29 ต.ค. 2021 เวลา 07:21 • ประวัติศาสตร์
*** 7 ตำนานเมืองสุดสะพรึง ***
“คุณเคยได้ยินเรื่อง... หรือเปล่า?”
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวที่เล่ากันปากต่อปากในพื้นที่ต่างๆ หรือเรียกว่าว่า “ตำนานเมือง” (Urban Legend)
ตำนานเมืองเล่านี้มีอยู่หลายธีม ทั้งเรื่องผี เรื่องลึกลับ เรื่องระทึกขวัญ เรื่องชวนขนหัวลุกต่างๆ ที่เล่ากันเพื่อสร้างสีสันในวงสนทนา
บทความนี้จะพาท่านผู้อ่านไปดู 7 ตำนานเมือง พร้อมทั้งข้อมูลเพิ่มเติมในตอนท้ายว่าตำนานเหล่านี้น่าจะเป็นจริงหรือไม่? ถ้าทุกท่านพร้อมแล้ว ตามอ่านได้เลยครับ
*** ตำนานเมือง ***
ก่อนอื่นขอเปิดมาด้วยการอธิบายคำว่า “ตำนานเมือง” (Urban Legend) ก่อน
คำว่าตำนานเมืองนี้จัดได้ว่าเป็นนิทานพื้นบ้าน (folklore) ประเภทหนึ่ง ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเรื่องจริง และเคยเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว เช่น เพื่อนของเพื่อน หรือเป็นญาติห่างๆ และมักมีเนื้อหาชวนตลกขบขันหรือน่าสะพรึง นอกจากนี้ยังมักสอดแทรกเหตุการณ์ที่เป็นอันตรายลึกลับ หรือเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่สบายใจ
ยิ่งสมัยนี้มีสื่อออนไลน์มากขึ้น ทำให้เรื่องราวต่างๆ มีการเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียได้อย่างรวดเร็ว โดยอาจมีการดัดแปลงไปเรื่อยๆ
1
*** Bloody Mary ***
เรื่องแรกนี้มีว่า "บลัดดีแมรี" เป็นวิญญาณในกระจก ซึ่งจะมาปรากฏตัวต่อคนที่ทำพิธีเรียกเธอ
พิธีกรรมดังกล่าวจะเป็นการเรียกชื่อบลัดดีแมรีหน้ากระจกในห้องที่มีแสงสลัว หลังเวลาผ่านไป วิญญาณบลัดดีแมรีจะปรากฏขึ้น
บลัดดีแมรีนี้อาจปรากฏเป็นร่างโชกเลือด, ซากศพ, แม่มดหรือผี ซึ่งอาจเป็นมิตรหรือไม่ก็ได้ และวิญญาณนั้นอาจมีพฤติกรรมได้หลายแบบ ทั้งกรีดร้อง สาบแช่ง บีบคอ ขโมยดวงวิญญาณ ดื่มเลือด หรือควักลูกตาผู้ที่เรียกก็ได้ ...แม้จะเสี่ยงตาย แต่มันก็เป็นที่ถูกอกถูกใจพวกล่าท้าผีที่ต้องการพิสูจน์ความกล้าของตน
ภาพแนบ: ความเชื่อในการเสี่ยงทายหาสามีของหญิงสมัยก่อน
เรื่องบลัดดีแมรีอีกเวอร์ชัน จะเป็นรูปแบบของพิธีเสี่ยงทาย โดยให้ผู้ต้องการเสี่ยงทาย (มักเป็นผู้หญิง) เดินถอยหลังขึ้นบันไดในบ้านมืดพร้อมถือกระจกและเทียนไขในมืออย่างละข้าง
เชื่อว่าถ้าไม่ตกบันไดคอหักก่อนผู้ทำพิธีจะเห็นหน้าของคู่ครองในอนาคตของตนในกระจก หรืออาจเห็นกะโหลกก็ได้ถ้าหากมีดวงจะไม่ได้แต่งงานตลอดชีวิต
1
ภาพแนบ: แอนาเบล
*** Annabelle ***
เรื่องที่ 2 เป็นเรื่อง "แอนาเบล" หรือตุ๊กตาผีสิงที่หลายท่านน่าจะเคยได้ยินมาแล้ว
