26 ต.ค. 2021 เวลา 09:18 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
*** ก่อสงคราม แย่งชิงน้ำมัน ***
อย่างที่หลายๆ ท่านทราบ น้ำมันดิบเป็นสิ่งที่มีค่ามาก นอกจากใช้เป็นพลังงานให้เครื่องยนตร์เครื่องจักรต่างๆ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นปิโตรเคมีอีกหลายชนิด ทั้งพลาสติก, เส้นใยสังเคราะห์, ยารักษาโรค เรียกว่าทำรายได้มหาศาล ทำให้ทั่วโลกแย่งกันเป็นเจ้าของบ่อน้ำมันดิบ คนที่มีอยู่ในประเทศก็ใช้มันเป็นเครื่องมือต่อรอง คนที่ไม่มีก็ก่อสงครามเพื่อช่วงชิงมันมาให้ได้
...ไม่เกินจริงไปนักหากจะบอกว่าบ่อน้ำมันเป็นประเด็นให้คนฆ่ากันตายมาแล้วนับหมื่นนับแสน…
แล้วอยากทราบกันไหมครับว่า มีสงครามใดเกิดขึ้นเพราะน้ำมันบ้าง? วันนี้ผมจะยกตัวอย่างเรื่องราวบางส่วนจากแถบตะวันออกกลางขึ้นมาเล่า… ขอเชิญทุกท่านมาชมเรื่องราวไปด้วยกันนะครับ
ตะวันออกกลางเป็นพื้นที่อันอุดมไปด้วยแหล่งปิโตรเลียมน้ำมันดิบมาตั้งแต่ยุคโบราณ หอคอยและกำแพงเมืองบาบิโลนในอารยธรรมเมโสโปเตเมียก็มีการนำยางมะตอยมาใช้ประกอบ
การกลั่นน้ำมันเองก็เริ่มต้นขึ้นในภูมิภาคนี้โดยนักเคมีชาวเปอร์เซียและอาหรับ ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่มีประวัติการแย่งชิงน้ำมันในตะวันออกกลางอยู่เรื่อยมา...
เราอาจจะเคยชินที่ชาติตะวันตกบุกรุกเข้าสู่ตะวันออกกลางเพื่อเป็นเจ้าของน้ำมัน เช่นอังกฤษยึดอิรักเป็นเมืองในปกครอง
แต่ความจริงแล้ว ในภูมิภาคนี้ด้วยกันเองมีการแย่งชิงทรัพยากรใต้ดินด้วยกำลังระหว่างกันมาบ่อยครั้ง
ภาพแนบ: ซัดดัม
ในปี 1970 เป็นช่วงเวลาสันติของอิรัก ซัดดัม ฮุสเซน ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ได้พัฒนาเศรษฐกิจโดยยึดแหล่งน้ำมันคืนจากสัมปทานตะวันตก อิรักจึงมั่งคั่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่ซัดดัมไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น เขายังแสวงหาแหล่งน้ำมันอื่นๆ มาเสริมเรื่อยๆ
ภาพแนบ: เมืองเคอร์คุก
ตัวอย่างเช่น เขาส่งคนอาหรับให้เข้าไปอาศัยในพื้นที่เมืองเคอร์คุกของชาวเคิร์ดซึ่งมีน้ำมันอยู่อย่างมหาศาล แล้วออกกฎห้ามมิให้ให้ชาวเคิร์ดซื้อที่ดินในเคอร์คุก ให้ขายได้อย่างเดียวเท่านั้น
...ชาวเคิร์ดเป็นเพียงชนกลุ่มน้อย ไม่มีประเทศของตนเอง จึงทำอะไรไม่ได้มากนัก
ภาพแนบ: โคไมนี
