26 ต.ค. 2021 เวลา 13:14 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่อง...มนต์รักข้ามภพ
เขียน...CORDIA
หมวด...นิยายรักผู้ใหญ่
ตอนที่ 16
คำอธิษฐานด้วยหัวใจ
ตะวันนอนค้างที่คอนโดของน้ำฝน คิดว่าตอนเช้าจะรีบออกไป แต่ก็ถูกนางแมวจอมยั่วจัดอาหารเช้าบนเตียงอีกครั้ง เขามองคนไม่ผิดเลยผู้หญิงคนนี้มีดีกว่าที่เห็น ลีลาบนเตียงของเธอมันถูกใจและเข้ากับเขาได้ดี เห็นทีต้องกลับมาใช้บริการอีกหลาย ๆ ครั้งแล้ว หน้าอกกลมกลึงเต่งตึงที่มองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเธอทำมา รวมถึงใบหน้าสวยเฉี่ยวตะวันคิดว่าเธอต้องศัลยกรรมอย่างน้อยเลยสองจุดบนใบหน้า แต่สงสัยได้ไม่นานน้ำฝนก็เฉลยความอยากรู้อยากเห็นของเขาให้ได้รู้
"น้ำฝนทำจมูกมาสองครั้งค่ะ กรีดตาสองชั้นแล้วก็ทำคางค่ะ"
"คุณดูสวยมาก"
"จริงเหรอคะ แล้วหมวดถูกใจน้ำฝนมากไหมคะ" มือของเธออ้อยอิ่งอยู่บริเวณหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ลูบไล้ลงต่ำจนตะวันขนลุกตื่นเต้นกลัวว่าน้ำฝนจะปลุกมันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
"ถูกใจมากเลยครับ ถ้าผมจะขอมาหาน้ำฝนอีกได้ไหมครับ" หมวดตะวันถามอย่างตรงไปตรงมา เขาคุยกับเธอเมื่อคืนไปแล้วแถมยังเป็นหนุ่มโอนไวแล้วโอนมากเสียด้วย เพราะต้องการมัดมือชกอย่างไรเสียน้ำฝนก็ต้องอยากสานต่อความสัมพันธ์ลับ ๆ กับเขาแน่นอน
เธอนิ่งเงียบไปพักใหญ่ น้ำฝนมีสีหน้าและแววตากังวลแต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้นแล้วแปรเปลี่ยนเป็นแย้มยิ้มให้เขา เธอควรจะเปิดใจให้กับผู้ชายคนใหม่ เธอไม่ควรดักดานอยู่กับผัวที่มีแต่ตัวแถมยังเกาะเธอกินอยู่เป็นเดือน ๆ แม้ผัวของน้ำฝนจะเคยหอบเงินเป็นปึก ๆ มาให้น้ำฝนก็ตาม
"แต่น้ำฝนอยู่กับพี่ชายนะคะ ถ้าเราจะต้องเจอกันก็คงต้องเป็นที่อื่น"
"ได้สิครับ ไม่มีปัญหาเลย"
เมื่อได้รับคำตอบที่น่าพึงใจทั้งคู่จึงอาบน้ำแต่งตัว น้ำฝนทำหน้าที่เกินคู่นอนโดยการช่วยหมวดตะวันแต่งตัว น้ำฝนกับหมวดตะวันแลกเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ซึ่งกันและกัน น้ำฝนอยู่ในชุดเสื้อครอปแขนสั้นกับกางเกงนอนขาสั้น ระหว่างที่ตะวันกำลังเดินไปเปิดประตูเพื่อที่จะออกจากห้อง ประจวบเหมาะกับที่กอล์ฟสามีของน้ำฝนกำลังเปิดประตูเข้ามาในห้องเช่นกัน ต่างคนต่างชะงักค้าง กอล์ฟเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติดและกำลังหลบหนีการจับกุมตัว ส่วนหมวดตะวันทำหน้าที่รับผิดชอบคดีนี้อยู่ ไม่คิดว่าจะได้เจอตัวง่ายดายขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาออกตระเวนตามหาตัวมันแทบพลิกแผ่นดิน พอจะเจอแค่เปิดประตูห้องก็เจอเลย
"หยุด! มึงอย่าคิดหนีอีก" หมวดตะวันชักปืนขึ้นขู่กอล์ฟที่กำลังวิ่งหนีกลับไปทางเดิม