แอนาเบลนี้ จริงๆ เป็นตุ๊กตาผ้ารูปตัวละครชื่อ "แร็กเก็ดดี แอนน์" (Raggedy Ann) ในหนังสือเด็กของสหรัฐ
หลังจากเคย “หลอกหลอน” เจ้าของในช่วงทศวรรษ 1970s ปัจจุบันตุ๊กตาตัวนี้อยู่ที่พิพิธภัณฑ์เรื่องลึกลับตระกูลวอร์เรน ในเมืองมอนโร รัฐคอนเน็กติกัต สหรัฐ
ภาพแนบ: สามีภรรยาวอร์เรน
เจ้าของตุ๊กตาคือสามีภรรยาวอร์เรนซึ่งเป็น "นักสืบเรื่องเหนือธรรมชาติ" พวกเขาเล่าว่าตุ๊กตาตัวนี้เคยมีพฤติกรรมแปลกๆ ตั้งแต่เล็กน้อย ได้แก่ ลอยตัวเฉยๆ ไปจนถึงเรื่องคอขาดบาดตาย เช่น พยายามบีบคอคน นอกจากนี้ยังเคยมีคนทรงบอกว่าตุ๊กตาตัวนี้มีวิญญาณสิงอยู่เป็นเด็กหญิงชื่อ "แอนาเบล"
สามีภรรยาวอร์เรนเล่าว่าระหว่างที่เคลื่อนย้ายตุ๊กตานั้น คันเร่งและเบรกรถก็ใช้การไม่ได้ จนต้องใช้วิธีพรมน้ำมนต์แก้
นอกจากนี้ยังเล่าว่าเคยมีคนมาลบหลู่ตุ๊กตาแอนาเบลที่พิพิธภัณฑ์ แล้วพอออกไปปรากฏว่าประสบอุบัติเหตุตาย
ภาพแนบ: ภาพจากภาพยนตร์ The Conjuring
เรื่องแอนาเบลถูกตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถืออยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีการนำเรื่องราวดังกล่าวไปดัดแปลงอย่างแพร่หลาย กลายเป็นภาพยนตร์ชุด The Conjuring (สังเกตนะครับว่ามีการดัดแปลงหน้าตาของตุ๊กตาต่างจากต้นฉบับ)
ตำนานเมืองเรื่องวัตถุผีสิงยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น เรื่องตุ๊กตาผีของไทยที่ว่ากันว่ามีวิญญาณเด็กหญิงเขมรสิงอยู่ กลายเป็นละครผีที่ทำคนขนหัวลุกกันทั้งบ้านทั้งเมืองเมื่อปี 1988 ด้วยประโยค “หนูอยากกลับบ้าน...”
ภาพแนบ: ภาพวาดของการทดลองนี้
*** Russian Sleep Experiment ***
เรื่องที่ 3 เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการทดลอง ...ท่านเคยสงสัยไหมครับว่าถ้าคนเราอดนอนไปนานๆ จะเกิดอะไรขึ้น
เล่ากันว่าในช่วงทศวรรษ 1940s ทางการโซเวียตเคยนำตัวนักโทษการเมือง 5 คนมาทดลอง เพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนเราไม่ได้อดนอนติดต่อกัน 30 วัน
นักโทษเหล่านี้จะได้รับแก๊สสารกระตุ้นให้ตื่นตัวอยู่เรื่อยๆ ซึ่งทางการให้คำมั่นว่าจะมีการปล่อยตัวพวกเขาเป็นอิสระหลังสิ้นสุดการทดลอง
ภาพแนบ: ว่ากันว่านี่เป็นห้องทดลองในเรื่องนี้
ในวันแรกๆ ผู้ถูกทดลองยังทำตัวเป็นปกติ สามารถสื่อสารกับผู้วิจัยผ่านกระจกที่ติดไว้
อย่างไรก็ตามพวกเขาค่อยๆ คุยกันในหัวข้อที่มืดหม่นขึ้นเรื่อยๆ จนย่างเข้าวันที่ 10 ผู้รับการทดลองคนหนึ่งกรีดร้องออกมายาวนานจนเส้นเสียงขาดและพิการเป็นใบ้ไป โดยที่เพื่อนร่วมห้องไม่ได้ตื่นตกใจอะไร