ต่อมาอิรักขัดแย้งกับอิหร่าน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ประหัตประหารกันจนปี 1979
ปีนั้นซัดดัมได้เป็นประธานาธิบดี ส่วนทางอิหร่านก็เกิดการปฏิวัติล้มล้างพระเจ้าชาห์ กลุ่มเคร่งศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ ซึ่งเป็นนิกายที่ชาวอิหร่านส่วนใหญ่นับถือ นำโดย อยาตอลเลาะห์ โคไมนี ขึ้นเป็นใหญ่
โคไมนีเป็นพวกอนุรักษ์นิยม จึงหยุดความสัมพันธ์ที่เคยมีกับอเมริกา เพราะมองว่าพวกตะวันตกนั้นชั่วร้าย ทำให้สถานการณ์ทางการเมืองของอิหร่าน ณ ขณะนั้นเกิดความผันผวน
ด้านซัดดัมต้องการแหล่งน้ำมันในอิหร่าน เห็นเป็นโอกาสดี จึงประกาศสงครามในเดือนกันยายน 1980
ทั้งสองฝ่ายรบพุ่งกันรุนแรง เสียชีวิตไปฝ่ายละหลายพัน และช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 1980 อิหร่านก็ส่งทัพเรือทัพอากาศบุกโจมตีบ่อน้ำมันและท่าเรือของอิรักในจังหวัดบาสรา ทำลายบ่อน้ำมันไปมากมาย ทั้งยังทำลายแสนยานุภาพทางเรือของอิรักไปกว่า 80% แสดงให้เห็นว่าน้ำมันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรีบโจมตีให้เสียหาย
ภาพแนบ: อนุสรณ์สถานในเมืองฮาลาบจาที่โดนอาวุธเคมีถล่ม
ซัดดัมต้องถอยทัพกลับอิรักในปี 1982 แต่เนื่องจากอิหร่านสร้างศัตรูกับชาติอื่นไปทั่วเพราะเป็นรัฐศาสนาสุดโต่ง ทำให้ซัดดัมได้รับการสนับสนุนทางอาวุธจากสหรัฐฯ และโซเวียต จนมีกำลังฟื้นขึ้นมาใหม่ ประกอบกับการใช้อาวุธเคมีโดยไม่สนมนุษยธรรม สร้างจึงเกิดความสูญเสียต่ออิหร่านและชาติพันธมิตรเช่นชาวเคิร์ดอย่างใหญ่หลวง
(ประชาคมโลกที่นำโดยสหรัฐฯ เองก็หลับตาข้างหนึ่งกับเรื่องนี้ เพราะตอนนั้นยังต้องการใช้ซัดดัมปราบอิหร่าน)
สุดท้ายโคไมนีเลยต้องยอมเจรจากับซัดดัม แม้ผลจะจบลงโดยไม่มีฝ่ายไหนแพ้ชนะ แต่การศึกครั้งนี้ทำให้กองทัพอิรักเกรียงไกรขึ้นเป็นอันมาก
…ขณะเดียวกันอิรักกลับติดหนี้หลายประเทศเพราะสงคราม หนึ่งในเจ้าหนี้รายใหญ่ได้แก่คูเวต ซึ่งเป็นประเทศข้างเคียง
อิรักพยายามเจรจาล้างหนี้แต่ไม่สำเร็จ ซัดดัมเลยสั่งบุกคูเวตเพื่อยึดบ่อน้ำมันและล้างหนี้ในคราวเดียว แต่นานาชาติไม่ยอมรับการกระทำนี้ และเกรงว่าซัดดัมจะไปบุกซาอุดิอาระเบียที่เป็นเจ้าหนี้ใหญ่ข้างเคียงอีกรายต่อ
อเมริกาที่เป็นมหามิตรของซาอุฯ ในเวลานั้น จึงร่วมมือกับชาติพันธมิตรมาบุกอิรัก เกิดเป็น “สงครามอ่าว” ขึ้นในวันที่ 17 มกราคม 1991
...นี่คือสงครามครั้งแรกที่อเมริกาบุกอิรัก...