"หมวดอย่ายิงนะ ผมยอมแล้ว ๆ" กอล์ฟยกมือขึ้นเหนือศีรษะยอมแพ้ค่อย ๆ เดินกลับมาให้เขาจับใส่กุญแจมือ
ผู้หญิงหนึ่งเดียวในนี้เธอแทบปรับจูนอารมณ์ไม่ทัน ทั้งที่เธอควรจะเป็นคนกลัวที่เอาชู้มานอนคอนโดที่มันออกเงินซื้อให้ แต่ทำไมกลับเป็นกอล์ฟที่กลัวจนร้องเสียงหลง ยอมให้หมวดตะวันใส่กุญแจมือแล้วลากเข้ามาในห้องพัก
"แหม กูหามึงตั้งนาน แต่มึงกลับอยู่แค่ปลายจมูกกูนี่เอง นี่มึงเป็นพี่ชายของน้ำฝนเหรอ" คนถูกถามหันขวับเอะใจตรงคำว่า พี่ชาย นี่เมียตัวเองพาผู้ชายขึ้นห้องแล้วยังไปโกหกหาว่าผัวเป็นพี่ชายอีกเหรอ ส่งสายตาโกรธจัดไปให้น้ำฝน หลุดออกไปได้เมื่อไรจะจัดการอีตอแหลให้เข็ดเลย นี่เขาไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไรที่โดนเมียตัวเองสวมเขา
"อย่าจับผมเลยนะ จะให้ผมทำอะไรบอกมาเลย ถ้านายรู้ว่าผมโดนจับเขาส่งคนมาฆ่าผมแน่"
ตะวันนิ่งไปสักพักเหมือนใช้ความคิด เขาต้องการตัวการรายใหญ่ไอ้กอล์ฟเป็นแค่ลูกน้องปลายแถว แน่นอนถ้าข่าวออกไปว่ามันถูกจับมีหวังมันโดนฆ่าตายเป็นรายที่สี่ เขาเริ่มรู้สึกระแคะระคายว่าพวกมันรู้ได้อย่างไรว่าคนของมันถูกจับ เขาไม่อยากจะคิดว่ามีเกลือเป็นหนอน
"น่าสนใจนะ กูกับน้ำฝนกินกันเมื่อคืนนี้และกูก็อยากกลับมากินอีก มึงคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมแลกกับเรื่องที่กูเจอมึงวันนี้ อ๋อ แล้วมึงก็ต้องทำงานให้กู" ตะวันพูดแทงใจดำเพราะเขาเข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ของน้ำฝนกับกอล์ฟ กอล์ฟโกรธแต่ก็ต้องทำนิ่งเข้าไว้ มือที่ถูกใส่กุญแจมืออยู่กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูด ไม่คิดว่าเมียที่อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีจะหักหลังกันได้ลง
"งานอะไร" กอล์ฟพยายามบังคับเสียงไม่ให้ดูเป็นการตะคอกจนเกินไป
"เป็นสายให้กู สืบเรื่องของนายมึง"
"ได้" เสียงห้วนจัดตอบออกไป แววตาฉายชัดถึงความผิดหวังและเคียดแค้น ดวงตาของกอล์ฟแดงก่ำจนน้ำฝนรู้สึกผิด เธอทำอะไรลงไป ถึงผัวเธอจะเลวแต่มันก็รักเธอมาก เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายปี
กอล์ฟดูแลเธอดีมาตลอดช่วงนั้นที่น้ำฝนเรียนมีแต่กอล์ฟที่ทำงานหาเงินมาใช้จ่ายในบ้าน เขาส่งเสียให้เธอเรียนจนจบพยาบาลตามที่เธอฝันเอาไว้ แต่พักหลัง ๆ มานี้เขาหายออกจากบ้านไปนานเป็นเดือน ติดต่อก็ยาก แต่พอกลับมาก็หอบเงินจำนวนมากมาให้เธอใช้ เราซื้อคอนโดซื้อรถขับ แต่เมื่อสามสี่เดือนที่ผ่านมาเขาหายไปอีกคราวนี้กลับมาไม่มีเงินมาให้อย่างเคย และไม่ออกจากห้องไปไหนเลย เป็นเธอที่ต้องหาข้าวหาน้ำมาให้กิน แถมยังต้องทำงานหาเงินมาใช้จ่ายอีก
