27 ต.ค. 2021 เวลา 08:10 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
The Matrix Reloaded (2003) เป็นภาคต่อจาก The Matrix (1999) ซึ่งมีเนื้อเรื่องเข้มข้นกับฉากต่อสู้อลังการบนถนนไฮเวย์เป็นจุดขาย เนื้อเรื่องจะเผยภาพกว้างของสถานการณ์ทั้งบนโลกจริงและในเมทริกซ์ที่โปรแกรมสมิธเริ่มสร้างปัญหารวนโปรแกรมอื่น ๆ บทสนทนาของตัวละครในภาคนี้ใส่ปรัชญาลงไปเต็มที่และจำเป็นต้องตีความนัยยะของมันเพื่อทำความเข้าใจเรื่องราว แม้จะเข้าใจยากทว่ามันกลับเป็นหนังภาคต่อที่ทำคะแนนประเมินได้สูงสูสีกับภาคแรก
หนังเริ่มต้นในความฝันของนีโอ ทรินิตี้บุกจู่โจมอาคารแห่งหนึ่งแต่เจอสายลับ เธอหนีจนตกอาคารและถูกยิง นีโอสะดุ้งตื่นขึ้นและมองทรินิตี้ที่นอนอยู่ข้างกายเขา นึกแล้วก็ได้แต่อยากเห็นฉากก่อนหน้านั้นอยู่ในใจ
ในห้องขับยาน มอร์เฟียสคุยกับลูกเรือผิวเข้มชื่อลิ้งขอให้ไว้ใจเขา จากนั้นขับยานไปจอดเพื่อกระจายสัญญาณลักลอบเข้าเมทริกซ์ มีการประชุมทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของฝ่ายมนุษย์ระหว่างกัปตันและลูกเรือจากยานหลายลำ ข้อมูลทั้งหมดบ่งชี้ว่ามีหมึกพิฆาตเซนติเนล 250,000 ตัวเป็นกำลังรบพร้อมหัวสว่านเจาะจากพื้นผิวโลกลงสู่ไซออนที่อยู่ใต้ดินเพื่อหลบเลี่ยงแนวป้องกันทั้งหมด จากการคำนวณจะเหลือเวลาอีก 72 ชั่วโมงก่อนที่พวกมันจะเจาะถึงไซออน และยานของพวกเขาจำเป็นต้องกลับไปประจุไฟใหม่
มอร์เฟียสเข้าร่วมประชุมปุ้บก็ขอให้เหล่ากัปตันยอมทิ้งยานไว้หนึ่งลำในรัศมีรับสัญญาณเพื่อรอเทพพยากรณ์ติดต่อมา ซึ่งนี่เป็นการขัดคำสั่งผู้การล็อกที่รับผิดชอบควบคุมยาน แต่พวกเขาก็ยินยอมทำตาม
ทันใดนั้นนีโอรู้สึกบางอย่างก็ปลีกตัวจากในที่ประชุมออกมาด้านนอก ขณะนั้นมีคนลึกลับฝากของใส่ซองสีน้ำตาลอ่อนให้นีโอและฝากคำพูดถึงเขาว่า “คุณปล่อยเขาไป” เขาฉีกซองก็เห็นหูฟังของสายลับและรู้ความนัยว่าเกิดปัญหา อีกทั้งรู้ว่าหน้าประตูมีปัญหาใหญ่กำลังจะเคาะเรียกก็บอกความจริงและไล่คนคุมประตูไป
“การประชุมเสร็จแล้ว กลับไปประจำทางออก สายลับกำลังมา”
ไม่ทันขาดคำสายลับสามตนก็ต่อยประตูเหล็กจนสายยูพังและบานประตูบุบพิงผนัง นีโอกับสายลับสามตนสู้กันแต่พวกมันทำอะไรนีโอไม่ได้เลย นีโอลังเลคล้ายสัมผัสบางอย่างได้หรืออาจแค่ไม่ต้องการพัวพันกับสายลับจึงบินขึ้นฟ้าเหมือนซูเปอร์แมนไปยังอาคารที่ตนเคยพบเทพพยากรณ์ครั้งแรก เขาเปิดประตูเข้าไปในห้อง เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งภายในยังคงเดิมแต่ที่นั่นไม่มีใครอยู่