แม้ทัพอิรักจะดูยิ่งใหญ่ในภูมิภาค แต่เจอยอดกองทัพระดับโลกแล้วกลับพ่ายแพ้ไปในระยะเวลาเพียงเดือนเศษ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนั้น ซัดดัมได้ใช้เล่ห์กลเพื่อต่อสู้หลายประการ
...หนึ่งในกลวิธีของเขาก็คือ การปล่อยน้ำมันดิบลงทะเล หลังถูกบุกโจมตีไปได้ราวหนึ่งสัปดาห์
1
ภาพแนบ: แผนที่น้ำมัน
กองทัพอิรักทิ้งน้ำมันลงอ่าวเปอร์เซียเพื่อหวังให้ชาติพันธมิตรยกพลขึ้นบกไม่ได้ หรืออย่างน้อยก็ชะลอให้ฝ่ายตรงข้ามเสียทรัพยากร
นักวิชาการยังยังวิเคราะห์อีกด้วยว่า ซัดดัมต้องการทำลายแหล่งน้ำจืดในประเทศใกล้เคียงอย่างซาอุดิอาระเบีย
เมื่อสหประชาชาติออกมาประณามการกระทำครั้งนี้ อิรักได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ บอกว่าที่น้ำมันรั่วเพราะถูกพวกอเมริกาโจมตีทางอากาศไปโดนเรือบรรทุกน้ำมันต่างหาก
ภาพแนบ: ควันจากการเผาน้ำมันในสงคราม
สงครามอ่าวจบลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ แต่ความเสียหายจากการปล่อยน้ำมันกว่า 4,000,000 - 11,000,000 ยูเอสบาร์เรลยังคงอยู่
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ก่อนซัดดัมจะถอยทัพกลับอิรัก เขาตัดสินใจสั่งเผาบ่อน้ำมันคูเวตราว 700 บ่อ หมายให้คูเวตย่อยยับ เหมือนถ้าตนไม่ได้ก็ต้องไม่มีใครได้ เกิดเป็นวิกฤตทางสิ่งแวดล้อมทั้งทางบก ทางน้ำ รวมถึงทางอากาศ ...เหตุครั้งนี้ถือเป็นวิกฤตน้ำมันครั้งเลวร้ายที่สุดในโลก
1
ระบบนิเวศในอ่าวเปอร์เซียเสียหายอย่างลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน
จากการศึกษาในปี 2018 พบว่า แม้น้ำมันจะสิ้นสารพิษไปแล้ว แต่มันยังทำให้พืชน้ำไม่ได้รับแสงและอากาศเพียงพอ ทั้งยังทำให้นกหลายสายพันธุ์ต้องตายเนื่องจากน้ำมันติดขน
ส่วนบ่อน้ำมันคูเวตที่ลุกไหม้ต่อเนื่องไปเกือบปี ก็สร้างมลภาวะทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างใหญ่หลวง และยังทำให้น้ำมันรั่วไหลลงน้ำเพิ่มอีกด้วย
...เรียกว่าเป็นการใช้น้ำมันเป็นอาวุธอย่างแท้จริง…
ภาพแนบ: ซัดดัมถูกไต่สวน
จากทั้งหมด เราอาจเห็นได้ว่าน้ำมันเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดได้ทั้งความเจริญและความวายวอด
อิรักที่เจริญขึ้นมาได้ก็เพราะดึงสัมปทานน้ำมันมาบริหารเอง แต่อนิจจาว่าด้วยความโลภของซัดดัม ที่ต้องการบ่อน้ำมันของผู้อื่นมาเป็นของตัวเอง ทำเขาให้ตัดสินใจรุกรานผู้อื่นไปทั่ว
ในที่สุดมันก็นำพาให้ทั้งตัวเขาและประเทศต้องพบความพินาศ ถูกอเมริกายกมาปราบในสงครามอิรัก
เรื่องราวที่เล่ามาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการรบพุ่งแย่งน้ำมันในอิรักที่มีบทสรุปอันน่าอดสู และเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสงครามน้ำมันที่เกิดขึ้นทั่วภูมิภาคดังกล่าว
ปัจจุบันแม้ซัดดัมจะตายไปนับสิบปี แต่ความต้องการครอบครองน้ำมันในตะวันออกกลางยังมีต่อไป อาจผ่านสงครามการทูตบ้าง การค้าบ้าง หรือใช้กำลังบ้าง ...ประเด็นนี้คงไม่อาจจบลงง่ายๆ ตราบใดที่มนุษย์ยังต้องการน้ำมันอยู่นั่นเอง
::: อ้างอิง :::
- How the Iran-Iraq war will shape the region for decades to come brookings (ดอต) edu/blog/order-from-chaos/2020/10/09/how-the-iran-iraq-war-will-shape-the-region-for-decades-to-come/