เข้าสู่วันที่ 15 นักวิจัยลองปิดสารกระตุ้นและเปิดเข้าไปดูในห้อง กลับพบว่าผู้รับการทดลองนั้นไม่อยากให้ปิดแก๊สเพราะกลัวว่าจะหลับ และเมื่อมองเข้าไปดู ผู้วิจัยก็ต้องขนหัวลุกเมื่อพบว่ามีผู้ถูกทดลองตัดอวัยวะของตนเองและคว้านท้องตัวเองออกมา รวมทั้งกินเนื้อตัวเองและเพื่อนรับการทดลองที่ตายไปคนหนึ่งด้วย พวกเขาขอให้กลับมาเปิดแก๊สกระตุ้นอีกครั้ง ทั้งยังไม่ยอมถูกนำตัวออกจากห้องทดลอง จนถึงกับฆ่าทหารคนหนึ่งที่พยายามเอาตัวออกจากห้องด้วย
ภาพแนบ: รูปที่เชื่อกันมากว่ามาจากเรื่องนี้
หลังจากทีมวิจัยเอาตัวพวกเขาออกมาได้ในที่สุด นักโทษทุกคนก็ดูมีกำลังวังชาผิดมนุษย์, ดื้อต่อยานอนหลับทุกชนิด และยังมีชีวิตอยู่แม้ดูเจ็บป่วยหนัก รวมทั้งมีความต้องการอย่างแรงกล้าในการตื่นและได้รับสารกระตุ้นต่อ ทั้งยังกลัวว่าถ้าตัวเองนอนหลับไปจะต้องตาย
พวกทหารที่คุมการทดลองสั่งให้นำตัวพวกเขากลับเข้าห้องรมแก๊สอีกครั้งเพื่อจะให้ทดลองต่อจนครบ 30 วัน พร้อมทั้งจะให้นักวิจัยเข้าไปด้วย คราวนี้นักวิจัยเลยใช้ปืนยิงทหารเพราะกลัวติดอยู่ข้างในกับคนเหล่านี้ซึ่งคงจะเรียกได้ว่ากลายเป็นอมนุษย์ไปแล้ว
เรื่องนี้จบลงโดยที่นักวิจัยถามผู้ถูกทดลองว่าเขารู้ไหมว่าตัวเองเป็นใคร แต่คนรับการทดลองตอบว่า “ข้าน่ะเหรอ ข้าก็คือสิ่งที่อยู่ในตัวพวกแกมาตลอด แต่พวกข้าถูกกดไว้ด้วยการนอนหลับอย่างไรล่ะ!” นักวิจัยจึงใช้ปืนยิงนักโทษผู้รับการทดลองเสีย ก่อนตายนักโทษพึมพำว่า “...เกือบเป็นอิสระแล้ว…”
1
ภาพแนบ: คนคอสเพลย์เป็นสเลนเดอร์แมน
*** Slender Man ***
เรื่องที่ 4 เป็นเรื่องราวของ "สเลนเดอร์แมน" ซึ่งปรากฏในสื่อสมัยใหม่หลายทาง
มันเป็นตัวละครที่มีพลังเหนือธรรมชาติ ตัวผอม สูงผิดธรรมชาติ มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ ศีรษะและหน้าไม่มีอวัยวะใดๆ มืออาจเป็นมือเช่นคนปกติ หรือเป็นหนวดแบบปลาหมึกก็ได้
มันมักสวมเสื้อสูทสีดำ มีพฤติกรรมย่องตามผู้อื่น ลักพาตัวหรือทำร้ายคน โดยเฉพาะเด็ก
ภาพแนบ: กราฟิตีรูปสเลนเดอร์แมน
มีตำนานเล่าไปว่า Slender Man อาศัยอยู่ตามป่าและสถานที่ถูกทิ้งร้าง และสามารถหายตัวย้ายที่ได้ ถ้าเข้าไปอยู่ใกล้ๆ ก็จะมีอาการหวาดระแวง ฝันร้าย และเห็นภาพหลอน เป็นต้น
เรื่องราวของเขามีการนำไปสร้างเป็นงานเขียน ศิลปะหรือเกมหลายเรื่อง นอกจากนี้ยังเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของวัฒนธรรมป๊อปสมัยใหม่ มีคนอินถึงขั้นก่ออาชญากรรมโดยอ้างว่าบูชาตัวละครนี้ด้วยในช่วงปี 2014
1
*** ตัดเข้าช่วงโฆษณา ***
เมื่อเขียนเรื่องคอมมิวนิสต์ เลยขอโฆษณาว่าหนังสือ "เชือดเช็ดเชเชน" ที่พิมพ์ครั้งก่อนขายหมดจากตลาดไปนานแล้ว มีแผนจะพิมพ์ใหม่ปลายปีนี้นะครับ ตอนนี้เปิดให้จองแล้ว
- หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องประวัติของชนกลุ่มน้อยเชเชน ตลอดจนประวัติศาสตร์รัสเซียยุคหลัง โดยเน้นบทบาทของปูตินในการต่อสู้เพื่อขึ้นครองอำนาจ, ปฏิรูปรัสเซีย, และทำสงครามปราบชาวเชเชน
- หนังสือเล่มนี้มีผู้วิจารณ์มากมายว่า "โหดสัสรัสเซีย"
- ผมตั้งใจจะเพิ่มเนื้อหาให้อัพเดทถึงปัจจุบัน แน่นอนว่ามีความโหดสัสมากขึ้นไปอีก
- พิมพ์เป็นสี่สีแน่นอน
- ปกพิมพ์สีเมทัลลิก ปั้มนูนและปั้มเงินที่ชื่อเหมือนเล่มสุริยันพันธุ์เคิร์ด รับรองว่าสวยมาก เหมาะแก่การสะสม สำนักพิมพ์ The Wild Chronicles 😉
- มีเซ็นลายเซ็นพิเศษประจำเล่มให้ครับ
- ราคาอยู่ที่ 389 บาท สั่งพรีออเดอร์ตอนนี้ลดเหลือ 369 บาท และฟรีค่าส่งในประเทศ (ปกติค่าส่ง 50 บาทครับ ส่วนต่างประเทศก็ตามจริง)
- สนใจชำระและใส่ที่อยู่ที่ link แนบได้เลย อนึ่งระบบนี้จะมีเมลคอนเฟิร์มไปแต่ช้าหน่อยนะครับ
นอกจากนี้ ยังขอโฆษณาว่าหนังสือ "ประวัติย่อก่อการร้าย War on Terror" ที่พิมพ์ครั้งก่อนขายหมดจากตลาดไปนานแล้ว มีแผนจะพิมพ์ใหม่ปลายปีนี้นะครับ
ตอนแรกว่าใกล้ๆ เสร็จแล้วค่อยทำโปร แต่เหตุการณ์ในอัฟกานิสถานและรำลึก 9/11 ทำให้มีคนถามมาเยอะเหลือเกิน เลยเปิดให้จองก่อน
- หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องประวัติของขบวนการก่อการร้ายสากลตั้งแต่ยุคอัลเคดามาต่อ ISIS
- ผมตั้งใจจะเพิ่มเนื้อหาให้อัพเดทถึงปัจจุบัน
- พิมพ์เป็นสี่สีแน่นอน
- ปกพิมพ์สีเมทัลลิก ปั้มนูนและปั้มเงินที่ชื่อเหมือนเล่มสุริยันพันธุ์เคิร์ด รับรองว่าสวยมาก เหมาะแก่การสะสม สำนักพิมพ์ The Wild Chronicles เราพิมพ์เองแล้วจะทำอะไรก็ได้ 555
- มีเซ็นลายเซ็นพิเศษประจำเล่มให้ครับ
- ราคาอยู่ที่ 389 บาท สั่งพรีออเดอร์ตอนนี้ลดเหลือ 369 บาท และฟรีค่าส่งในประเทศ (ปกติค่าส่ง 50 บาทครับ ส่วนต่างประเทศก็ตามจริง)
- สนใจชำระและใส่ที่อยู่ที่ link แนบได้เลย อนึ่งระบบนี้จะมีเมลคอนเฟิร์มไปแต่ช้าหน่อยนะครับ
และขอโฆษณาว่าหนังสือ “สุริยันพันธุ์เคิร์ด” หรือหนังสือเล่มใหม่ของผมออกแล้วนะครับ มีรายละเอียดดังนี้...
- เรื่องนี้เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ชาวเคิร์ด ผลงานเล่มล่าสุดในชุด The Wild Chronicles
- พิมพ์เป็นสี่สี!
- ยาวที่สุดเท่าที่พิมพ์มา ยาวกว่าพยัคฆ์ทมิฬสิ้นชาติราว 2 เท่า
- รูปโหดๆ ที่ทำให้เข้าใจสถานการณ์ดีขึ้น จะไม่เซนเซอร์ แต่จะรวมอยู่ท้ายเล่ม และมีคำเตือนก่อน
- มีลายเซ็นทุกเล่ม!
