร์กวานนี้
📌 นายทอม ลี นักวิเคราะห์จากบริษัทฟันด์สแตรทส์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังคงสามารถพุ่งขึ้นอีก 6% จนถึงสิ้นปีนี้ แม้ว่าขณะนี้ราคาหุ้นได้ดีดตัวขึ้นมากแล้ว นายลียังได้ปรับเพิ่มตัวเลขเป้าหมายดัชนี S&P 500 สู่ระดับ 4,800 ในปีนี้ โดยระบุถึงการพุ่งขึ้นของราคาบิตคอยน์ ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่านักลงทุนมีความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
📌 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.38 บาท/ดอลลาร์ แข็ง คาเล็กน้อยจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.40 บาท/ดอลลาร์ เช้านี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังนักลงทุนเทขายเพื่อนำไปลง ทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น แต่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ "บาทแข็งค่าจากเย็นวานนี้ หลังนักลงทุนเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้ดัชนีหุ้นนิวยอร์กปรับตัวเพิ่มขึ้น" นักบริหาร
เงินกล่าว ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.25 - 33.45 บาท/ดอลลาร์
Cr. สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
💵Lists กองทุนใน Watchlists ทั้งหมดที่น่าสนใจ (โปรดอ่านหมายเหตุด้านล่างประกอบ)
1 ASP-DISRUPT
2 ASP-EUG
3 ASP-EVOCHINA 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
4 ASP-JHC
5 ASP-ROBOT
6 B-Bharata
7 B-GTO
8 B-INNOTECH
9 BCAP-CLEAN
10 BCAP-CTECH 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
11 BCARE
12 K-CHANGE-A
13 K-CHINA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
14 K-HIT
15 K-USA-A
16 K-USXNDQ-A
17 K-WORLDX
18 KF-EUROPE
19 KF-GTECH
20 KF-ORTFLEX
21 KF-US
22 KFCMEGA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
23 KFGBRAND-A
24 KFHTECH-A
25 KFINFRA-A
26 KT-ASHARES-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
27 KT-CHINA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
28 KT-EURO/K-EUSMALL
29 KT-PRECIOUS
30 KT-WTAI-A
2
31 LHCYBER-A
32 LHESPORT-A / WE-PLAY
33 LHINNO-A
34 LHMOBILITY
35 M-EM
36 MATECH-A
37 MFTECH
38 ONE-DISC-RA
39 ONE-GECOM
40 ONE-UGG-RA
41 P-CGREEN
42 PRINCIPAL GCLEAN-A
43 PRINCIPAL GCLOUD-A
44 PRINCIPAL GHEALTH-A 💵💵💵
45 Principal VNEQ-A
46 PWIN
47 SCBDJI(A)
48 SCBGOLD (แบบไม่ Hedge)
49 SCBGOLDH (แบบ Hedge)
50 SCBKEQTG 💵💵💵
51 SCBNK225
52 SCBS&P500
53 SCBSEMI
54 SCBUSSM
55 T-ES-GGREEN
56 T-ES-GINNO / TMB-ES-GINNO
57 T-GLOBALENERGY / MRENEW
58 T-Premium Brand
59 TBIOTECH 💵💵💵
60 TCHCON 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
2
61 TCHTECH-A / SCBCTECHA 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
62 TCLOUD
63 TGENOME
64 TGHDIGI 💵💵💵
65 TMB-ES-AUTOMATION
66 TMB-ES-CHINA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
67 TMB-ES-STARTECH 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
68 TMBAGLF
69 TMBCOF 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
70 TMBGQG
71 TMBWDEQ
72 TNEWENGY
73 TNEXTGEN / WE-CYBER
74 UCHI 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
75 UCI 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
76 UEDTECH 💵💵💵
77 UEV
78 WE-CANB, MCANN 💵💵💵
79 WE-CHIG 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
80 WE-GOLD 💵💵💵
81 WE-TENERGY / SCBCLEANA