- Persian Gulf War history (ดอต) com/topics/middle-east/persian-gulf-war
- The First Gulf War history (ดอต) state (ดอต) gov/departmenthistory/short-history/firstgulf
- America, Oil, and War in the Middle East academic (ดอต) oup (ดอต) com/jah/article/99/1/208/854761
- Why the war in Iraq was fought for Big Oil edition (ดอต) cnn (ดอต) com/2013/03/19/opinion/iraq-war-oil-juhasz/index.html
ท่านที่สนใจอ่านงานเขียนอื่นๆ เกี่ยวกับเคิร์ดและอิรักของผมมากกว่าเพียงในเพจนี้ สามารถสมัครเข้ากลุ่ม illumicorgi ได้นะครับ
กลุ่ม illumicorgi เป็นกลุ่มสำหรับลง content พิเศษ สมัครสมาชิกตอนนี้ ท่านจะได้รับหนังสือ "สุริยันพันธุ์เคิร์ด" ผลงานเล่มล่าสุดของผมด้วย
1. ผู้สมัครสมาชิกระดับ Corgi Master จะได้:
• ได้เข้าถึงเนื้อหากลุ่ม illumicorgi ที่มีบทความย่อยลงอยู่เสมอ และบทความใหญ่ลงอย่างน้อยอาทิตย์ละตอน
• ส่วนลดในสินค้าของกลุ่ม The Wild Chronicles
• Priority ในการรับข่าวสารและกิจกรรมของ The Wild Chronicles
• ทุกๆ รอบหกเดือนจะได้รับหนังสือเล่มหนึ่ง ส่งให้ถึงบ้านพร้อมลายเซ็นของผม
แบ่งเป็น:
1.1 แบบครึ่งปี "600 บาท" ได้หนังสือสุริยันพันธุ์เคิร์ด 1 เล่ม และเข้ากลุ่มเป็นเวลา 6 เดือน
1.2 แบบหนึ่งปี "1,100 บาท" ได้หนังสือ 2 เล่ม (คือสุริยันพันธุ์เคิร์ด และอีกเล่มที่จะพิมพ์ปลายปี ตั้งใจจะว่าให้เป็นเรื่องชาวเคิร์ดในตุรกีซีเรีย) และเข้ากลุ่มเป็นเวลา 1 ปี
2. ผู้สมัครสมาชิกระดับ illuminated corgi จะได้:
ทุกอย่างที่สมาชิกระดับ Corgi Master แบบ 1 ปี ได้ และได้ของที่ระลึกจากเคอร์ดิสถานอิรัก เป็น artifact ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของแท้ ได้แก่:
"อินทรธนูของหน่วยเพชเมอร์กา" ซึ่งเป็นหน่วยรบเคิร์ดที่มีชื่อเสียงเรื่องไม่กลัวตาย คำว่า เพชเมอร์กา แปลว่า "ผู้เผชิญความตาย"
สมาชิกระดับ illuminated corgi นี้มีค่าสมัคร 3,000 บาท
ผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิก ให้ชำระทาง link นี้:
Corgi Master 6 เดือน (หนังสือ 1 เล่ม) 600 บาท
Corgi Master 1 ปี (หนังสือ 2 เล่ม) 1,100 บาท
illuminated corgi 1 ปี (หนังสือ 2 เล่ม ได้ของที่ระลึก) 3,000 บาท
หรือชำระที่:
บัญชี บริษัท เดอะไวลด์โครนิเคิลส์ จำกัด ธนาคารกสิกร 078 3 768 666 สาขาบิ๊กซี อ่อนนุช
เมื่อสมัครแล้วให้ส่งสลิปทาง Line OA ด้วยวิธีนี้
(1) กดสมัคร Line OA ของ The Wild Chronicles มาทาง link https://lin.ee/fNEO1jr
(2) กด add เป็นเพื่อน
(3) กด chat
(4) จากนั้น พิมพ์ชื่อที่ท่านใช้ใน Facebook มาทางช่องแชทของ Line OA เพื่อให้ทีมงานบ่งชี้ได้ว่าบัญชีของท่านสมัครมาแล้ว
(5) ให้ส่งสลิปในช่องแชทไว้ด้วย จะมีแอดมินมาคุยกับท่านเพื่อพาเข้ากลุ่ม
*** อนึ่งท่านที่เป็นสมาชิกอยู่แล้ว สามารถติดต่อทาง Line OA หรือ Inbox เพจ เพื่อชำระเงินเพิ่ม เป็นการอัพเกรดสมาชิกได้นะครับ ***
ขอโฆษณาว่าหนังสือ “สุริยันพันธุ์เคิร์ด” หรือหนังสือเล่มใหม่ของผมออกแล้วนะครับ มีรายละเอียดดังนี้...
- เรื่องนี้เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ชาวเคิร์ด ผลงานเล่มล่าสุดในชุด The Wild Chronicles
- พิมพ์เป็นสี่สี!