- ราคา 439 บาท รวมค่าส่งแล้ว
ท่านที่ต้องการพรีออเดอร์สามารถชำระ และใส่ที่อยู่ทาง link แนบได้เลย
อนึ่งชาวเคิร์ดเป็นชนกลุ่มน้อยในตะวันออกกลาง มีราว 30 ล้านคน หากไม่มีประเทศของตนเอง พวกเขาแตกเป็นหลายส่วนและถูกกดขี่อย่างหนัก แต่การถูกกดขี่เคี่ยวกรำนั้นทำให้พวกเขากลายเป็นนักรบที่เก่งกาจ
หนังสือเล่มนี้เขียนเรื่องราวของชาวเคิร์ดตั้งแต่ยุคตำนานจนถึงประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ซึ่งมีความพีคแล้วพีคอีก ผ่านสงครามใหญ่ๆ มากมาย เช่นสงครามอิรัก - อิหร่าน, สงครามอ่าวเปอร์เซีย, สงครามปราบซัดดัม, สงครามกลางเมืองอิรัก, สงครามปราบกลุ่มก่อการร้าย แต่ละสงครามที่ว่ามานี้มีสเกลใหญ่เป็นรองแค่สงครามโลก
ชาวเคิร์ดมีส่วนร่วมในสงครามเหล่านี้ทั้งหมดในฐานะชนกลุ่มน้อยที่ไม่รวยแต่รบเก่ง พอมีคนมาติดอาวุธให้เลยมักกลายเป็นไพ่โจ๊กเกอร์ที่เปลี่ยนผลชี้ขาดของสงคราม
อย่างไรก็ตามศัตรูอันดับหนึ่งของชาวเคิร์ดคือเผด็จการซัดดัม ฮุสเซนนั้นก็โหดมาก โหดโคตรๆ ใครเคยอ่านพยัคฆ์ทมิฬสิ้นชาติ หรือเชือดเช็ดเชเชน ผมบอกได้ว่าไอ้นี่ก็โหดไม่แพ้กัน หรือเผลอๆ โหดกว่า ดังนั้นการต่อสู้ของชาวเคิร์ดมันจึงเป็นเรื่องที่หลอนและดุเดือดมากๆ
หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ที่ผมได้ไปเยือนดินแดนเคอร์ดิสถานอิรัก (และหนีมิสไซล์มา) เมื่อต้นปี 2020 เพื่อนชาวเคิร์ดที่ผมสัมภาษณ์ทุกคนเป็นผู้รอดชีวิตจากทุกสงครามข้างต้น ทำให้มีข้อมูล ความเห็น และมุมมองของคนต่างๆ ที่ลึกกว่าในตำรา แน่นอนว่าประสบการณ์ของพวกเขาดาร์คมาก แต่เขาหลายคนไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น พวกเขาตีความสิ่งที่พบเจออย่างไร ลองตามอ่านดูนะครับ
"สุริยันพันธุ์เคิร์ด" ตั้งใจพิมพ์เป็นสี่สี เป็นหนังสือที่ยาวที่สุดตั้งแต่ผมเขียนสารคดีชุด The Wild Chronicles มา
อีกครั้งนะครับ ท่านที่ต้องการพรีออเดอร์หนังสืออย่างเดียว สามารถชำระ และใส่ที่อยู่ทาง link นี้ได้เลย 439 บาท รวมค่าส่งแล้ว (ในประเทศ) ถ้าบางท่านอยู่ต่างประเทศมีค่าส่งพิเศษจะแจ้งอีกที
ภาพแนบ: ชายชุดดำ
*** Men in Black ***
เรื่องที่ 5 นี้ไม่เชิงว่าเป็นตำนานเมืองอย่างเดียว แต่เป็นทฤษฎีสมคบคิดอย่างหนึ่งในอเมริกา... ว่ากันว่ามีชายสวมชุดสูทดำกลุ่มหนึ่งอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ คอยรังควาน ขู่เข็ญหรือบางทีก็ฆ่าพยานผู้รู้เห็น “เรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว”
อนึ่งชายชุดดำยังมีประวัติใช้เจ้าหน้าที่รัฐมาคุ้มครองความลับหรือดำเนินกิจกรรมแปลกๆ ให้แก่ตน ประหนึ่งว่าพวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงเอง และรัฐบาลอเมริกันพยายามปกปิดเรื่องมนุษย์ต่างดาวอยู่!
