24 ต.ค. 2021 เวลา 13:04 • หนังสือ
คุณคิดว่าคนเรานั้น...สามารถมีความมั่งคั่งไปพร้อมกับการมีความสุขได้หรือไม่? หรือเราต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง?
สรุปหนังสือ 7 Strategies for Wealth and Happiness
ตอนที่ 1
ก่อนที่จะไปลึกลงกันในทั้ง 7 กลยุทธ์ที่จะนำพาเราไปสู่ความมั่งคั่งและความสุข ผู้เขียนอย่าง JIM ROHN เขาอยากให้เรา เข้าใจความหมายของคำศัพทย์พื้นฐานทั้ง 5 คำก่อนค่ะในความหมายของเขา ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในหนังสือเล่มนี้ต่อไป
ก่อนอื่นเลยแอดขอเริ่มต้นด้วยการเล่าถึงประวัติย่อของ JIM ROHN ก่อน
เครดิตภาพ: https://fityourself.club/jim-rohns-5-secret-to-lead-a-more-satisfying-life-3ffb86965337
JIM ROHN เกิดเมื่อวันที่ 17 กันยายน ปี ค.ศ.​1930 ที่รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เรียนวิทยาลัยได้แค่ปีเดียวก็ลาออกมาทำงานในห้าง Sears ในแผนก HR ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะถูกชวนให้ไปทำธุรกิจขายตรงแล้วได้เจอกับ JOHN EARL SHOAFF เจ้าของบริษัทซึ่งกลายมาเป็น Mentor ที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปทั้งหมด
JIM ROHN กลายเป็นนักขายที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ในเวลาต่อมาเขาผันตัวเองไปเป็นนักพูด บรรยายตามสถานที่ต่างๆ ด้วยความคิดที่หลักแหลมของเขาทำให้ช่วงยุค 60-70 เขาได้ถ่ายทอดความคิดเอาไว้มากมายที่เปลี่ยนชีวิตชายหญิงที่ได้ฟังเขาพูด และแม้ว่าเขาจะจากโลกนี้ไปตั้งแต่ปี 2009 แต่แนวความคิดของเขายังคงถูกถ่ายทอดมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ด้วย
JIM ROHN เริ่มต้นด้วยการเล่าถึงวันที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปตลอดกาล นั่นก็คือ...วันที่เขาได้พบกับอาจารย์ของเขา JOHN EARL SHOAFF
เครดิตภาพ: https://alchetron.com/John-Earl-Shoaff
JIM เล่าว่าตอนนั้นเขาออกจากวิทยาลัยกลางคัน จากนั้นก็หางานทำและไม่นานก็แต่งงานมีครอบครัว ตั้งใจทำงานหนักคิดว่าจะต้องประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแน่นอน แต่ว่าพอผ่านไปหลายปีเขาอายุ 25 ปี ชีวิตยังอยู่ที่เดิม รายได้ไม่พอใช้
JIM เริ่มรู้แล้วว่าขยันอย่างเดียวมันไม่ใช่คำตอบ มันจะต้องมีอะไรไม่ถูกต้องสักอย่างจนเขาไปเข้าสัมมนาการขายและได้พบกับ JOHN EARL SHOAFF ผู้ซึ่งสอนปรัชญาทั้งเรื่องงานและก็ชีวิตให้กับ JIM อยู่หลายปี แล้วชีวิตเขาก็เปลี่ยนไปตลอดกาล มีทั้งความมั่งคั่งแล้วก็ความสุข
