27 ต.ค. 2021 เวลา 10:30 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ความฝันแบบ Lucid dream
คำว่า Lucid dream ถูกบัญญัติโดย Frederick van Eaden จิตแพทย์ชาวดัตช์ (เนเธอแลนด์) ในหนังสือชื่อ “การศึกษาเกี่ยวกับความฝัน” (A study of Dreams) ในปี ค.ศ. 1913
ซึ่งได้จากการศึกษาความฝันของตนเองตั้งแต่ปี ค.ศ. 1898 - 1912
Lucid dream หรือ ความฝันแบบรู้ตัว คือ เป็นความฝันที่เรารู้ตัวว่าตัวเองกำลังฝันอยู่
โดยอาศัยสมองส่วนหน้าที่ยังทำงานอยู่ในขณะหลับ คนที่กำลังฝันอยู่จะตระหนักรู้ว่ากำลังอยู่ในฝันเพราะสัญญาณบางอย่างที่เกิดขึ้นในความฝัน เช่น ปรากฏการณ์ที่ขัดแย้งหรือสิ่งผิดปกติเมื่อเทียบกับความเป็นจริง ความไม่สมเหตุสมผลในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในความฝัน เป็นต้น นอกจากนี้คนที่เข้าสู่ Lucid dream บ่อยๆ จะสามารถควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงสถานการณ์บางอย่างภายในความฝันให้เป็นไปตามที่ต้องการ แทนที่จะปล่อยให้เหตุการณ์ในความฝันดำเนินผ่านไปเหมือนนั่งดูหนังไปเรื่อยๆ
Lucid dream มักเกิดขึ้นในช่วงที่ร่างกายอยู่ในสภาวะหลับลึกที่สุด (REM : Rapid Eyes Movement) เป็นสภาวะที่ลูกตาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้อทั้งร่างกายจะหยุดทำงาน ไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก แต่สมองส่วนหน้า (Frontal lobes) ที่อยู่บริเวณหน้าผาก ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมพฤติกรรม การเคลื่อนไหว การแก้ปัญหา การวางแผน รวมทั้งควบคุมอารมณ์และการแสดงออกทางอารมณ์
ในปี ค.ศ. 1975 การศึกษาของ Dr. Keith Hearne นักปรจิตวิทยา(Parapsychologist) มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ทำการทดลองเกี่ยวกับความรู้สึกตัวในขณะฝันกับอาสาสมัคร Alan Worsley โดยใช้เครื่อง Polysomnograph พบว่าการตรวจจับสัญญาณการเคลื่อนไหวของลูกนัยน์ตาของอาสาสมัครตรงกับรูปแบบการเคลื่อนไหวลูกนัยน์ตาที่กำหนดไว้ ทำให้พิสูจน์ได้ว่าคนที่กำลังฝันสามารถรู้สึกตัวว่าขณะนั้นตนเองกำลังฝันอยู่ได้
ค.ศ.1980 Dr. Stephen Laberge นักจิตสรีรวิทยา ชาวอเมริกา ได้ศึกษาทำนองเดียวกัน และตีพิมพ์งานเขียนเกี่ยวกับ Lucid dreaming และ Exploring the World of Lucid Dreaming และอีกหลายเล่ม รวมทั้งก่อตั้ง The Lucidity Institute เพื่อศึกษาค้นคว้าและพัฒนาเทคนิคที่ช่วยบำบัดอาการเจ็บป่วยทางจิตโดยใช้ความฝัน (Lucid Dream Therapy)
Dr. Stephen Laberge ศึกษา Lucid dream เพื่อใช้ในการสำรวจสภาวะด้านจิตใจเบื้องลึก และเชื่อว่าความรู้เกี่ยวกับ Lucid dream นี้ มีประโยชน์ในการบำบัดความเครียด ช่วยลดความคับข้องใจ ความกดดัน ความขัดแย้ง รักษาอาการนอนไม่หลับ รวมถึงช่วยเสริมสร้างจินตนาการได้อีกด้วย