เมื่อมอร์เฟียสขับเนบูแชทเนสเซอร์กลับไซออนก็ถูกกัปตันมิฟูเน่และลูกน้องประกบตัวพาไปพบกัปตันล็อกทันที นีโอถามทรินิตี้ว่ามอร์เฟียสกับล็อกมีปัญหาอะไรกัน เธอจึงเฉลยว่าก่อนหน้านี้กัปตันหญิงไนโอบิเคยอยู่กับมอร์เฟียส แต่หลังจากมอร์เฟียสรู้คำพยากรณ์ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เปลี่ยนไป ไนโอบิย้ายไปอยู่กับล็อก
นีโอตอบว่า “เข้าใจล่ะ” แต่ในใจคงนึกอยากบอกเทพพยากรณ์ว่า “เธอมันร้าย” พร้อมเขกกะโหลกอีกสองสามโป๊ก จะมีใครไหมที่ไม่เดือดร้อนจากคำพยากรณ์ของหล่อน
คืนนั้นไซออนจัดงานเฉลิมฉลองปลุกใจประชากรมนุษย์ว่าที่ผ่านมาเราต่อสู้และยืนหยัดต้านเหล่าเครื่องจักรมาแล้วหนึ่งร้อยปี ทุกคนร้อง เล่นและเต้นอย่างสนุกสนาน นีโอกับทรินิตี้ก็กำลังเพลิดเพลินไปด้วยกัน แล้วคืนนั้นนีโอก็ตื่นขึ้นกลางดึก เขามองข้าวของมากมายที่กองอยู่หน้าห้องแล้วรู้สึกประหลาดใจที่ผู้คนมากมายเทิดทูนเขาในฐานะผู้ปลดปล่อย ซึ่งเขาสัมผัสได้หลังจากกลับมาถึงที่นี่และพบกับผู้อาศัยคนอื่น ๆ
นีโอพบกับชายแก่คนหนึ่งชื่อมนตรี เอ๊ย ! ไม่ใช่ เขามีตำแหน่งเป็น “ท่านมนตรี” หมายถึงเป็นสมาชิกสภามนุษย์ผู้เหลือรอดแห่งไซออน (ชื่อนี้ผมตั้งให้เองเพราะในภาพยนตร์เรียกห้วน ๆ แค่ “สภา” หรือ counsil) สภานี้เองที่มีอำนาจตัดสินใจกิจการต่าง ๆ ในไซออน ทั้งสองพูดคุยกันเรื่องใครคุมใครระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร ดูเหมือนท่านมนตรีต้องการสื่อถึงการอิงอาศัยกันระหว่างเครื่องจักรกับมนุษย์โดยไม่อาจขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างสิ้นเชิงได้
“ผมไม่มีทางที่จะรู้เลยว่าคุณทำสิ่งที่คุณทำอยู่นั่นได้อย่างไร แต่ผมเชื่อว่ามันต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน หวังว่าเราคงเข้าใจเหตุผลนั้นก่อนจะสายเกินไป”
แล้วนีโอก็ได้รับข่าวจากเทพพยากรณ์ มอร์เฟียสรวบรวมลูกเรือเพื่อออกยาน ล็อกโกรธมากที่ท่านมนตรีอนุญาตให้ยานเนบูแชทเนสเซอร์ออกจากไซออนและต่อว่า แต่ท่านมนตรีสั่งการลงไปเพราะเห็นต่างว่าความอยู่รอดของไซออนไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมียานให้ล็อกสั่งการมากขึ้นหรือน้อยลงหนึ่งลำ ล็อกจึงได้แต่หัวเสียงุ่นง่านอยู่อย่างนั้น