📌หมายเหตุ : หลังจากทางการจีนได้ลงดาบบริษัทกลุ่มการศึกษาในประเทศทั้งหมดที่ครอบคลุมระดับ K-12 ให้เปลี่ยนเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร และมีเงื่อนไขข้อจำกัดในการระดมทุนต่างๆ เพื่อไม่ให้เป็นผลเสียกับเด็กในระยะยาว และเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายทางบ้านที่ทำให้อัตราการเกิดของประชากรจีนน้อยลงจากค่าเรียนกวดวิชา ทำให้พื้นฐานหุ้นกลุ่มนี้เปลี่ยนไปถาวร โดยได้รับการยืนยันจากทางการในวันที่ 25 ก.ค. 2021 ยังไม่รวมถึงที่ทางการจีนเข้ามามีบทบาทการควบคุมบริษัทเทค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแง่การผูกขาด หรือ ความปลอดภัยของข้อมูลที่จัดเป็นความมั่นคงของชาติ ซึ่งส่งผลให้มีการถอดแอพไม่ให้ผู้ใช้งานใหม่สามารถ Download ได้ เช่น Didi Global ที่ทำการ Listing ในตลาดสหรัฐฯ โดยไม่มีกำหนดว่าระยะเวลาการตรวจสอบหรือคุมเข้มในหลายๆอุตสาหกรรมจะสิ้นสุดเมื่อไหร่
ภายหลังรัฐบาลจีนออกกฎเกณฑ์เพื่อควบคุมธุรกิจภาคการศึกษาในวันที่ 24 ก.ค. ได้สร้างแรงกดดันให้ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงในช่วงที่ผ่านมา โดยรายงานจาก Bloomberg เผยว่าหน่วยงานกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ในจีนจัดการประชุมด่วน ในวันที่ 28 ก.ค. 2021 หลังตลาดหุ้นจีนถูกเทขายอย่างหนัก เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางในการผ่อนคลายความกังวลที่เกิดขึ้น เกิดสัญญาณที่ดีต่อตลาดหุ้นจีนในระยะสั้น ที่เข้ามาช่วยลดความกังวลจากรัฐบาลจีนที่อาจกระจายการควบคุมไปยังอุตสาหกรรมอื่น
ทางผู้เขียนจึงขอแบ่งออกเป็น 3 แนวทางในการลงทุนหุ้นจีนจากนี้เป็นต้นไป ดังนี้
1. ยังคงถือต่อ เนื่องจากทางผู้จัดการกองทุนน่าจะมีการลดหุ้นกลุ่มการศึกษาหรือกลุ่มเสี่ยงออก หลังจากทุกอย่างคลี่คลาย ระยะยาวน่าจะส่งผลดี
2. ลดสัดส่วนหรือรินขายออก เนื่องจากหากมีเหตุการณ์ลงดาบแบบนี้ทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้แทบตอกฝาโลง ก็เป็นไปได้ว่าจะมีอีกหลายธุรกิจที่จะตามมา เพื่อทำให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนลดลง เพื่อส่งเสริมการมีบุตรให้มากขึ้นได้ในครอบครัว
3. ทยอยซื้อเพิ่ม เพราะเป็นโอกาสดีที่หุ้นพื้นฐานดี ราคาลงมาพอสมควรแล้ว และมองว่า ทางการจีนไม่น่าลงดาบหนักๆ ในอุตสาหกรรมอื่นแบบนี้
💵💵💵 คือ น่าทยอยสะสมวันนี้ หากใครอยากทยอยลงทุน
🇨🇳🇨🇳🇨🇳 คือ น่าทยอยสะสมสำหรับกลุ่มกองทุนจีนกรณีที่เราอยู่ในข้อ 3 ของหมายเหตุ
💵หรือหากใครคิดว่าการดีดขึ้นมามากในรอบนี้ จะถือโอกาสขายหรือสับเปลี่ยนกองเพื่อลดสัดส่วนหุ้นเทคฯ ก็ทำได้ตามแผนการที่เราตั้งใจไว้ได้เช่นกันครับ
📌โดยทองคำมีแนวรับที่น่าเข้าสะสมทองคำที่ระดับ 1660, 1680, 1700, หรือ 1730 เพื่อคงปริมาณทองคำอยู่ในพอร์ทการลงทุนราวๆ 5-15%
📌กรณีที่คนมีแล้วอยากจะขายรินกำไรออก ก็มีแนวต้านตั้งแต่ 1775, 1800, 1840, 1890, 1900, หรือ 1920 ครับ ที่พอทยอยขายได้
💵สำหรับทองคำผมได้ทำคลิปมุมมองทองคำเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (17 ต.ค. 2021) ในแง่ของปัจจัยทางกราฟเทคนิค และปัจจัยพื้นฐาน สำหรับใครที่อยากดูรายละเอียดคลิกได้เลยที่ https://www.blockdit.com/posts/616c420389b90d0ca8d2a3b0
💵คำแนะนำการขายสำหรับคนที่ต้องการรินกำไรขายออกบ้างหรือจะขายทั้งหมดก็ตาม โดยผมใช้ RSI ที่เกิน 70 ในตัว ETF ที่เป็นกองแม่ของกองทุนนั้นๆ หรือแยกดูเป็นหุ้นรายตัว พบว่ามี RSI เกิน 70 มากกว่าครึ่ง หรือ ดัชนีอยู่ใกล้แนวต้านเดิม พบว่ามีกองที่เริ่มน่าขายรินกำไรออกได้ ได้แก่
1. กองทุนอินเดีย
2. กองทุนดัชนี Nasdaq เช่น K-USXNDQ-A
3. กองทุนดัชนี S&P 500 เช่น SCBS&P500
4. กองทุนทั่วโลก : TMBGQG/K-WORLDX, B-GTO หรือ กองทุนที่เน้นหุ้นใหญ่อย่าง Microsft, Facebook