และก็เมื่อวานที่เขาบอกกับเธอว่าจะออกไปทำงาน น้ำฝนคิดว่าคงจะเหมือนที่ผ่านมาคือกอล์ฟจะหายไปนาน เธอเลยพาหมวดตะวันมาค้างที่ห้อง แต่ผิดคาดเมื่อกอล์ฟกลับมาในตอนเช้าแล้วถูกหมวดตะวันจับใส่กุญแจมือ แถมยังเอาปืนจ่อหัว เธอกลัวจนทำอะไรไม่ถูกสั่นไปหมดทั้งตัว เมื่อหมวดตะวันออกจากห้องไปแล้ว ในห้องจึงเหลือแค่เธอกับกอล์ฟเพียงสองคน กอล์ฟยังคงนั่งทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ที่เดิม ส่วนน้ำฝนเดินวนรอบห้อง นั่งบ้างยืนบ้าง
"กี่ครั้งแล้วที่มึงทำแบบนี้กับกู" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามขึ้น กอล์ฟไม่ได้หันมามองหน้าเธอ
"ครั้งแรก"
"ตอแหล! มึงเห็นกูโง่มากใช่ไหมอีฝน กูเป็นผัวมึงนะมึงให้ชู้ขึ้นมานอนคอนโดกูได้ยังไง อีสารเลว" คำด่าดังก้องในหัว น้ำฝนสะดุ้งสุดตัวก้าวถอยหลังเมื่อเห็นกอล์ฟลุกยืนขึ้น
"คอนโดฉัน" เธอยังเถียงข้าง ๆ คู ๆ
"ชื่อมึงแต่เงินกู อีฝน อีชั่ว มึงเห็นไหมกูเกือบติดคุกแล้ว มึงทำแบบนี้ได้ยังไง!”
"แต่พี่ก็ไม่ถูกจับนี่ พี่ต้องขอบคุณฉันถึงจะถูก ช่วงนี้ฉันเหนื่อยต้องทำงานหาเงินอยู่คนเดียว ฉันก็ต้องหาที่พึ่งสิ จะมารอพี่ ก็ไม่รู้จะมีให้ฉันได้เมื่อไหร่ โอ๊ย..."
"อีกะหรี่! มึงกล้าพูดออกได้ไง! " กอล์ฟไม่สามารถอดกลั้นความโกรธได้อีกต่อไป เขาง้างมือฟาดลงบนใบหน้าสวยอย่างแรง จนเกิดรอยนิ้วมือขึ้นสีแดงเข้มอย่างเห็นได้ชัด น้ำฝนรีบกระถดกายหนี เธอไม่เคยเห็นกอล์ฟโกรธจัดเช่นนี้มาก่อนและเธอไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเธอจะหยุดมันได้ไหม กอล์ฟในเวลานี้น่ากลัวมาก
วันนี้ธาดาพาปรางมาที่บ้านแม่หลังจากออกเวร พรุ่งนี้เป็นวันหยุดเขาคุยกับครอบครัวแล้วว่าจะพากันไปเที่ยวไปทำบุญที่วัดในต่างจังหวัด ธาดาเลือกจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพราะมีวัดและโบราณสถานมากมายที่มีความสำคัญในกรุงศรีอยุธยา และคิดว่าปรางเองอาจจะรู้สึกคุ้นเคยได้บ้าง เหมือนกับว่าเธอได้กลับบ้าน แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาก็ตาม
ปรางมองสิ่งสวยงามตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เธอได้รับคำบอกเล่าจากธาดาว่าที่แห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ ที่มีอายุมากกว่าสองร้อยปี เป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร เธอรู้จักและคุ้นเคยกับวัดนี้ดี แต่ทำไมถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ สิ่งที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นซากปรักหักพัง มีปูนปั้นเศียรหักและหายไปจำนวนมาก หากมองจากมุมสูงจะเห็นห้องที่มีรูปแบบท้องพระโรง บริเวณใจกลางวัดเป็นที่ตั้งพระสถูปเจดีย์สามองค์เรียงกัน
"เข้าไปไหว้พระข้างในกันเถอะครับ" ธาดาพูดพร้อมจูงมือบางเดินนำทุกคนเข้าไปในโบสถ์
แต่ยังคงความเป็นวัดสมัยก่อนอยู่ ปรางมองทุกอย่างรอบตัวที่ไม่เหมือนกับสมัยที่เธออยู่