นีโอเข้าเมทริกซ์ไปพบชายสวมแว่นตาดำใส่เสื้อจีนสีขาว นีโอแปลกใจที่รหัสของชายคนนี้เป็นสีทอง เขาแนะนำตัวว่าชื่อเซเรฟจากนั้นก็จู่โจมนีโอด้วยกังฟู ทั้งสองต่อสู้พัวพันกันจนข้าวของพังและผละแยกกัน เมื่อเซเรฟแน่ใจว่านีโอคือ The one เขาก็พานีโอเข้าประตูหายวับไป โลกภายนอกติดตามทั้งสองไม่ได้ชั่วขณะเพราะตอนนี้พวกเขาอยู่ในระบบประตูหลังของเมทริกซ์ มีบานประตูเรียงกันอยู่สองข้างทางเป็นพรืดคล้ายเป็นทางเดินของห้องพักในโรงแรม แต่ทางเดินนี้ก็ยาวไกลจนแทบไม่เห็นต้นหรือปลายทาง เมื่อเดินมาพอควรเซเรฟไขกุญแจเปิดประตูบานหนึ่งแล้วทั้งสองก็โผล่ไปยังที่ ๆ เทพพยากรณ์นั่งรอ ราวกับใช้งานประตูไปไหนก็ได้ของโดเรม่อน
นีโอเข้าไปพูดคุยกับเทพพยากรณ์ เขาต้องเห็นเธอในรูปแบบรหัสเหมือนกับที่เห็นเซเรฟจึงทราบได้ทันทีว่าเธอไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นโปรแกรม เป็นพรรคพวกของเหล่าเครื่องจักรกล เธอให้ลูกกวาดเขาเม็ดหนึ่งและทั้งสองก็เริ่มคุยกันด้วยเนื้อหาที่แฝงปรัชญามากยิ่งขึ้น เธออธิบายธรรมชาติของโปรแกรมและชี้ทางให้นีโอกลับไปยังแหล่งกำเนิดเพื่อปกป้องไซออน นอกจากนั้นยังบอกว่านีโอมีตาทิพย์จึงได้เห็นอนาคตที่จะเกิดขึ้น บทสนทนาตอนนี้แทรกปรัชญาลงไปได้อย่างกลมกลืน นับว่าเป็นมิตรกับคนดูและเป็นบทสนทนาดีที่สุดระหว่างโปรแกรมกับจิตมนุษย์สำหรับภาพยนตร์ภาคนี้
เทพพยากรณ์ย้ำกับนีโอว่าต้องไปที่แหล่งกำเนิดโดยอาศัยช่างทำกุญแจที่ถูกโปรแกรมอันตรายชื่อเมโรวินเจียนขังไว้ เขาคือผู้มีอิทธพลของเมทริกซ์และต้องการอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เทพพยากรณ์ก็ย้ำว่าพวกเขาต้องไปอยู่ในสถานที่และเวลาที่บอกแล้วจะเจอหนทางได้ตัวช่างทำกุญแจ จากนั้นเซเรฟก็พาตัวเธอเข้าประตูหลบหายไปคล้ายสัมผัสได้ว่าจะมีอันตราย
จากนั้นนีโอจึงเพิ่งสัมผัสได้บ้าง สมิธเดินเข้าหานีโอและเทศนาเป็นปรัชญาเรื่องเจตนาและเสรี
“เราไม่ได้อยู่ที่นี่เพราะมีเสรี เราอยู่ที่นี่เพราะเราไม่มีเสรี”
แล้วก็พูดอะไรต่อมิอะไรอีกยาวเหยียดซึ่งน่ารำคาญชวนเขกกบาลแต่ก็ยังไม่ถึงที่สุดในบรรดาโปรแกรมของภาคนี้ เมื่อสมิธเห็นว่านีโอไม่เคารพการแสดงธรรมของเขาหรือเกิดหมั่นไส้ก็ไม่ทราบได้ เขาระดมพรรคพวกโผล่ออกจากประตูเป็นสิบ ๆ คนกรูกันเข้าจัดการนีโอ สมิธเสียบมือทะลุอกนีโอพยายามจะกลืนกินแต่นีโอขัดขืนและต่อสู้สุดชีวิต แต่เมื่อเห็นว่าสมิธมีมากเกินไปเขาจึงเหาะหนีไป
นีโอกลับออกมาบอกทุกคนว่านั่นคือสมิธ จากนั้นนีโอ ทรินิตี้และมอร์เฟียสก็ไปหาเมโรวินเจียน เขาอยู่กับเพอเซโฟเนภรรยาที่รักบนอาคารแห่งหนึ่ง นีโอเห็นว่ารหัสของอาคารเหมือนมีระเบิดอยู่เต็มไปหมด เมโรวินเจียนแนะนำตัวเองว่าเป็น “ผู้จัดหาข่าวสาร” แต่หากดูตามพฤติกรรมแล้วเขาคือผู้มีอิทธิพลที่แสวงหาอำนาจ ตั้งแต่เริ่มเจรจาเขาก็ซักไซ้ว่ามาทำไม จะเอาช่างทำกุญแจไปเพื่ออะไร เหมือนจงใจกวนประสาทและวกมาเทศนาเป็นปรัชญาหลายเรื่องอย่างเหตุกับผลลัพธ์ ทางเลือกอันลวงตา ซึ่งหากหยิบยกมาถอดความจะพบว่านี่ก็เป็นประเด็นสำคัญของภาพยนตร์เดอะเมทริกซ์ แต่ผมขอละไว้ก่อน
