27 ต.ค. 2021 เวลา 12:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สหรัฐฯ อ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ แบน China Telecom บริษัทโทรคมนาคมจากจีนที่ใหญ่สุดในโลก และเตรียมแบนเพิ่มอีกหลายแห่ง
สงครามระหว่าง 2 ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และจีน ที่มีการต่อสู้กันผ่านทางการค้าหรือแม้แต่ทางไซเบอร์ก็ตาม ซึ่งการต่อสู้กันระหว่าง 2 มหาอำนาจจะเห็นอย่างชัดเจนในช่วงการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนก่อนอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็นการทำสงครามการค้า และการแบนเทคโนโลยีต่างๆ ที่มาจากประเทศจีน
ล่าสุดความกังวลทางไซเบอร์ในสหรัฐฯ กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง โดยหน่วยงานกำกับดูแลด้านการสื่อสารของสหรัฐฯ (Federal Communications Commission: FCC) ได้ลงมติให้เพิกถอนใบอนุญาตของบริษัท China Telecom ในสหรัฐฯ เนื่องจากกังวลด้านความมั่นคงของชาติ และเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่บริษัทจีนจะแทรกซึมเครือข่ายสำคัญๆในสหรัฐฯ
โดยบริษัท China Telecom จะต้องยุติการให้บริการในสหรัฐฯ ภายใน 60 วัน ซึ่งบริษัท China Telecom ถือเป็นบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของจีน และได้รับอนุญาตให้บริการโทรคมนาคมในสหรัฐฯ เป็นเวลาเกือบ 20 ปีมาแล้ว นอกจากนั้น China Telecom ยังมีลูกค้ากว่า 335 ล้านรายในกว่า 110 ประเทศในปี 2019 และยังเคลมว่าเป็นผู้ให้บริการต่างๆ ตั้งแต่อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ไปจนถึงเครือข่ายโทรศัพท์มือถือและโทรศัพท์บ้าน ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างรวดเร็ว และหุ้นในตลาดฮ่องกงก็ประสบปัญหาการถูกขายอย่างหนักเช่นกัน ทำให้ดัชนี Hang Seng ลดลงมากกว่า 1% รวมถึงดัชนีกลุ่มเทคฯ อย่าง Hang Seng TECH ลดลงมากกว่า 3% โดยหุ้น Tencent, Alibaba, JD.com และ XD ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
FCC พบว่า “China Telecom นั้นอยู่ภายใต้การควบคุมจากรัฐบาลจีน ในการเข้ามาแสวงหาประโยชน์และเข้ามามีอิทธิพลในสหรัฐฯ รวมทั้งบริษัทยังมีแนวโน้มสูงที่จะถูกบังคับให้ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลจีน และอยู่เหนือการควบคุมทางกฎหมายต่างๆ”
หน่วยงานกำกับดูแลกล่าวเสริมว่า “การที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าของและควบคุมบริษัทสื่อสารนั้น เพิ่มความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติ และยังสามารถแทรกแซงการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศได้ จากการเข้าถึง จัดเก็บ ขัดขวาง และยังสามารถเปลี่ยนเส้นทางของข้อมูลในสหรัฐฯ ได้”
ส่วนทางโฆษกของ China Telecom ในสหรัฐฯ กล่าวว่า การตัดสินใจของ FCC นั้นน่าผิดหวัง และเราจะดำเนินการตามตัวเลือกที่มีอยู่ทั้งหมดที่ทางสหรัฐฯ กำหนดให้ เพื่อให้สามารถบริการลูกค้าได้ต่อไป
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2019 อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ เคยชูประเด็นนี้ขึ้นเป็นวาระสูงสุดทางการเมืองและการทูต โดยประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติ ดำเนินการแบนเทคโนโลยีของ ‘ศัตรูต่างชาติ’ อย่างจีน ซึ่งสั่งแบนบริษัทโทรคมนาคมของจีนอย่าง Huawei รวมทั้งควบคุมการส่งออกข้อมูลอย่างเข้มงวด และในเดือนพฤษภาคม 2019 หน่วยงาน FCC ก็ได้สั่งแบนบริษัทโทรคมนาคมของจีนอีกแห่งคือ China Mobile นอกจากนั้น ทรัมป์ยังประสบความสำเร็จในการกดดันพันธมิตรของสหรัฐฯ อย่างสหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย ให้ปฏิบัติตามและแบนการใช้บริการเครือข่าย 5G จาก Huawei ได้อีกด้วย
1
รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวในเดือนเมษายน 2020 ว่า China Telecom ตั้งเป้าหมายจะเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือเสมือน หรือให้บริการโดยที่ไม่ได้วางโครงข่ายเอง แต่ไปเหมาจากเจ้าของโครงข่ายมาให้บริการต่ออีกทอดหนึ่ง เพื่อให้บริการกับชาวอเมริกันเชื้อสายจีนที่มีมากกว่า 4 ล้านคน, นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปสหรัฐฯ กว่า 2 ล้านคนต่อปี, นักเรียนชาวจีนประมาณ 300,000 คนที่มาเรียนในสหรัฐฯ และบริษัทที่ทำธุรกิจของจีนมากกว่า 1,500 แห่งในสหรัฐฯ
ยังไม่จบแค่นั้น FCC เตือนเพิ่มว่า อาจปิดกิจการของบริษัทโทรคมนาคมจีนอีก 3 แห่งของสหรัฐฯ ที่ถูกควบคุมโดยรัฐ โดยอ้างถึงความเสี่ยงด้านความมั่นคงแห่งชาติ โดยบริษัทเหล่านั้นคือ China Telecom Americas, China Unicom Americas, Pacific Networks Corp และ ComNet (USA) LLC
เบรนแดน คาร์ กรรมาธิการของ FCC ซึ่งอยู่ในพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า “หน่วยงานกำกับดูแลต้องระมัดระวังต่อภัยคุกคามจากจีน” ทั้งนี้ ทางด้านสถานทูตจีนในวอชิงตันยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ
วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ร็อบ พอร์ตแมน และ ทอม คาร์เปอร์ ซึ่งเป็นผู้ออกรายงานเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัทโทรคมนาคมของจีนในสหรัฐฯ ในปี 2020 ออกมายกย่องและเห็นด้วยกับการตัดสินใจของ FCC พร้อมกล่าวว่า “บริษัทจีนเหล่านี้เสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ และยังสามารถแทรกแซงการบังคับใช้กฎหมายในประเทศได้”
โดยในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หน่วยงาน FCC เริ่มพยายามเพิกถอนการอนุญาตสำหรับการให้บริการโทรคมนาคมจากจีนในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท China Unicom Americas, Pacific Networks และบริษัทในเครือทั้งหมดของ ComNet นอกจากนั้นยังกำหนดให้บริษัทจีน 5 แห่ง เป็นบริษัทที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ภายใต้กฎหมายปี 2019 โดย 5 บริษัทนั้นคือ Huawei, ZTE, Hytera Communications, Hangzhou Hikvision Digital Technology และ Zhejiang Dahua Technology
เรื่อง: แท่ง แซ่ลิ้ม
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
โฆษณา