อย่างไรก็ตามน่าเสียดายที่อาจารย์ของของคนนี้จากไปตั้งแต่ที่อายุ 49 ปีเท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้ JIM รวบรวมหลักการสร้างชีวิตขึ้นมาเป็นเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้นี่เอง
1
# 5 KEYWORDS (คำศัพท์ทั้ง 5 ที่เสมือนรากฐานของหนังสือ)
JIM ให้คำจำกัดความ “หลักการขั้นพื้นฐาน” ว่า สิ่งเหล่านั้นเป็นหลักการบนพื้นฐานซึ่งความสำเร็จถูกสร้างขึ้น ทำให้การเริ่มต้นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเป็นพื้นฐานและความจริง ซึ่งสิ่งอื่นทุกสิ่งหลั่งไหลออกมาจากมัน
เขายังบอกอีกว่า ความสำเร็จเป็นกระบวนการง่ายๆ ความสำเร็จเป็นไม่มากไปกว่า ผลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตามธรรมชาติ จากการนำหลักการขั้นพื้นฐานของความสำเร็จไปใช้กับชีวิต
ความหมายก็คือ ความสำเร็จนั้นไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรที่มันมหัศจรรย์หรือว่ามีเคล็ดลับอะไรใหม่ๆ มันคือเรื่องพื้นฐานเดิมๆ ที่ถ้าเกิดว่าเราทำเหตุถูกต้องเราย่อมได้ผลลัพธ์ที่คู่ควร
1
พูดง่ายๆ ก็คือ ความสำเร็จนั้นมีขั้นตอนที่เรียบง่ายแล้วก็ไม่มีอะไรใหม่ ดังนั้นอย่าได้หลงไปเชื่อใครก็ตามที่เขาบอกว่ามีเคล็ดลับความสำเร็จใหม่ๆ เพราะว่าเรื่องพื้นฐานนั้นมันไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนมาหลายพันปีแล้ว
1
@ปัจจัยสำคัญ 6 ประการ
จิมเล่าว่าวันหนึ่งคุณชอร์ฟที่ปรึกษาของเขาได้พูดให้ฟังว่า “มีปัจจัยสำคัญ 6 ประการเสมอที่ทำให้เกิดความแตกต่าง 80%”
ยกตัวอย่างเช่น สำหรับเกษตรกรที่จะเก็บเกี่ยวพืชผลที่อุดมสมบูรณ์ในฤดูใบไม้ร่วง ปัจจัยพื้นฐาน 6 ประการที่เขาต้องเอาใจจดจ่อโดยตรงอย่างเห็นได้ชัด ได้แก่ : ดิน เมล็ดพันธุ์ น้ำ แสงแดด การใส่ปุ๋ย และการดูแล ส่วนประกอบแต่ละอย่างเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเท่าๆ กัน เพราะว่าพวกมันจะนำไปสู่สัมฤทธิผลในการเก็บเกี่ยวพืชผลที่ประสบความสำเร็จด้วยการทำงาน “ร่วมกัน” เท่านั้น
ดังนั้นคำถามที่ดีที่จะถามก่อนการลงมือทำโครงการใหม่หรือกำหนดเป้าหมายใหม่ใดๆ คือคำถามนี้ : อะไรคือปัจจัยสำคัญ 6 ประการที่จะทำให้เกิดความแตกต่างมากที่สุดต่อผล?
1
ไม่ว่ากิจการที่ทำจะเป็นงานทางด้านศิลปะ ดนตรี กีฬา หรือธุรกิจ มันคือปัจจัยพื้นฐาน 6 ประการเหล่านั้นที่มีความสำคัญ ความเข้าใจและการนำหลักการง่ายๆ นี้ไปประยุกต์ใช้ คือก้าวแรกที่จะนำไปสู่การบรรลุความฝันและจุดมุ่งหมายของคุณ
ความมั่งคั่งหมายความว่าอะไรสำหรับคุณ? เงินมากเท่าไหร่ที่จะต้องได้รับเพื่อให้คุณรู้สึกอิสระทางการเงิน?