เขายังแสดงให้นีโอเห็นว่าได้เขียนโปรแกรมเค้กส่งให้หญิงสาวนางหนึ่งกินซึ่งน่าจะกระตุ้นกำหนัดและทำให้มีอารมณ์ทางเพศ แล้วสุดท้ายก็ปฏิเสธไม่มอบช่างทำกุญแจให้ เขาลุกเดินสะบัดตูดทิ้งทั้งสามคนกับภรรยาไว้บนโต๊ะอาหารให้งงเล่น
1
ทั้งสามคนกลับออกมาลงลิฟท์แล้วถกกันเป็นปรัชญาเล็ก ๆ ว่าเราทำถูกต้องไหม แต่แล้วประตูลิฟท์ก็เปิดออก เพอเซโฟเน่ดักอยู่หน้าประตูลิฟท์และชวนพวกเขาเข้าไปคุยในห้องน้ำชาย เธอระบายความอัดอั้นและด่าผัวแล้วขอจูบของนีโอ แต่ต้องทำให้เหมือนที่นีโอจูบทรินิตี้ซึ่งเกือบเรียกลูกปืนจากเธอได้แล้วถ้ามอร์เฟียสไม่เตือนสติไว้
ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่มและเธอก็พาพวกเขาผ่านประตูห้องครัวของอาคารกลับคฤหาสน์ไปหาช่างทำกุญแจ ลิ้งที่คอยดูอยู่จากภายนอกเซ็งที่ทั้งสามหายไปเหมือนกับตอนนีโอไปพบเทพพยากรณ์และคงเสียเวลาปรับช่องสัญญาณตามหาพวกเขา และแล้วทุกคนก็ได้พบช่างทำกุญแจที่นำแสดงโดย กนก รัตน์วงศ์สกุล ผู้สื่อข่าวช่อง TOP NEWS เอ๊ย ! ไม่ใช่ ๆ แค่เผอิญดาราเขาหน้าเหมือน
นีโอ มอร์เฟียสและทรินิตี้พาช่างทำกุญแจออกมาแต่เมโรวินเจียนก็กลับมาทันเวลา ผัวเมียมีปากเสียงทะเลาะกันแต่นั่นไม่ช่วยให้สถานการณ์พลิกผัน ผัวที่โกรธจัดสั่งลูกน้องให้ตามตัวช่างทำกุญแจกลับมาและจัดการนีโอ มอร์เฟียสและทรินิตี้พาช่างทำกุญแจหนีลูกน้องฝีมือฉกาจสองนาย พวกมันเป็นฝาแฝดผมขาวทรงเดร็ดร็อคที่เปลี่ยนร่างกายให้โปร่งแสงเหมือนผีและทะลุสสารได้
นีโอสู้กับกองกำลังของผัวจนเลือดตกแต่สุดท้ายก็เอาชนะได้ทั้งหมด ผัวเห็นท่าไม่ดีจึงเปิดตูดแนบผ่านประตูหายวับไป แต่ก่อนไปก็ทิ้งคำพูดน่าสงสัยเอาไว้
“ฉันรอดน้ำมือบรรพบุรุษแกมาแล้ว และคราวนี้ก็เหมือนกัน”
“มันรู้จักปู่ย่าตายายกูตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ผมคิดแทนนีโอ เขารีบวิ่งไปหาพรรคพวกแต่คงสับสนทางในคฤหาสน์ กว่าจะมาได้ทั้งสองก็เกือบแย่แต่ขึ้นรถยนต์แล้วสลัดหลุดผีแฝดได้ นีโอจะตามไปแต่ผีแฝดปิดประตูแล้วเปลี่ยนสถานที่ พอนีโอคุยกับลิ้งก็ปวดหัวเพราะคฤหาสน์นี้อยู่บนยอดเขา นีโอถามหาตำแหน่งของมอร์เฟียสแล้วบินขึ้นฟ้า
สถานการณ์ของมอร์เฟียสนั้นวิกฤติมาก เขาบอกว่านี่คือแกนของเครือข่ายซึ่งคงอันตรายเพราะมีกำลังตำรวจหนาแน่น ทั้งสองถูกผีแฝด ตำรวจและสายลับอีกสามตนตามล่า พวกมันเหมือนหมาล่าเนื้อที่กระหายจะขย้ำเหยื่อทุกลมหายใจ