ภาพแนบ: ภาพวาดจากจินตนาการในเหตุการณ์เกาะโมรีปี 1947
เคยมีสารคดีระบุว่า เรื่องนี้อาจมีที่มาจากชายชื่อ ฮาโรลด์ ดาห์ล (Harold Dahl) ที่พาหมาไปตกปลาในเดือนมิถุนายน 1947 แถวเกาะโมรี รัฐวอชิงตัน สหรัฐ
ดาห์ลเล่าว่าเขาเห็นสิ่งแปลกปลอมรูปทรงโดนัทจำนวน 6 อันลอยอยู่บนท้องฟ้า ก่อนวัตถุอันหนึ่งจะตกลงมา ตามมาด้วยฝนและเศษโลหะ ซึ่งเขาถ่ายภาพวัตถุนั้นไว้ได้
วันรุ่งขึ้น มีชายชุดดำดักรอเขาที่ร้านอาหารในท้องถิ่น พร้อมกับกำชับว่าห้ามเขาแพร่งพรายเรื่องนี้ มิฉะนั้นแล้วสิ่งเลวร้ายจะเกิดขึ้นกับเขา (แต่ก็กลายมาเป็นเรื่องเล่าอยู่ดี)
ภาพแนบ: ป้ายเตือนที่แอเรีย 51 ระบุว่าได้รับอนุญาตให้ใช้กำลังถึงตายได้
นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีอีกหลายเรื่องที่ชาวอเมริกันเชื่อว่ารัฐบาลอยู่เบื้องหลัง อย่างเช่น "แอเรีย 51" ที่ถูกหวงห้ามด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ มักตกเป็นเป้าความเชื่อที่ว่ามันต้องเป็นที่คุมขังและทดลองสิ่งมีชีวิตต่างดาวหรือเอเลี่ยนแน่ๆ
นอกจากเรื่องนี้แล้วก็ยังมีเรื่องอื่นอีก เช่น The Montauk Project ซึ่งเชื่อว่ามีการทดลองอาวุธที่มีต่อจิตใจและการเดินทางข้ามเวลา ในเมืองมอนทาค รัฐนิวยอร์ก สหรัฐ ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจสำหรับซีรีย์ Stranger Things
ภาพแนบ: การทดลองในซีรีส์ Stranger Things
ความน่าสนใจสำหรับเรื่องราวในแนวว่ารัฐบาลกำลังเก็บงำความลับ คือ ช่วงหลังๆ ได้มีสารคดีออกมาเปิดเผยว่าแท้จริงแล้วหลักฐานบางส่วนเกี่ยวกับยูเอฟโออาจเป็นความพยายามของรัฐบาลในการสร้างขึ้นมาให้ประชาชนเชื่อเองเลยด้วยซ้ำก็เป็นได้!
...นี่แปลว่ารัฐบาลมองว่าการที่คนเชื่อเรื่องยูเอฟโอเป็นเรื่องเล็ก แต่มีเรื่องใหญ่กว่านั้นซ่อนอยู่เบื้องหลังอีก!?
ภาพแนบ: เรื่องแปลกๆ อีกมากที่เรายังไม่รู้เกิดขึ้นในเวลากลางคืน
*** แน่ใจเหรอว่าคุณอยู่บ้านคนเดียว? ***
เรื่องหมวดที่ 6 แบ่งเป็นเรื่องย่อยอีก 3 เรื่อง ที่ผมจะเรียกรวมๆ กันว่าเป็นแนว “แน่ใจเหรอว่าคุณอยู่บ้านคนเดียว?” คนที่ได้ฟังเรื่องเหล่านี้โดยที่อยู่บ้านหรือห้องเช่าคนเดียวก็ขอให้ทำใจนะครับ
เรื่องแรกที่นำมานี้ เป็นเรื่องที่ผู้อาศัยสังเกตว่าของในบ้านหายไป รวมทั้งได้ยินเสียงแปลกๆ มาจากห้องด้านบน... เขาอยากทดสอบดูว่าไม่ได้คิดไปเอง จึงตั้งกล้องบันทึกภาพไว้ สุดท้ายเขาถึงกับต้องสะพรึงเมื่อมีร่างเงาเคลื่อนที่ขึ้นลงจากห้องใต้หลังคา!
เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องของเด็กหอ ใจความว่า ค่ำคืนหนึ่ง เด็กหอคนหนึ่งกลับที่พักมาตอนดึกๆ หลังไปสังสรรค์เมามายกันมา กลับมาเห็นเพื่อนร่วมห้องนอนก็นึกว่าหลับเฉยๆ และทิ้งตัวลงนอนบ้างเหมือนกัน
แต่ตื่นมาตอนเช้าเขาก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อพบว่าเพื่อนร่วมห้องนั้นโดนเชือดคอตายไปแล้ว แถมบนผนังยังมีข้อความเขียนด้วยเลือดว่า “ดีใจมั้ยที่ไม่ได้เปิดไฟ?” (Aren’t you glad you didn’t turn on the light?)