"เป็นอะไรครับปราง"
"ทำไมถึงเป็นเยี่ยงนี้ลือ แม้แต่พระพุทธรูปก็ถูกตัดเศียรเสียไม่เหลือเค้าโครงรูปเดิมเลย"ปรางมองภาพตรงหน้าที่มีเจดีย์ และซากปรักหักพัง ทุกอย่างดูผุพังแม้กระทั่งกำแพงวัดที่สูงตระหง่านบัดนี้ต่ำเตี้ยจนสามารถก้าวเท้าข้ามผ่านได้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ชาวเมืองกรุงศรีต่างเคารพศรัทธา เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
ธาดาที่จ้องมองปรางด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ต่างออกไป ปรางเป็นผู้หญิงกรุงศรีในอดีตชาติที่ข้ามภพมายังปัจจุบัน ดังนั้นเธอเป็นดั่งบรรพบุรุษของคนไทย นับอายุกันเธอคงมีอายุมากกว่าเขาเป็นร้อย ๆ ปี ธาดาเองไม่อยากเชื่อเลยว่าในชีวิตของเขาต้องมาเจอกับเรื่องไม่คาดฝันเช่นนี้
"พม่าเผากรุงศรี เลยมีสภาพเป็นแบบนี้"
"เป็นถึงเพียงนี้เลยรึ"
สมัยที่ปรางอยู่คงจะงดงามมาก ที่ทำให้ปรางมองด้วยความรู้สึกผิดหวังและเสียดายเช่นนี้ ธาดาไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาปล่อยให้ปรางเดินสำรวจสถานที่ต่าง ๆ จนมาหยุดอยู่ที่ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีเศียรพระพุทธรูปโผล่ออกมาจากรากไม้ข้างวิหาร
ปรางนั่งทรุดกายลงนั่งคุกเข่ากับพื้น สองมือก้มกราบหน้าแนบดินก่อนจะขอตั้งจิตอธิษฐานขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยนำพาเธอให้กลับไปในที่ที่เธอจากมา
ขอพระพุทธคุณเจ้าช่วยนำพาลูกให้กลับบ้านด้วยเถิดหนา ลูกพลัดพรากจากบ้านมาไกลแสนไกล ลูกคิดถึงท่านพ่อท่านแม่เหลือเกินเจ้าค่ะ
สิ้นคำอธิษฐานจิตสองมือพนมก้มกราบอีกครั้ง น้ำตาแห่งความอาลัยอาวรณ์ไหลอาบแก้มนวลทั้งสองข้าง ขอให้พระพุทธรูปรวมถึงพื้นดิน ณ ที่แห่งนี้ช่วยดลบันดาลให้คำอธิษฐานของเธอสัมฤทธิผลด้วยเถิด สถานที่แห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองผู้คนทั่วทุกสารทิศต่างแวะเวียนเข้ามากราบสักการะ ถือเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์มากในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ธาดาเดินตามปรางมาอย่างเงียบ ๆ เขาไม่ได้เข้ามารบกวนเธอแต่อย่างใด เพียงยืนมองดูเธออยู่ห่าง ๆ เขาตัดสินใจถูกต้องแล้วที่เลือกพาเธอมาที่นี่ คงจะช่วยบรรเทาความคิดถึงความเศร้าในใจของเธอได้บ้าง
เรือนท่านพระยาเกรียงไกรบัดนี้แลดูโศกเศร้า ทุกคนในเรือนรวมไปถึงบ่าวไพร่ต่างวุ่นวายตามหาคนหาย กาลเวลาผ่านไปไวแต่ยังไร้วี่แววบุคคลสูญหาย ท่านพระยาเกรียงไกรเริ่มหายเป็นปกติสามารถออกมารับลมและแสงแดดได้บ้างแล้วหลังจากที่นอนอุดอู้อยู่แต่ในห้องหลายวัน