การต่อสู้บนฟรีเวย์ดุเดือดและทำลายรถยนต์ไปหลายสิบคัน ผีแฝดทั้งยิงและเข้าต่อสู้ระยะประชิดแต่ทั้งสองก็รอดตายและขับไล่มันไปได้ สายลับกระโดดเกาะรถยนต์แล้วฉีกหลังคารถเหมือนกระดาษ หลบกระสุนอย่างพลิ้วไหวก็ยังทำอะไรพวกเขาไม่ได้ โดนทรินิตี้เหยียบเบรกให้กระเด็นตกถนนไป แต่ถึงจะเก่งแค่ไหนทั้งสองก็สู้ทางขาดที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้จำเป็นต้องจอดรถพรุน ๆ ทิ้งไว้ ทรินิตี้พาช่างทำกุญแจกระโดดลงบนรถพ่วงที่บรรทุกมอร์เตอร์ไซค์ แล้วช่างทำกุญแจก็ทำตัวเป็นประโยชน์ หยิบกุญแจให้ทรินิตี้ติดเครื่องมอเตอร์ไซค์พาเขาหนี
ส่วนมอร์เฟียสดักรอรถยนต์ของผีแฝดที่เหยียบคันเร่งจนมิดหวังชนเขา มอร์เฟียสกลิ้งหลบออกข้างแล้วใช้ดาบกรีดผ่านยางล้อกับถังน้ำมันแล้วยิงซ้ำจนรถระเบิด
ทางด้านทรินิตี้ที่ขับมอร์เตอร์ไซค์โดยมีช่างทำกุญแจซ้อนท้ายก็แสดงลีลาฉวัดเฉวียนหลบสายลับและตำรวจ มอร์เฟียสกระโดดลงบนหลังคารถบรรทุกคันหนึ่งที่วิ่งสวนทางเข้าหาทรินิตี้ก็รับตัวช่างทำกุญแจขึ้นมาได้สำเร็จ สายลับสนใจแต่จะจัดการกับช่างทำกุญแจทรินิตี้จึงหนีรอดไปได้ ทว่ามอร์เฟียสกลับต้องต่อสู้กับสายลับแบบตัวต่อตัว เขาเสียเปรียบและร่วงลงไปบนรถยนต์อีกคันหนึ่ง
“เสร็จเรา” เสียงผู้หญิงของกัปตันไนโอบิช่วยให้มอร์เฟียสใจชื้น เธอขับรถแซงขึ้นไปอยู่ด้านหน้ารถพ่วง สายลับเตรียมจะลบช่างทำกุญแจทิ้งตามคำสั่งแต่มอร์เฟียสก็กระโจนขึ้นไปในท่านกกระเรียนก่อนจะเปลี่ยนเป็นไรเดอร์คิก บรรจงถีบขาคู่ใส่กลางหลังสายลับจนร่างมันลอยพุ่งหลังแอ่น กระเด็นตกลงท้ายรถบรรทุกหัวทิ่มทะลุกระจกหน้าของรถยนต์คันหลังไปครึ่งตัว ดูแล้วก็ทั้งอนาถและสะใจ
แต่สายลับยังไม่ยอมเลิกรา มันแทรกแซงคนขับรถบรรทุกคันที่มอร์เฟียสอยู่และอีกคันหนึ่งที่วิ่งมาจากทิศตรงกันข้าม รถทั้งสองคันชนกันยับเยิน นีโอที่บินมาถึงก็คว้าคอเสื้อมอร์เฟียสและช่างทำกุญแจบินขึ้นฟ้าเหมือนหิ้วสินค้าออกจากซูเปอร์มาเก็ต ทั้งหมดควงสว่านหนึ่งรอบแล้วรอดจากหายนะอย่างฉิวเฉียด
ช่างทำกุญแจบอกมอร์เฟียสและคนอื่น ๆ ว่านีโอต้องเข้าอาคารแห่งหนึ่งไปยังชั้นที่มีระบบประตูไปไหนก็ได้ (แบบเดียวกับที่เซเรฟพาไปพบเทพพยากรณ์) เพื่อเข้าสู่ “แหล่ง” (The source) แต่จำเป็นต้องตัดไฟและทำลายระบบสำรองไฟเสียก่อน ไม่อย่างนั้นการเปิดประตูจะกลายเป็นการจุดชนวนระเบิดทำลายตัวเอง แล้วเขาก็ชี้เป้าหมายให้และอธิบายลำดับขั้นตอนต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ
“ทำไมคุณถึงรู้ดีนักล่ะ ?” ไนโอบิถาม