- ยาวที่สุดเท่าที่พิมพ์มา ยาวกว่าพยัคฆ์ทมิฬสิ้นชาติราว 2 เท่า
- รูปโหดๆ ที่ทำให้เข้าใจสถานการณ์ดีขึ้น จะไม่เซนเซอร์ แต่จะรวมอยู่ท้ายเล่ม และมีคำเตือนก่อน
- มีลายเซ็นทุกเล่ม!
- ราคา 439 บาท รวมค่าส่งแล้ว
ท่านที่ต้องการพรีออเดอร์สามารถชำระ และใส่ที่อยู่ทาง link แนบได้เลย
(ถ้าเป็นสมาชิกกลุ่ม illumicorgi ระดับ Corgi Master ขึ้นไป จะมีหนังสือส่งให้อยู่แล้วนะครับ)
ภาพแนบ: เคอร์คุกในปัจจุบัน
อนึ่งชาวเคิร์ดเป็นชนกลุ่มน้อยในตะวันออกกลาง มีราว 30 ล้านคน หากไม่มีประเทศของตนเอง พวกเขาแตกเป็นหลายส่วนและถูกกดขี่อย่างหนัก แต่การถูกกดขี่เคี่ยวกรำนั้นทำให้พวกเขากลายเป็นนักรบที่เก่งกาจ
หนังสือเล่มนี้เขียนเรื่องราวของชาวเคิร์ดตั้งแต่ยุคตำนานจนถึงประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ซึ่งมีความพีคแล้วพีคอีก ผ่านสงครามใหญ่ๆ มากมาย เช่นสงครามอิรัก - อิหร่าน, สงครามอ่าวเปอร์เซีย, สงครามปราบซัดดัม, สงครามกลางเมืองอิรัก, สงครามปราบกลุ่มก่อการร้าย แต่ละสงครามที่ว่ามานี้มีสเกลใหญ่เป็นรองแค่สงครามโลก
ชาวเคิร์ดมีส่วนร่วมในสงครามเหล่านี้ทั้งหมดในฐานะชนกลุ่มน้อยที่ไม่รวยแต่รบเก่ง พอมีคนมาติดอาวุธให้เลยมักกลายเป็นไพ่โจ๊กเกอร์ที่เปลี่ยนผลชี้ขาดของสงคราม
อย่างไรก็ตามศัตรูอันดับหนึ่งของชาวเคิร์ดคือเผด็จการซัดดัม ฮุสเซนนั้นก็โหดมาก โหดโคตรๆ ใครเคยอ่านพยัคฆ์ทมิฬสิ้นชาติ หรือเชือดเช็ดเชเชน ผมบอกได้ว่าไอ้นี่ก็โหดไม่แพ้กัน หรือเผลอๆ โหดกว่า ดังนั้นการต่อสู้ของชาวเคิร์ดมันจึงเป็นเรื่องที่หลอนและดุเดือดมากๆ
หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ที่ผมได้ไปเยือนดินแดนเคอร์ดิสถานอิรัก (และหนีมิสไซล์มา) เมื่อต้นปี 2020 เพื่อนชาวเคิร์ดที่ผมสัมภาษณ์ทุกคนเป็นผู้รอดชีวิตจากทุกสงครามข้างต้น ทำให้มีข้อมูล ความเห็น และมุมมองของคนต่างๆ ที่ลึกกว่าในตำรา แน่นอนว่าประสบการณ์ของพวกเขาดาร์คมาก แต่เขาหลายคนไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น พวกเขาตีความสิ่งที่พบเจออย่างไร ลองตามอ่านดูนะครับ
"สุริยันพันธุ์เคิร์ด" ตั้งใจพิมพ์เป็นสี่สี เป็นหนังสือที่ยาวที่สุดตั้งแต่ผมเขียนสารคดีชุด The Wild Chronicles มา
อีกครั้งนะครับ ท่านที่ต้องการพรีออเดอร์หนังสืออย่างเดียว สามารถชำระ และใส่ที่อยู่ทาง link นี้ได้เลย ราคา 389 บาท ฟรีค่าส่ง (ในประเทศ) ในช่วงนี้เท่านั้น! (ถ้าบางท่านอยู่ต่างประเทศมีค่าส่งพิเศษจะแจ้งอีกที)
::: ::: :::
สนใจอ่านเรื่องประวัติศาสตร์ สงคราม เรื่องต่างประเทศ กดติดตาม เพจ The Wild Chronicles ได้เลยนะครับ https://facebook.com/pongsorn.bhumiwat
โฆษณา