Lucid dream อาจเป็นมากกว่าความฝัน
เมื่อนักวิทยาศาสตร์สถาบันวิจัยแม็กซ์แพลงค์ เพื่อการพัฒนามนุษย์ในกรุงเบอร์ลิน และสถาบันวิจัยแม็กซ์แพลงค์ เชิงจิตวิทยาในนครมิวนิค ค้นพบว่า ในคนที่ฝันแบบ Lucid dream จะเกิดการกระตุ้นไปที่สมองส่วน aPFC (Anterior Prefrontal Cortex) ที่ทำงานเกี่ยวกับการรู้คิด (cognition) ดังนั้น คนที่มี Lucid dream บ่อยๆ จะมีการกระตุ้นสมองส่วนนี้มากขึ้น ทั้งนี้สมองส่วนนี้เกี่ยวข้องกับการควบคุมการรู้คิดในระดับจิตรู้สำนึก(conscious mind) ทำให้คนกลุ่มนี้ในขณะตื่นมีแนวโน้มที่จะสามารถใช้กระบวนการรู้คิดมากกว่าปกติด้วย
ดังนั้น มีหลายวิธีการเพื่อเข้าสู่ Lucid dream
วิธีอื่นๆ ขอไม่กล่าวถึงในบทความนี้ แต่จะขอกล่าวถึงแค่วิธีพื้นฐาน นั่นคือการชี้นำ MILD (Mnemonics’s induction of Lucid dreams) ซึ่งถูกคิดค้นในปี ค.ศ. 1980 และถูกใช้ในการศึกษาของ Dr. Stephen Laberge โดยเทคนิค Autosuggestion ซึ่งคล้ายกับการสะกดจิตตัวเอง ให้เหนี่ยวนำความคิดของตัวเองให้นึกถึงเรื่องที่อยากฝันถึงและพยายามจดจำรายละเอียดที่เกิดขึ้นในขณะหลับ
ความพยายามในการเหนี่ยวนำความคิดหรือสิ่งที่ต้องการให้เป็นจริงแม้ในความฝัน เพื่อตอบสนองความต้องการ ความปรารถนาที่ไม่อาจทำได้ในชีวิตจริง ซึ่งถูกเก็บไว้ในจิตใต้สำนึกตามทฤษฎีของ Sigmund Freud เป็นการบำบัดอย่างหนึ่งโดยความฝัน Lucid dream จะทำให้มีการปลดปล่อยสิ่งที่เก็บไว้ในจิตใต้สำนึกออกมา เพื่อสร้างสมดุลทางจิตใจ และสภาพอารมณ์ให้เป็นปกติ
นอกจากนี้ Lucid dream อาจช่วยในการบำบัดฝันร้ายต่อเนื่อง หรืออาการนอนไม่หลับ โดยในขณะที่อยู่ใน Lucid dream จะมีโอกาสให้ผู้ฝันควบคุมหรือเปลี่ยนแปลง ผู้ฝันจะได้เปลี่ยนความรู้สึกหวาดกลัว กดดัน ความเครียดในฝันร้ายให้กลายเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น สนุกสนานเหมือนได้ผจญภัย เติมเต็มสิ่งที่ปรารถนา และผ่อนคลายจนทำให้อยากหลับต่อ
ปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีต่างๆ ได้แก่ การตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง(EEG:Electroencephalography) การวัดคลื่นไฟฟ้าจากการเคลื่อนไหวของดวงตา (EOG:Electrooculography) และการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG:Electrocardiography) มาพัฒนาอุปกรณ์เกี่ยวกับการนอนหลับ เช่น แผ่นปิดตา LED ช่วยวิเคราะห์ช่วงเวลาการหลับให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ สายรัดหัวที่มีซอฟแวร์วิเคราะห์ข้อมูลสมองและร่างกายเพื่อให้เข้าสู่การหลับง่ายขึ้น และสามารถทำให้ผู้ใช้เข้าถึง Lucid dream ได้ ล่าสุดทีมนักวิจัย Dream Lab ของมหาวิทยาลัย MIT สามารถสร้างอุปกรณ์ควบคุมความฝัน Lucid dream ได้สำเร็จ
โฆษณา