“ที่รู้ก็เพราะจำเป็นต้องรู้ เป็นเจตนาของผม เป็นเหตุผลที่ผมอยู่นี่ เหตุผลเดียวกันกับเราทุกคน”
โปรแกรมของเมทริกซ์ภาคนี้ชอบพูดเป็นปรัชญาเหลือเกิน หลังจากนั้นมอร์เฟียสก็พูดปลุกใจเพื่อให้กองกำลังช่วยกันทำภารกิจในครั้งนี้ นีโอขอให้ทรินิตี้อยู่นอกเมทริกซ์เพื่อความปลอดภัยและเธอก็รับปากเขา ทุกคนทำงานประสานกัน โรงไฟฟ้าถูกทำลายเป็นอันดับแรกเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน ตามด้วยคนอีกกลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปจัดการเวรยามของระบบจ่ายไฟฉุกเฉินพร้อม ๆ กับที่ช่างทำกุญแจ นีโอและมอร์เฟียสเข้าสู่ระบบประตูหลัง
ขอย้อนกลับไปเล่าว่าทำไมก่อนหน้านี้ไนโอบิจึงโผล่มาช่วยเหลือมอร์เฟียสในเมทริกซ์ได้ทันเวลา หลังมอร์เฟียสออกเดินทางคณะมนตรีก็ขออาสาสมัครกัปตันให้ส่งยานออกไปหาข่าวของเนบูแชทเนสเซอร์ กัปตันหญิงไนโอบิและกัปตันชายโซเรนอาสาออกยานแฮมเมอร์และวิจิแลนซ์ ฉะนั้นทั้งกัปตันและลูกเรือของยานสามลำรวมเนบูแชทเนสเซอร์ก็คือกองกำลังที่ทำภารกิจสู้ตายครั้งนี้
ทว่าเหล่าเซนติเนลก็เจอยานของโซเรนและทำลายพวกเขาได้โดยไม่ถูกโต้กลับเพราะลูกเรือของยานประสบอุบัติเหตุสะพานเรือหักทำให้พวกเขาถูกเหล็กแหลมทิ่มตายก่อนที่จะทันได้ตัดไฟ ทรินิตี้จึงต้องลักลอบเข้าเมทริกซ์เพื่อตัดระบบจ่ายไฟสำรองด้วยตัวเองเพื่อไม่ให้ระเบิดของอาคารทำงาน
ขณะที่ช่างทำกุญแจ นีโอและมอร์เฟียสที่เดินดุ่มในระบบประตูหลังเพื่อไปยังประตูบานที่อยู่สุดทางก็พบกับสมิธยืนขวางเตรียมจะเทศนาอีกคำรบหนึ่ง มอร์เฟียสเสนอลูกกระสุนแต่แล้วสมิธอีกหลายสิบคนก็โผล่ออกจากประตูหลายบานที่ขนาบพวกเขาอยู่ทั้งสองข้างของทางเดิน ช่างทำกุญแจอาศัยจังหวะชุลมุนเปิดประตูบานหนึ่งหนีไปแล้ววกมาเปิดประตูอีกบานหนึ่งใกล้ประตูสุดท้ายแล้วไขกุญแจในเวลาที่ทรินิตี้ตัดระบบจ่ายไฟสำรองได้สำเร็จ
นีโอสู้กับสมิธได้สบายแต่มอร์เฟียสสู้ไม่ไหวและโดนสมิธสามตัวเสียบมือทะลุเข้าไปจนเกือบกลืนกินเขาแต่นีโอก็ช่วยไว้ทันและเห็นว่าช่างทำกุญแจเปิดประตูแล้วจึงพามอร์เฟียสเหาะเข้าประตู ช่างทำกุญแจปิดมันและรับกระสุนไปหลายนัด ก่อนตายช่างทำกุญแจมอบกุญแจดอกหนึ่งให้มอร์เฟียสไขเพื่อกลับสู่ยานและกระชากสร้อยคอที่คล้องกุญแจพิเศษสำหรับนีโอมอบให้เขา
“คุณจะรู้เองว่าบานไหน”
จากนั้นนีโอก็เปิดประตู มีแสงขาวเจิดจ้าโอบรับเขาเข้าสู่ห้อง ๆ หนึ่งที่พื้นเป็นสีขาวและผนังรอบตัวมีแต่จอภาพ กลางห้องมีโต๊ะตัวหนึ่งกับชายแก่ผมขาวคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้สำนักงาน เขาแนะนำตัวเองว่าเป็นผู้พันแซนเดอร์ที่ขายไก่ KFC เอ๊ย ! ไม่ใช่ เขาแค่คนหน้าเหมือนเท่านั้น