พักนี้หมื่นพรรธน์ยศเองแวะเวียนมาที่เรือนบ่อยครั้ง แต่ไม่มีใครสงสัยอะไรเพราะคิดว่ามาช่วยขุดแปดตามหาน้องสาวซึ่งเป็นคู่หมั้นของเขาเอง แต่เปล่าเลยจุดประสงค์ที่หมื่นพรรธน์ยศมาที่เรือนนี้ไม่มีใครรู้ได้ จะมีก็แต่เขาและแม่เดือนแรมเมียไม่ได้ตั้งใจของเขานั่นเอง
"ปล่อยข้าเถิดหนา ท่านกลับเรือนได้แล้วเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวพวกบ่าวไพร่มาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องหนาเจ้าค่ะ" เดือนแรมพยายามร้องห้ามหมื่นพรรธน์ยศที่เอาแต่ใจไม่ยอมฟังความเธอเลย หมื่นพรรธน์ยศยังคงตระกองกอดเธอปลายจมูกโด่งและปากของเขาซุกไซร้ไปตามซอกคอบ่าไหล่ จนถึงหน้าอก
"ใครมันจะกล้าเอาเรื่องเจ้านายไปพูด หือ? หากเป็นเช่นนั้นข้าจะโบ้ยมันเอง" เป็นคำพูดที่หาความจริงจังได้ไม่ ถึงปากจะพูดแต่มือก็ยังไม่หยุดยุ่มย่ามกับเนื้อตัวเธอ
เดือนแรมบัดนี้พูดไม่ได้แล้วเพราะปากของเธอโดนปิดด้วยปากหนาของหมื่นพรรธน์ยศ ถูกจูบหนักหน่วงจนปากบางบวมเจ่อ หมื่นพรรธน์ยศยิ้มขำเมื่อถอนจูบออกมาแล้วมองริมฝีปากที่เห่อแดงเพราะตนเอง เดือนแรมยังนุ่งกระโจมอกเธอคงแอบไปอาบน้ำที่ท่าน้ำอีกเช่นเคย เธอชอบแหวกว่ายน้ำในคลองแต่มักจะถูกผู้ใหญ่เอ็ดตลอด เป็นแม่หญิงเป็นลูกสาวของเจ้านายบนเรือนไม่ควรไปอาบน้ำที่ท่าน้ำ แต่พอผู้ใหญ่เผลอไผลเธอจึงแอบไปอาบน้ำที่ท่าตามเคย มิฉะนั้นจะถูกหมื่นพรรธน์ยศจับปล้ำทำเมียได้หรือ
"ข้าอยากตีเจ้าเสีย ไยถึงไม่ฟังข้าบ้าง หากเกิดภัยร้ายต่อตัวเจ้าจะเป็นเช่นไรเล่า" หมื่นพรรธน์ยศอดไม่ได้ที่จะดุด่าเดือนแรม เขาเตือนเธออยู่ร่ำไปว่าห้ามไปอาบน้ำที่ท่าน้ำในยามค่ำคืน จะเกิดอันตรายไม่ถูกสัตว์มีพิษกัด ก็อาจจะถูกคนชั่วบุกเขามาทำร้ายได้ โจรชั่วที่ลักพาตัวคู่หมั้นของเขายังหาตัวไม่เจอกลัวว่ามันจะย้อนกลับมาที่เรือนท่านพระยาฯ อีก
"ข้าขอโทษเจ้าค่ะ" เดือนแรมมีสีหน้าสลดลงเมื่อถูกดุ กล่าวขอโทษเสียงเบาหวิว
"แม่เจ้านอนแล้วรึ"
"เจ้าค่ะ ท่านแม่เข้านอนก่อนที่ข้าจะออกไปที่ท่าน้ำ" เธอตอบเขาด้วยความใสซื่อไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้ชาย หมื่นพรรธน์ยศเมื่อได้ยินดังนั้นจึงยกยิ้มกรุ้มกริ่ม ฉุดมือบางเดินออกจากที่ซ่อนพาเดินขึ้นเรือนอย่างไม่กลัวใครจะมาเห็น
เดือนแรมขืนตัว ส่งเสียงกระซิบร้องห้ามแต่เธอเสียงดังไม่ได้ เสียงห้ามของเธอจึงไม่เป็นผล สุดท้ายเรี่ยวแรงอันน้อยนิดก็สู้แรงบุรุษร่างกายแข็งแรงของนายทหารไม่ได้ หมื่นพรรธน์ยศกึ่งลากกึ่งจูงเดือนแรมกลับเข้ามาในห้องนอนของเธอได้สำเร็จ เวลาของเขามีน้อยจึงเร่งทำเวลา เขาจะมาหาเธอได้ก็เฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้นทั้งที่ใจร่ำร้องอยากจะอยู่ใกล้ชิดกายสาว