ว่ากันที่จริงแล้วเราแต่ละคนมอง "ความมั่งคั่ง" จากมุมที่แตกต่างกัน สำหรับคนคนหนึ่ง ความมั่งคั่งอาจหมายถึงการมีเงินเพียงพอที่จะทำอะไรก็ได้ที่เขาหรือเธอปรารถนา สำหรับอีกคนหนึ่ง มันอาจหมายถึงอิสรภาพจากหนี้สิน อิสรภาพจากการเรียกร้องตามภาระผูกพันที่ไม่หยุดหย่อน สำหรับคนอื่นที่ยังคงเหลืออยู่ มันอาจหมายถึงโอกาสที่จะพัฒนาและบรรลุเป้าหมาย
1
ยิ่งกว่านั้น คำว่า "ความมั่งคั่ง" ยังแสดงให้เห็นได้มากกว่าแนวคิดทางด้านเศรษฐกิจ ใครคนหนึ่งสามารถพูดถึงความมั่งคั่งของประสบการณ์ ความมั่งคั่งของมิตรภาพ ความมั่งคั่งของความรัก ความมั่งคั่งของครอบครัว และความมั่งคั่งของวัฒนธรรม
3
ดังนั้น แม้ว่าจำนวนแน่นอนที่เราแต่ละคนต้องการเพื่อรู้สึกมั่งคั่งจะแตกต่างกัน แต่จิมบอกว่าเขาแน่ใจว่าความฝันขั้นพื้นฐานของเราคือสิ่งเดียวกัน นั่นคือ เพื่อที่จะเป็นอิสระจากความบีบคั้นทางด้านการเงิน เพื่อที่จะมีอิสรภาพในการเลือก และเพื่อที่จะมีความสุขกับโอกาสที่จะสร้างสรรค์ และแบ่งปัน
JIM บอกว่าคนส่วนใหญ่ยังคิดว่า "ความสุข" คือบางสิ่งบางอย่างที่สูญเสียไปในอดีต หรือไม่ก็จุดสูงสุดที่จะไปให้ถึงในอนาคตอันยาวไกล เช่น ฉันจะมีความสุขถ้าฉันได้หรือมี... แต่น้อยคนนักที่เข้าใจว่า ความสุขสามารถประสบได้ใน “ปัจจุบัน” เท่านั้น
ส่วนตัวเขาคิดว่า “ความสุข" หมายถึง ทักษะต่อการตอบสนองต่อสิ่งที่ชีวิตหยิบยื่นให้ด้วยความเข้าใจไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องดีหรือว่าเรื่องร้ายก็ตาม
คนที่พบกับความสุขมักยึดถือและรับรู้ถึงพลังด้านบวกของชีวิต มันคือ “วิธีคิด” ที่ทำให้เกิดความรู้สึก กิจกรรม และวิธีดำเนินชีวิตด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันคือวิธีแปลความหมายต่อโลกและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา
1
JIM เน้นคำนี้มากๆ ว่าคือสิ่งสำคัญ เขาใช้คำว่า “วินัยเปรียบเสมือนกับสะพานที่เชื่อมระหว่างความคิดกับความสำเร็จ” ความหมายก็คือ คิดอย่างเดียวไม่พอ ต้องควบคุมตัวเองให้ลงมือทำอย่างต่อเนื่องจนไปสู่ความสำเร็จ
นี่คือสิ่งที่คนจำนวนมากมองไม่ออกว่า คนเราไม่ได้ล้มเหลวในชั่วข้ามคืนแต่เกิดจากผลของการขาดวินัยเล็กๆ น้อยๆ สะสมไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นหายนะของชีวิตไปแล้ว
2
เขาบอกว่าน่าเสียดายมากๆ เพราะว่าคนมีวินัยจะได้รับโอกาสมากมายแต่คนส่วนใหญ่กลับเอาแต่บ่นว่ารู้งี้ฉันน่าจะมีวินัย ทั้งที่จริงแล้วเราเริ่มมีวินัยในตัวเองได้ตั้งแต่วันนี้ ทำสิ่งที่พอทำได้ตั้งแต่วันนี้เลย
1
@มันต้องทำอะไรบ้างเพื่อที่จะได้มาซึ่งวินัย?
1
1.เริ่มต้นด้วยการถามตัวเองว่า “อะไรที่ฉันต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตของฉัน?” “ความเปลี่ยนแปลงอะไรที่ฉันจำเป็นต้องทำเพื่อบรรลุเป้าหมายของฉัน?”