1
และเรื่องที่ 3 เล่าว่า มีเด็กหญิงคนหนึ่งต้องอยู่บ้านคนเดียวโดยมีสุนัขเป็นเพื่อน ช่วงนั้นมีฆาตกรลอยนวลอยู่แถวนั้น เธอจึงปิดล็อกประตูและหน้าต่างทุกบาน แต่ลืมล็อกบานที่อยู่ในชั้นใต้ดิน
เธอนำสุนัขเข้าไปนอนด้วยโดยให้อยู่ใต้เตียง ซึ่งช่วงกลางดึกเธอตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงน้ำหยดตึ๋งๆ ในห้องน้ำ เธอกลัวไม่กล้าไปดู เลยยื่นมือไปใต้เตียงเพื่อดูว่าสุนัขยังอยู่ดีไหม ซึ่งก็ได้รับการเลียตอบมา
ตื่นขึ้นมาเธอเดินเข้าไปดูในห้องน้ำ ก็พบว่าสุนัขของเธอถูกฆ่าตายแล้ว และเลือดค่อยๆ หยดลงพื้น บนผนังมีเลือดสดๆ เขียนว่า “คนก็เลียได้เหมือนกัน” (Humans can lick too)
*** เรื่องแนวที่พักหลอน ***
เรื่องที่ 7 เรื่องสุดท้าย จะขอปิดท้ายด้วยเรื่องราวแนวที่ผมขอเรียกว่า "ที่พักหลอน" ซึ่งมักเกิดขึ้นกับที่ที่อยู่ค่อนข้างห่างไกลความเจริญ
เรื่องราวมีอยู่ว่า เด็กหญิงคนหนึ่งอาศัยอยู่กับแม่ของเธอในอพาร์ตเมนต์ในญี่ปุ่น วันหนึ่งเธอขอแม่ออกไปเล่น แล้วไม่ได้กลับมา
แม่เธอแจ้งตำรวจออกตามหาแต่หาแล้วก็ไม่พบ สามเดือนต่อมา คนในอพาร์ตเมนต์ร้องเรียนว่าน้ำก๊อกของตึกมีกลิ่นและรสแปลกๆ และเมื่อตรวจสอบแท็งค์น้ำด้านบนพบว่ามีศพเด็กคนหนึ่งกำลังย่อยสลายอยู่
...ศพนั้นคือเด็กคนที่หายไปเมื่อสามเดือนก่อนนั่นเอง
ภาพแนบ: การคอสเพลย์ตัวละครใน creepypasta
*** ตำนานเมือง: เรื่องจริงหรืออำกันเล่น? ***
ตำนานที่ผมได้ยกมาเล่านี้ บางเรื่องมาจากงานเขียนแนวสยองขวัญ หรือที่เรียกว่า creepypasta ซึ่งเขียนได้ดีจนคนลือต่อๆ ไปแล้วเชื่อว่าเป็นจริง อย่าง Slender Man และ Russian Sleep Experiment เป็นต้น
เรื่องชายชุดดำนั้นนายดาห์ลผู้เล่าเรื่องออกมายอมรับภายหลังว่าเป็นเรื่องที่กุขึ้นเอง แต่มีผู้วิเคราะห์ว่าที่มันแพร่หลายมากแม้จะเป็นเรื่องแต่ง เพราะชาวอเมริกันส่วนหนึ่งมีความรู้สึกไม่ไว้ใจรัฐบาลกลาง เห็นว่ามีอำนาจมากเกินไป หรือเข้ามาก้าวก่ายในชีวิตของตนมากเกินไป จึงทำให้มักมีทฤษฎีสมคบคิดแปลกๆ ผุดขึ้นตามมาตลอด
แต่หลายเรื่องมีเค้าความจริงเหมือนกัน อย่างเรื่องมีคนซ่อนอยู่ในบ้านนี่ เมื่อปี 2008 ที่ญี่ปุ่นก็มีข่าวว่า เจ้าของบ้าน (ที่อาศัยอยู่คนเดียว) คนหนึ่งได้ตั้งกล้องนิรภัย ทำให้พบว่ามีหญิงแปลกหน้าอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันมาเป็นปี โดยซ่อนอยู่ในตู้เก็บถ้วยชาม
เรื่องบลัดดี แมรี มีตำนานจริง เรื่องตุ๊กตาผีสิงแอนาเบลก็มีการอ้างว่ามีวิญญาณจริง ซึ่งเป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ แต่เพิ่งจะมาดังก็เอาตอนที่มีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์แล้ว