เมื่อเข้ามาภายในห้องหมื่นพรรธน์ยศปิดประตูลงกลอนก่อนจะหันไปสนใจร่างบอบบางที่ยืนอยู่กลางห้อง หมื่นพรรธน์ยศย่างสามขุมเข้าไปหาด้วยท่าทางหื่นกระหายอย่างไม่ปิดบัง เดือนแรมหวาดหวั่นกับท่าทางของคนตรงหน้า เธอถูกไล่ต้อนเข้าไปด้านในแผ่นหลังบางแนบชิดกับขอบหน้าต่างที่ยังไม่ถูกปิด ด้วยความที่หน้าต่างห้องของเธอส่วนล่างสุดของขอบหน้าต่างสูงเพียงแค่ระดับเอวของเธอ ทำให้เธอผวาหันหน้าไปจับขอบหน้าต่างเพื่อประคองตนเองไม่ให้ตกลงไป
หึ ๆ
เขาหัวเราะหึในลำคอด้วยความสนุก หมื่นพรรธน์ยศเดินเข้ามาประชิดตัวจากด้านหลัง มือดั่งหนวดหมึกทั้งลูบไล้กอดรัดไปทั่วตัว เขาดึงปมของผ้าถุงบริเวณอกให้คลายออก ด้วยความตกใจระคนอับอายกลัวใครผ่านมาเห็นเข้า มือบางชูขึ้นเพื่อเอื้อมดึงผ้าม่านปิด คนฉวยโอกาสไม่รอช้าใช้สองมือตะปบแนบเต้างามของเด็กสาววัยแรกแย้ม ใบหน้าซุกไซร้ที่ลำคอและแผ่นหลัง
"ท่าน! ประเดี๋ยวคนเห็น" อารามตกใจทำให้เดือนแรมพลั้งปากพูดขึ้นเสียงดัง หมื่นพรรธน์ยศทำเสียงจุ๊ ๆ เตือน
"ใครจะมาเดินเพ่นพ่านยามนี้เล่า พิลึกคน" แม้จะหลงเคลิบเคลิ้มไปกับรสสวาทที่เขาหยิบยื่นให้ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดียังคงเตือนสติอยู่ในอกร่ำไป เขาคือผู้ชายของพี่สาว เธอควรต้องถอยให้ห่างจากเขา
////ปิดเนื้อหา/////
เช้าวันรุ่งขึ้นเดือนแรมอาบน้ำอยู่ที่หลังเรือน มีโอ่งใบใหญ่สองใบตั้งเรียงกัน สามารถใช้เป็นเกราะกำบังไม่ให้คนอื่นเห็นเนื้อหนังมังสาได้ เธออาบน้ำขัดถูขี้ไคลไม่สนใจสิ่งผิดปกติรอบตัว หมื่นพรรธน์ยศที่ตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าตรู่ มองไปยังพื้นที่ว่างข้างตัวไม่เห็นร่างนิ่มที่นอนกอดเมื่อคืน เช้ามืดเช่นนี้เดือนแรมหายไปไหนนะ หมื่นพรรธน์ยศชะโงกหน้าออกไปทางหน้าต่างได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังอาบน้ำอยู่เขาพยายามชะโงกศีรษะมองไปดูจนสุดตัว ร่างนุ่มนิ่มปรากฏแก่สายตาหนีมาอาบน้ำอยู่นี่เอง
หมื่นพรรธน์ยศเอาใบหูแนบชิดกับบานประตูเพื่อฟังเสียงว่ามีใครอยู่ด้านนอกหรือไม่ เมื่อทุกอย่างเงียบสงัดเขาจึงค่อย ๆ แง้มประตูออกอย่างเบามือ เดินย่องเบาไปที่ครัวซึ่งมีบันไดอีกฝั่งสามารถเดินลงไปยังหลังเรือนได้ หมื่นพรรธน์ยศแย้มยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย เขาใส่เพียงโสร่งไม่ได้สวมใส่เสื้อ สายตาสอดส่องมองไปทั่วบริเวณเมื่อเห็นว่าปลอดคนจึงกระโจนเข้าใส่ร่างที่ยืนหันหลังให้เขา
"ว้าย! อื้อ" เดือนแรมร้องกรี๊ด เขาจึงหมุนตัวเธอมารับจูบหวานหอมในตอนเช้าตรู่ หมื่นพรรธน์ยศส่งลิ้นสากเข้าไปสำรวจโพรงปากหวานที่เพิ่งตื่นเช้า
เดือนแรมดิ้นรนเอาตัวรอดเมื่อถูกจู่โจมไม่ทันตั้งตัว เธอใช้กำปั้นมือทุบไปที่บ่าแข็งแรงเพื่อให้เขาปล่อย แต่หมื่นพรรธน์ยศใช้ความแข็งแรงและว่องไวของตนเองจับล็อกแขนเธอไพล่หลังเอาไว้
"ไยเจ้าไม่ปลุกข้า ปล่อยข้านอนหนาวอยู่คนเดียว" เสียงเอ่ยตัดพ้อไม่จริงจังนัก
โฆษณา