“ผมคือสถาปนิก ผู้สร้างเมทริกซ์ขึ้นมา” แล้วจากนั้นเขาก็คล้ายเทศนาจนน่าเขกกบาลรองจากเมโรวินเจียน อันที่จริงบทพูดของสถาปนิกนั้นสะท้อนความเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ดีที่สุด แต่ก็น่ามึนและชวนให้วิงเวียนได้ไม่น้อย ใจความของการสนทนาครั้งนี้คือฝ่ายเครื่องจักรกลนั้นควบคุมมนุษย์ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมานานแล้ว เมทริกซ์ที่มีอยู่นี้ไม่ใช่รุ่นแรกและนีโอก็ไม่ใช่ผู้ปลดปล่อยคนแรก
ผมขอยกรายละเอียดของบทพูดตอนนี้ไปวิเคราะห์ต่างหากเพื่อไม่ให้บทความยาวจนเกินไป เนื้อหาของการสนทนาสรุปความได้ว่าสถาปนิกสร้างเมทริกซ์ตัวปัจจุบันโดยให้จิตของมนุษย์ภายในนั้นมองเห็นทางเลือกและได้เลือกสิ่งต่าง ๆ ตามต้องการ มนุษย์ 99% จึงยังหลับใหลอยู่ในทุ่งตัวอ่อนและไม่ตื่นขึ้นมา ส่วนอีก 1% นั้นเป็นหน้าที่ของเทพพยากรณ์ที่จะมอบคำทำนายให้
คำทำนายมีอยู่ว่าสักวันจะมี “ผู้ปลดปล่อย” กำเนิดขึ้นแล้วช่วยให้มวลมนุษย์หลุดพ้นจากเมทริกซ์ มนุษย์เหล่านั้นจะอาศัยอยู่ในนิคมใต้ดินที่พวกเครื่องจักรกลน่าจะตระเตรียมสภาพแวดล้อมไว้ให้ สถานที่นั้นชื่อไซออน
จากนั้นพวกมนุษย์ก็จะทำอย่างที่กลุ่มต่อต้านทำ คือหาหนทางปลดปล่อยจิตจากเมทริกซ์รวมถึงค้นหาผู้ปลดปล่อย และผู้ปลดปล่อยที่ว่านี้คือผู้อาศัยในทุ่งตัวอ่อนที่มีรหัสผิดปกติ (anomaly) แฝงมา จากนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเทพพยากรณ์ที่จะชักนำให้ผู้ปลดปล่อยเห็นแก่ชะตากรรมของมวลมนุษย์แล้วหาทางกลับมาสู่สถาปนิกเพื่อช่วยเหลือผู้คนในไซออน
แล้วสถาปนิกก็เสนอทางเลือกให้นีโอเช่นเดียวกับที่เคยทำมาก่อน นั่นคือให้เขากลับไปยังแหล่งแล้วปลดปล่อยรหัสผิดปกตินั้นออกมา จากนั้นเลือกมนุษย์ชายหญิงจำนวนหนึ่งที่จะเหลือรอดจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในไซออนให้พวกเขามีโอกาสสร้างไซออนใหม่และเริ่มวงรอบใหม่ของผู้ปลดปล่อยคนต่อไป หากไม่ทำตามก็จะไม่มีมนุษย์รอดชีวิตอยู่และอาจต้องสูญพันธุ์ ทว่านีโอไม่ยอมรับ สถาปนิกจึงให้นีโอดูทรินิตี้ที่ตอนนี้อยู่ในเมทริกซ์และต่อสู้กับสายลับ นีโอกลัวว่าเธอจะตายและสถาปนิกก็รู้จึงให้ทางเลือกกับนีโอว่าจะกลับสู่เมทริกซ์หรือไปสู่แหล่ง