สำหรับตำนานดื่มน้ำจากศพนี่ ผมเสียใจที่ต้องเรียนว่ามีเค้าความจริงเหมือนกัน คือเมื่อปี 2013 มีผู้อยู่อาศัยในโรงแรมเซซิล เมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ ร้องเรียนว่าน้ำก๊อกของโรงแรมมีความดันต่ำ, มีสีดำและส่งกลิ่นแปลกๆ
1
เมื่อทางโรงแรมไปตรวจแท็งค์น้ำบนดาดฟ้าจึงพบศพของนักศึกษาคนหนึ่งชื่อ เอลิซา แลม ที่หายตัวไปจากโรงแรมราวครึ่งเดือนก่อน! (แปลว่าช่วงนั้นผู้อยู่อาศัยดื่มน้ำจาก…)
ซึ่งล่าสุดสารคดี Crime Scene: The Vanishing at the Cecil Hotel วิเคราะห์ว่า เอลิซา แลม น่าจะมีอาการป่วยทางจิต กลัวว่ามีคนปองร้าย จึงหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในแท็งค์น้ำบนดาดฟ้า แต่ออกมาไม่ได้จนตายในที่สุด
*** บทส่งท้าย ***
ถึงแม้ตำนานเมืองเหล่านี้จะปลุกเร้าให้เกิดอารมณ์ด้านลบ เช่น ความสยองขวัญ ความกลัว ความขยะแขยง แต่นี่แหละคือสิ่งที่หลายคนก็ต้องการ (ดูอย่างคนที่ชอบดูหนังผีหรือสยองขวัญสิครับ)
สำหรับคนที่ขวัญอ่อน ผมขอแนะนำว่าไม่ต้องนำเรื่องราวเหล่านี้เก็บไปคิดมาก เรื่องพวกนี้ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องไกลตัวเราทั้งสิ้น เชื่อผมเถอะ
...คืนนี้หลับฝันดีครับ...
::: อ้างอิง :::
- usatoday (ดอต) com/story/life/movies/2017/08/07/annabelle-creation-true-story-evil-doll-star/543202001/
- history (ดอต) com/news/men-in-black-real-origins
- doyouremember (ดอต) com/68308/10-creepy-urban-legends-turned-true/2?amp=1
- theguardian (ดอต) com/film/2014/aug/14/men-in-black-ufo-sightings-mirage-makers-movie
ท่านที่สนใจอ่านเรื่องราวแปลกๆ จากรอบโลกสามารถสมัครเข้ากลุ่ม illumicorgi
อนึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่ม exclusive ผมจะใช้ลงบทความพิเศษ ซึ่งมีเนื้อหาเจาะลึกกว่าที่ลงในเพจ The Wild Chronicles และบทความส่วนใหญ่ในกลุ่มจะเกี่ยวกับธีมของหนังสือที่ผมกำลังเขียน
ผู้ที่ต้องการสมัครเข้ากลุ่มให้ทำดังนี้เลยนะครับ
(1) กดสมัคร Line OA ของ The Wild Chronicles มาทาง link นี้ https://lin.ee/fNEO1jr
(2) กด add เป็นเพื่อน
(3) กด chat
(4) จากนั้น พิมพ์ชื่อที่ท่านใช้ใน Facebook มาทางช่องแชทของ Line OA เพื่อให้ทีมงานบ่งชี้ได้ว่าบัญชีของท่านสมัครมาแล้ว
(5) จากนั้นจะมีแอดมินมาคุยกับท่าน ให้แจ้งประเภทสมาชิกที่ท่านต้องการสมัคร แอดมินจะส่ง link เพื่อชำระค่าสมาชิก และแนะนำวิธีการเข้ากลุ่มต่อไป
::: ::: :::
สนใจอ่านเรื่องประวัติศาสตร์ สงคราม เรื่องต่างประเทศ กดติดตาม เพจ The Wild Chronicles ได้เลยนะครับ https://facebook.com/pongsorn.bhumiwat
โฆษณา