5. UEV
6. ONE-UGG-RA, K-CHANGE-A, K-HIT (คนที่ซื้อกลางพ.ค.)
7. KFGBRAND-A
8. กองทุนหุ้นสหรัฐ Mid-small caps : SCBUSSM, ABAGS
9. กองทุน Tech เช่น B-INNOTECH, KF-GTECH, KFHTECH-A
10. กองทุนหุ้นสหรัฐ เช่น K-USA-A, KF-US, SCBUSAA
11. กองทุนยุโรป เช่น ASP-EUG, KF-EUROPE, KT-EURO/K-EUSMALL
12. Cloud computing เช่น Tcloud, Principal Gcloud-A
13. กองทุนญี่ปุ่น เช่น ASP-JHC, SCBNK225
สำหรับการขายเหมาะกับคนที่ได้กำไรมาเยอะแล้ว 25% ขึ้นไป สามารถรินกำไรออกได้ครับ (ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ลงทุนพิจารณา ไม่ต้องถึงกับ 25% ก็ได้ครับ)
📌สำหรับข้อมูลข้างต้น เหมาะกับคนอยากจับจังหวะการลงทุน หากใครมีแผนทำ DCA ซื้อทุกๆเดือนอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องดูส่วนนี้นะครับ ให้ทำตามวินัยเดิมที่ตั้งใจไว้ได้เลยครับ
📌หมายเหตุ ความเห็นข้างต้น เป็นการใช้กราฟเทคนิคดูจุดเข้าซื้อ ไม่ได้ยืนยันความถูกต้อง 100% เพราะซื้อแล้ว ราคาอาจย่อลงได้กว่าเดิม และการซื้อกองทุนก็ไม่ได้ราคา Real time ตามหน้าหุ้นนั้นๆครับ
🌟 มุมมองดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก By หนีดอย
DOW JONES, S&P500, NASDAQ, RUSSELL2000
CSI300, HSI, HSTECH, KOSPI
NIKKEI225, SENSEX, SET, VN30, STOXX50, STOXX600
ประจำวันที่ 16 ต.ค. 2021 https://www.blockdit.com/posts/616ab383b42e5c0c96db755f
🌟 Series : Review Tiger Broker โบรคเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับผม เมื่อต้องการลงทุนหุ้นต่างประเทศ :
🌟 Clip มุมมอง Cryptocurrency | By หนีดอย
BTC, ETH, XRP, BNB, ADA, LTC, DOGE, SOL
ประจำวันที่ 17 ต.ค. 2021 : https://www.blockdit.com/posts/616bfa5eff81440c9ccdee2e
🌟 แจกตาราง “กองทุน” 622 กองทุน (อัพเดท 31 ก.ค. 2021)
ครอบคลุม SSF, RMF, PVD จัดเป็นทั้งหมด 18 กลุ่ม ดังนี้
1. Money Market
2. Healthcare
3. Global
4. China
5. US
6. Asia Ex.Japan
7. ASEAN
8. Gold & Mining
9. Commodities
10. REITs
11. Emerging Markets
12. Europe
13. Japan
14. South Korea
15. India
16. Vietnam
17. Technology
18. Oil
ปล. การจัดทำตารางนี้อาจมีไม่ครบทุกกองในประเทศไทย
พิเศษ!!! เพียงกด Like และกด Share โพส เปิด Public
 พร้อมแคปภาพเพื่อรับไฟล์ตารางกองทุน เป็น Excel
แล้วส่งภาพมาทาง Inbox ทาง FB Fanpage หนีดอยได้เลย...
โดยทางไฟล์จะสามารถคลิกที่ชื่อกองทุน
แล้วลิงค์ไปยังรายละเอียดกองทุนแต่ละกองได้
1
ติดตามหนีดอยได้ที่
📌Telegram - t.me/needoy
📌Line (openchat) - https://bit.ly/lineneedoy
📌Spotify : spoti.fi/2NLRVBK
📌Apple Podcast : apple.co/3pC8Gwh
📌 คัมภีร์หนีดอย ใน 20 ชั่วโมง ที่สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหานักลงทุนที่อยากรู้ว่าเราควรรู้อะไรในการลงทุนทุกสินทรัพย์ สามารถเลือกเรียนหัวข้อที่สนใจได้ เช่น อยากเข้าใจกราฟ เรียนแต่หัวข้อที่ 4 แต่ถ้าต้องการรู้หมดทุกศาสตร์ อยากลงทุนแบบจริงจัง 20 ชั่วโมงที่ว่านี้จะทำให้เข้าใจภาพรวมทั้งหมด
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งหมดได้ที่ www.blockdit.com/posts/60b1da0997d8a40c5a2e4809
📌 เพียง 200 บาทต่อ 1 ชั่วโมง เท่านั้น!!!
สนใจติดต่อรายละเอียดได้ที่ Line : cescassawin
โฆษณา