1
2.ถามตัวคุณเองอย่างซื่อสัตย์ว่า : “ฉันเต็มใจที่จะทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำหรือไม่?” ถ้าคำตอบของคุณคือ “ใช่” แล้วละก็ คุณจำเป็นต้องทำข้อตกลงผูกมัดระยะยาวเพื่อรักษาวินัยของคุณไว้ “อย่างสม่ำเสมอ”
3.ข้อตกลงผูกมัดของคุณจะถูกทดสอบเมื่อสถานการณ์ที่สามารถรบกวนข้อตกลงผูกมัดต่อวินัยใหม่ของคุณเกิดขึ้น ซึ่งเป็นยามที่คุณจะ “ต้อง” ปฏิบัติตามวินัยใหม่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
มีบางคนเชื่อว่าวินัยเป็นสิ่งที่ฝืนธรรมชาติ เชื่อว่าแค่การ “มีชีวิตอยู่” ก็เพียงพอแล้ว พวกเขาคิดว่าความต้องการที่จะประสบความสำเร็จทำให้เป็นคนที่มีความวิตกกังวลสูง เป็นการฝึกฝนที่คนเราสร้างขึ้นมาเอง แต่ความจริงคือว่า วินัยเป็นการทำงานร่วมกับธรรมชาติ ที่ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างต้องดิ้นรนต่อสู้
ต้นไม้ต้นหนึ่งจะเติบโตขึ้นไปจนถึงความสูงเท่าไหร่?
มันต่อสู้กับพลังอันมหาศาลต่อแรงดึงดูดโลก และแผ่กิ่งก้านไปสู่แสงอาทิตย์ตลอดเวลา เพื่อเป็นต้นไม้ที่สูงเท่าที่มันสามารถสูงได้ ความจริงแล้ว การดิ้นรนต่อสู้ของต้นไม้นี้ไม่ได้เป็นการกระทำที่เกิดจากความสำนึกรู้ ต้นไม้ไม่มีสมอง แต่มนุษย์ได้รับมอบความสามารถที่จะเลือกอย่างสำนึกรู้ที่จะต่อสู้ และเป็นทั้งหมดที่เราสามารถเป็นได้
JIM บอกว่าความสำเร็จ มันเป็นทั้งการเดินทาง และจุดหมายปลายทาง มันคือความก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายที่มั่นคงและวัดผลได้และการบรรลุเป้าหมาย
ความสำเร็จ คือการทำให้ชีวิตของคุณเป็นสิ่งที่ “คุณ” ต้องการให้มันเป็น จงพิจารณาถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด จงพิจารณาถึงตัวอย่างทั้งหมดของคนอื่นๆ ซึ่งเป็นคนที่คุณยกย่องชื่นชม แล้วถามตัวเองว่าคุณต้องการอะไรจากชีวิตของคุณ? นั่นคือคำถามสำคัญ!
1
จงจำไว้ว่า ความสำเร็จไม่ใช่รูปแบบตามบรรทัดฐานจากวัฒนธรรมของเรา แต่มันคือการรวบรวมคุณค่าส่วนตัวที่กำหนดไว้อย่างชัดแจ้ง แล้วบรรลุถึงสิ่งนั้นในที่สุดมากกว่า
ทั้งหมดนี้ก็คือนิยามของ 5 คำหลักๆ ที่จะใช้ในหนังสือเล่มนี้ในบทต่อๆ ไปค่ะ
สำหรับตัวแอดเองนั้นรู้สึกว่า ความหมายของแต่ละคำนั้นลึกซึ้งกว่าที่แอดเคยรู้จักมาค่ะ
แล้วคุณล่ะคะรู้สึกยังไงบ้าง? ความหมายของคำเหล่านี้ที่ถูกเขียนขึ้นเมื่อ 30 ปีกว่าที่แล้ว มันเหมือนหรือต่างกับความหมายที่คุณยึดถืออยู่ในตอนนี้?
โฆษณา