24 ต.ค. 2021 เวลา 01:26 • ปรัชญา
คนเราเกิดมาในสภาพแวดล้อม ที่แตกต่างกัน ในโลกนี้ แต่ละพื้นที่แต่ละภูมิประเทศ ที่จิตของเหล่าผู้มีกรรมต้องไปเกิดอาศัยกายมนุษย์ เมื่อเกิดมาศัยกายมนุษย์ มีหูตาจมูกลิ้นกายใจ มีอารมณ์ที่ชอบใจไม่ชอบใจปรุงแต่งความรู้ความนึกคิด สัญญาจำต่างๆ เรียนรู้เรื่องราวของการอยู่ร่วมกันเป็นไปตามแต่ละพื้นที่ แต่ด้วยโลกสมัยปัจจุบัน มีนวัตกรรมที่ทำให้มองเห็นกันได้ มีเรื่องราวตรงนั้นนี้ ปรากฏให้ดูตลอดเวลา ให้ดูสิ่งที่เราไม่ได้ไปอยู่ในสถานที่นั้น ยิ่งเป็นเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีกรรมอะไรต่างๆ มากมาย เราเห็นแล้ว ก็วิพากษ์วิจารณ์ ดีไม่ดี เป็นไป ต่างคนต่างมีอารมณ์ที่เราไม่รู้จริง ในสิ่งที่พบเห็น ไม่ได้ไปคลุกคลีด้วย ก็วิพากษ์วิจารณ์ไป ฟังไปตามบทที่เค้าเล่าว่า ไปอย่างนั้นอย่างนี้ บางเรื่องก็เกิดคำถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ได้ บางเรื่องก็ว่าเค้างมงาย อะไรๆมากมาย มันก็ได้แต่เป็นคำถามที่หาคำตอบที่แท้จริงไม่ได้ให้แก่ตน
คราวนี้ เรื่องหนึ่งที่เราเชื่อ..เชื่อใจมาโดย ตลอดคือ เชื่ออารมณ์ทิฐิความคิดเห็นที่เกิดขึ้นในตัวตนของตน ที่เราไม่ได้สำรวจตรวจสอบดูว่า มันมาจากจากไหนบ้าง มันไปจำมาเก็บมาเป็นอารมณ์ที่มันหมุนจิตของเราไม่เคยหยุดนิ่ง ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนหลับใหลไปแต่ละวัน เราก็ไม่เคยสังเกตตรวจสอบในพฤติกรรมกายวาจาใจของตน นั้นสร้างอะไรเรื่องราวอะไรบ้าง ก็ไม่เคยที่จะนิ่งเพื่อสำรวจตรวจสอบ จนแก่เฒ่าชราจากโลกนี้ไป ก็ไม่รู้ว่า เราเป็นทาสอารมณ์ เชื่ออารมณ์ที่เกิดในตน ยึดถือสิ่งที่เกิดในตนเป็นสรณะจมอยู่กับกรรม ที่ตนเองไม่ทำความรู้จักอารมณ์ของตนเอง ที่ครอบจิตร้อยรัดจิตตน เชื่ออารมณ์ ระวังจะมีกรรม
โฆษณา