นีโอกลับสู่เมทริกซ์และรีบบินไปช่วยทรินิตี้สุดชีวิต ทว่าเธอก็ถูกยิงและมีกระสุนฝังใน นีโอล้วงมือเข้าไปในร่างเธอคว้ากระสุนออกมาได้ ส่วนมอร์เฟียสที่ออกจากเมทริกซ์แล้วก็ฉีดยาเพื่อช่วยเหลือร่างกายของเธอ ส่วนลิ้งได้แต่ภาวนา แต่แล้วเธอก็ค่อย ๆ หมดลมหายใจไปต่อหน้าทุกคน ที่ยานทั้งสองเห็นสัญญาณชีพของเธอกลายเป็นเส้นตรง นีโอในเมทริกซ์ไม่ยอมให้เธอจากไปจึงล้วงมือเข้าไปในร่างเธออีกครั้ง คราวนี้เขาคว้าหัวใจเธอแล้วกระตุ้นจนมีแสงสว่างวาบ
และแล้วก็มีปาฏิหาริย์บังเกิดเหมือนกับในภาคแรก ทว่าคราวนี้เป็นทรินิตี้ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา มอร์เฟียสกับลิ้งมองหน้ากันและพูดไม่ออกเมื่อเห็นสัญญาณชีพทั้งหมดกลับคืนมาเป็นปกติ จากนั้นทั้งสองคนจึงออกจากเมทริกซ์กลับสู่ยาน เมื่อมอร์เฟียสได้รู้ว่าสงครามยังไม่ยุติและคำทำนายเป็นเรื่องโกหกเขาก็เสียศูนย์ ทุกคนเสียขวัญ แต่เหล่าเซนติเนลที่ไม่มีจิตใจนั้นไม่หยุดยั้ง
ในที่สุดมันก็ค้นพบยานเนบูแชทเนสเซอร์
นีโอดูเครื่องแสกนก็รู้ว่ามันจะยิงลูกระเบิดใส่จึงบอกทุกคนให้หนีออกจากยาน แล้วทุกคนก็รอดชีวิตอย่างหวุดหวิด การสูญเสียยานหลังจากได้รู้ว่าคำทำนายที่ตนเชื่อมั่นมาตลอดเป็นเรื่องโกหกนั้นทำให้มอร์เฟียสสะเทือนใจอย่างมาก ทุกคนรีบหนีเอาชีวิตรอดแต่นีโอรู้ว่าไม่ทัน ทว่าเขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างจึงหยุดรอให้เซนติเนลมาถึง จากนั้นเขายื่นมือออกไปห้าม เซนติเนลเหล่านั้นชะงักกลางอากาศคล้ายขัดข้องแล้วหยุดทำงานร่วงลงพื้นแต่นีโอก็สลบหมดสติไปด้วย
มียานอีกลำหนึ่งแล่นมาที่เขา นั่นคือยานแฮมเมอร์ของกัปตันไนโอบิ มอร์เฟียสและลูกเรือจึงได้รู้ว่าเกิดอุบัติเหตุระหว่างการโจมตีตอบโต้ ระเบิด EMP ทำงานส่งผลให้ยานทั้งห้าลำหมดสภาพและถูกทำลายในพริบตา แต่มีลูกเรือที่รอดชีวิตหนึ่งคนชื่อเบนซึ่งอันที่จริงจิตของเบนถูกโปรแกรมสมิธกลืนกินไปตั้งแต่อยู่ในเมทริกซ์แล้วออกสู่โลกภายนอกผ่านการเชื่อมต่อ
เบนตัวปลอมนี้เคยพบนีโอครั้งหนึ่งที่ไซออนก่อนที่เขาจะขึ้นยานเพื่อไปหาเทพพยากรณ์ สมิธในร่างเบนขณะนั้นพยายามจะแทงนีโอด้วยมีดตะขอจากด้านหลังซึ่งเขาใช้กรีดแขนและมือของตนจนเลือดไหลอย่างโรคจิต ทว่าเด็กหนุ่มที่นีโอเคยช่วยไว้ก็ตะโกนเรียกเขาทำให้เบนเสียจังหวะและขอจับมือแก้เก้อ ตอนนั้นเด็กหนุ่มส่งช้อนคันหนึ่งให้นีโอ มันชวนให้นึกถึงเด็กงอช้อนจากภาคแรก
“ความจริงคือมันไม่มีช้อน”
น่าแปลกที่นีโอแม้จะมีพลังกับสัมผัสพิเศษเพิ่มขึ้น ทว่าเขากลับสัมผัสไม่ได้ว่าโปรแกรมสมิธแฝงตัวอยู่ในร่างของเบน
และขณะนี้ในห้องพยาบาลบนยานแฮมเมอร์ ร่างของนีโอกับเบนที่หมดสติก็นอนอยู่ตรงข้ามกัน
to be continued

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา