30 ต.ค. 2021 เวลา 14:04 • กีฬา
10 เรื่องลี้ลับในวงการกีฬา ต้อนรับฮาโลวีน 2021
31 ตุลาคมของทุกปีถือเป็น วันฮาโลวีน อันเป็นเทศกาลสำคัญของคนโลกตะวันตก เป็นเทศกาลที่มาจากความเชื่อที่ว่า โลกของคนเป็นและคนตายมาบรรจบเข้าหากันมากที่สุด เป็นเหตุให้มนุษย์เดินดินต้องแต่งตัวเป็นผีเพื่อหลอกผี ก่อนที่ความหมายของยุคสมัยจะเปลี่ยนไป จนกลายมาเป็นเทศกาลแฟนซีแต่งตัวสร้างสีสันในทุกสิ้นเดือนตุลาคม
1
กระนั้นหากพูดถึงเทศกาลฮาโลวีน เรื่องของความสยองขวัญมักจะเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวถึง มีการบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านสื่อ ทั้งภาพยนตร์ รวมถึงสื่ออื่น ๆ ออกมาต้อนรับเทศกาลนี้กันแทบทุกปี
Main Stand จึงไม่พลาดขอหยิบ 10 เรื่องราวชวนขนลุกในวงการกีฬามาต้อนรับเทศกาลฮาโลวีนในปีนี้ บางเรื่องคุณอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว บางเรื่องอาจไม่คุ้นหู แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม รับประกันได้ว่าจะทำให้คุณรู้สึกหลอนได้บ้างไม่มากก็น้อย
ผี เอ็ดดี้ แพลงค์
เอ็ดดี้ แพลงค์ คือนักเบสบอลชาวอเมริกันยุคบุกเบิกช่วงที่เพิ่งมีลีกอาชีพ กับตำแหน่งพิชเชอร์หรือคนขว้างลูก เขาลงเล่นในลีกอาชีพนานถึง 17 ปี ตั้งแต่ปี 1901 จนถึงปี 1917
โชคร้ายที่หลังจากเลิกเล่นเบสบอลได้แค่ 9 ปี เอ็ดดี้ก็ป่วยเป็นโรคร้าย จนกระทั่งเขาเส้นเลือดในสมองแตกในปี 1926 ลาจากโลกนี้ไปท่ามกลางความเศร้าของโลกเบสบอล
ชื่อของ เอ็ดดี้ แพลงค์ หายไปจากโลกกีฬาอย่างช้า ๆ จนกระทั่งในปี 1996 มีชายคนหนึ่งซื้อบ้านเก่าของแพลงค์มาเป็นบ้านของตัวเอง และเขาก็พบว่าทุกครั้งที่เป็นช่วงเวลาที่มีการแข่งเบสบอล MLB ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล ตัวเขาและสมาชิกคนอื่นในบ้าน จะได้ยินเสียงของพิชเชอร์กำลังขว้างลูกเบสบอลอยู่ในบ้านเสมอ
เรื่องราวเป็นแบบนี้ทุกวันที่มีการแข่งเบสบอล โดยที่พวกเขาไม่พบใครเลย จนคนในบ้านสรุปกันว่า ผีของ เอ็ดดี้ แพลงค์ ต้องกำลังเล่นเบสบอลอยู่ในบ้านแน่นอน
กระทั่งเข้าสู่วันแรกของการเปิดฤดูกาลของ MLB ในปี 2019 เสียงของพิชเชอร์ลึกลับในบ้านก็หายไป ทั้งที่ตลอดเกือบ 2 เดือนก่อนหน้านั้น ผีของ เอ็ดดี้ แพลงค์ ต้องปรากฏตัวเป็นเสียงออกมาเสมอ ทำให้สมาชิกในบ้านสรุปกันเอาเองว่า เอ็ดดี้ แพลงค์ อาจจะเลิกฝึกซ้อมแล้วไปลงสนามแข่งจริง ๆ แล้วเมื่อฤดูกาลเริ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามครอบครัวที่อาศัยในบ้านของ เอ็ดดี้ แพลงค์ ก็ตัดสินใจย้ายออกและปล่อยให้เป็นบ้านร้างมาตั้งแต่นั้น
ทั้งนี้ในปี 2005 ก็ได้มีการล่าท้าผี เอ็ดดี้ แพลงค์ เกิดขึ้น ก่อนที่คนทรงจะอ้างว่าได้ติดต่อกับ เอ็ดดี้ แพลงค์ และเผยว่านักเบสบอลรายนี้ยังทำใจไม่ได้กับอดีตที่เขาเคยแพ้ในการชิงแชมป์เวิลด์ซีรีส์ แม้เคยคว้าแชมป์มาแล้วถึง 3 ครั้ง ในปี 1910, 1911, 1913 และยังคงเล่นเบสบอลต่อมาจนถึงทุกวันนี้ เพื่อหวังจะได้โอกาสแก้มืออีกสักครั้ง ?
คำสาปเจ้าแพะน้อย
อีกหนึ่งตำนานความหลอนจากวงการเบสบอล กับเรื่องราวอันเป็นที่รู้จักกันดี สำหรับ "Curse of the Billy Goat" โดยเฉพาะในหมู่แฟนของ ชิคาโก คับส์ ที่จะไม่มีทางลืมเรื่องนี้ไปตลอดกาล
ย้อนไปในปี 1945 มีชายคนหนึ่งนามว่า วิลเลียม เซียนิส ได้เข้ามาชมการแข่งขันเกมนัดที่ 4 ของเวิลด์ซีรีส์ ที่สนามเหย้าของทีมคับส์ ที่ต้องเจอกับ ดีทรอยต์ ไทเกอร์ส ซึ่งเขาไม่ได้เข้าไปชมแบบตัวเปล่า แต่พา แพะ สัตว์เลี้ยงของเขาเข้ามาในสนามด้วย
ตลอดทั้งเกมแพะของเซียนิสส่งเสียงร้องดังไม่หยุด จนทำให้ผู้ชมรายอื่นไม่พอใจ สุดท้ายทางเจ้าหน้าที่ของคับส์ได้มาขอร้องให้เซียนิสพาแพะของเขาออกไปจากสนาม
เซียนิสโมโหอย่างมาก เขารู้สึกว่าแพะของเขาถูกทำร้าย ทำให้หลังจากถูกเชิญออกจากสนาม เซียนิสจึงทำการสาปแช่งทีม ชิคาโก คับส์ ในทันที
"ไอ้พวกคับส์ มันจะไม่ชนะอีกต่อไป พวกมันจะแพ้เวิลด์ซีรีส์ในปีนี้ และจะไม่ชนะอีกเลยหลังจากนี้ เพราะพวกมันทำร้ายแพะของฉัน" เซียนิส กล่าวด้วยความโกรธแค้น
คำสาปเริ่มทำงานทันที ด้วยการส่งให้ ชิคาโก คับส์ แพ้ในรอบชิงชนะเลิศเวิลด์ซีรีส์แก่ ดีทรอยต์ ไทเกอร์ส หลังจากนั้นเป็นต้นมา ชิคาโก คับส์ ก็ไม่เคยชนะเวิลด์ซีรีส์อีกเลย หรืออันที่จริงต้องบอกว่า แค่กลับเข้าไปชิงแชมป์เวิลด์ซีรีส์ในฐานะแชมป์ National League พวกเขายังไม่เคยทำได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
จากทีมที่เคยยิ่งใหญ่ เคยคว้าแชมป์ลีกมาถึง 16 สมัย กลับตกต่ำอย่างเหลือเชื่อ ทุกคนเชื่อว่า ชิคาโก คับส์ โดนคำสาปเข้าอย่างจัง ทำให้ไม่มีแชมป์ใดมาถึงมือพวกเขาอีกเลย
หลังจากนั้นทีมคับส์ลองแก้คำสาปอยู่หลายครั้ง เช่น การพาลูกหลานของ วิลเลียม เซียนิส มาช่วยแก้คำสาป, การนำแพะมาวิ่งเล่นในสนาม, พาบาทหลวงมาพรมน้ำมนต์ไล่ความชั่วร้าย แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นผล เป็นเวลายาวนานกว่า 70 ปีที่คับส์ไม่มีโอกาสได้เฉลิมฉลองแชมป์เลยแม้แต่ถ้วยเดียว
1
กระทั่งปี 2016 ที่ผ่านมา คำสาปได้เสื่อมคลายลง หลังจาก ชิคาโก คับส์ สามารถคว้าตำแหน่งแชมป์ National League และเข้าชิงเวิลด์ซีรีส์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 71 ปี ก่อนที่ทีมจะสามารถคว้าแชมป์เวิลด์ซีรีส์ได้ในที่สุด
1
ผีคริกเกตในโรงแรมอังกฤษ
คริกเกตถือเป็นกีฬาเก่าแก่ของประเทศอังกฤษ เป็นความภาคภูมิใจของดินแดนผู้ดี แน่นอนว่าคนในประเทศย่อมอยากเห็นอังกฤษเป็นแชมป์ในฐานะต้นตำรับของกีฬานี้ แต่ว่ามันไม่ใช่แค่กับคนปกติน่ะสิ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีนักคริกเกตจากต่างแดนจำนวนมากที่เล่าเรื่องราวว่า พวกเขาไปแข่งขันคริกเกตที่ประเทศอังกฤษแล้วโดนผีหลอกในโรงแรม
เชน วัตสัน คือนักคริกเกตคนแรกที่บอกเล่าเรื่องราวนี้ นักคริกเกตจากออสเตรเลียอ้างว่าโดนผีหลอกตลอดทั้งคืน ขณะที่มาแข่งขันในประเทศอังกฤษ ด้านสื่อออสเตรเลียที่มาทำข่าวก็เผยว่าเห็นผีผู้หญิงอยู่ในโรงแรมเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามคนท้องถิ่นให้คำอธิบายว่า นั่นคือผี ลิลลี่ ลัมลีย์ ผีจอมเฮี้ยนทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ ที่ถูกบาทหลวงฆ่าตายในโบสถ์และไม่ยอมไปผุดไปเกิด แต่ในความเป็นจริงยังมีนักคริกเกตคนอื่นที่โดนผีหลอกเช่นกัน
เช่น นักคริกเกตจากอินเดียที่บอกว่า ก็อกน้ำในห้องของเขาเปิดเองอยู่ตลอดทั้งคืนจนนอนไม่หลับ แถมพอผ่านไปเรื่อย ๆ ยังเจอไฟในห้องเปิดปิดเองอีก
และไม่ใช่แค่นักคริกเกตรายเดียวที่เจอเรื่องแบบนี้ เพราะนักคริกเกตจากทีม เวสต์ อินเดียน หรือทีมจากคาบสมุทรแคริบเบียนก็เจอเหตุการณ์แบบเดียวกันกับที่นักคริกเกตชาวอินเดียเคยเจอเป๊ะ ๆ แต่ว่าพวกเขาไม่ได้พักโรงแรมเดียวกันแต่อย่างใด
บทสรุปก็คือ มีนักคริกเกตจำนวนไม่น้อยเล่าเรื่องราวว่า พวกเขาเจอเหตุการณ์แปลก ๆ ในโรงแรม จนสุดท้ายนำไปสู่สิ่งเดียวกันคือ ทำให้นักคริกเกตเหล่านี้นอนไม่พอ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นแค่ความบังเอิญหรือเป็นการตัดกำลังของสิ่งลี้ลับในประเทศอังกฤษ
1
เอฟฟี่ ผีเฮี้ยนแห่งโอคลาโฮมา
เรื่องผีกับโรงแรมถือเป็นของคู่กัน และไม่ใช่แค่ที่อังกฤษที่เดียวที่มีผีคอยตัดแข้งตัดขาทีมคู่แข่งที่มาเยือนถิ่น แต่รวมถึงผีในโอคลาโฮมาซิตี้ รัฐโอคลาโฮมา ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน
เรื่องราวเกิดขึ้นจากการที่ทีมบาสเกตบอลหลายทีมใน NBA ได้มาพักที่โรงแรม Skirvin Hilton Hotel โรงแรม 5 ดาวสุดหรูหราประจำเมือง ซึ่งกลายเป็นเหมือนโรงแรมที่ใครก็ต้องมาพัก หากต้องมาแข่งกีฬาที่โอคลาโฮมา
ชีวิตของทุกคนดูปกติดี ทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรจนกระทั่งตกดึก นักบาสหลายคนได้ยิงเสียงปิดประตูดังเกิดขึ้นหลายครั้ง บางคนได้ยินเสียงก็อกน้ำในห้องน้ำเปิดได้เอง บางคนได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงและเด็กทารกตลอดทั้งคืน
สิ่งที่เกิดขึ้นเชื่อกันว่าเป็นฝีมือของ เอฟฟี่ ผีผู้หญิงที่เชื่อกันว่าทางโรงแรมเป็นคนเลี้ยงไว้ และเธอก็ออกมาปั่นป่วนนักกีฬาที่มาแข่งขันในเมืองโอคลาโฮมาจนแทบจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว นักบาสใน NBA ที่มาแข่งที่เมืองนี้จะต้องเจอกับเหตุการณ์ชวนขนลุกหากเข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้
นอกจากนี้ คารอน บัตเลอร์ อดีตนักบาสของ โอคลาโฮมาซิตี้ ธันเดอร์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า นักบาสใน NBA ทุกคนรู้ว่าที่นั่นมีผี และเขาก็ขอบคุณผีรายนี้เป็นอย่างมากที่คอยตัดกำลังคู่แข่งให้อยู่เสมอ
ทั้งนี้ไม่ใช่แค่นักกีฬาต่างถิ่นที่โดนผีแอฟฟี่เล่นงาน แต่รวมถึงนักข่าวบางคนก็ได้มีประสบการณ์โดนผีหลอกหลอนในโรงแรมแห่งนี้เช่นเดียวกัน
โรงแรมหลอนแห่งมิลวอกี้
ไม่ใช่แค่ที่โอคลาโฮมาที่มีผีเฮี้ยนประจำโรงแรม เพราะที่มิลวอกี้ รัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็มีเรื่องราวหลอนของโรงแรมผี ที่คอยหลอกหลอนนักกีฬาจากต่างเมืองเช่นกัน
โรงแรม Pfister ถือเป็นโรงแรม 5 ดาวชั้นดีประจำเมืองมิลวอกี้ ที่ไม่มีใครเคยถูกผีหลอกที่นี่ ยกเว้นก็แต่นักกีฬาที่มาเยือนเมืองแห่งนี้และเจอกับของดีอยู่บ่อยครั้ง
ส่วนใหญ่คนที่โดนผีหลอกที่นี่ เป็นนักกีฬาที่จะมาเล่นกับทีมเบสบอลประจำเมือง มิลวอกี้ บรูเวอร์ส ที่ต้องพบเจอกับเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นผีอำจนนอนไม่หลับ, เตียงสั่นตลอดทั้งคืน, ไฟในห้อง รวมถึงวิทยุและโทรทัศน์เปิดเองได้, เสียงคนขูดผนังห้องตลอดทั้งคืน หรือแม้กระทั่งเห็นผีตัวเป็น ๆ
หนักที่สุดคงเป็น ไบร์ซ ฮาร์เปอร์ ซึ่งเป็นนักเบสบอลที่เคยมีประสบการณ์เข้าพักในโรงแรมแห่งนี้ และพบว่าเมื่อตื่นเช้าขึ้นมา เหมือนมีคนมาพังห้องของเขา เสื้อผ้าถูกรื้อกระจาย โซฟาและสิ่งของต่าง ๆ ในห้องถูกย้ายที่จนเละเทะไปหมด ทั้งที่เขายืนยันว่า ไม่มีใครเข้ามาในห้องของเขาตลอดทั้งคืน และเขาก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ที่สำคัญโต๊ะในห้องนอนของเขาถูกพบอยู่ที่ห้องอื่น แถมอยู่คนละชั้นกันด้วย
ปัจจุบันนักกีฬาเบสบอลจำนวนไม่น้อยปฏิเสธที่เข้าพักในโรงแรม Pfister หรือถ้าจะเข้าพักก็ไม่ขอนอนคนเดียวเป็นอันขาด ถึงกระนั้นโรงแรมแห่งนี้ก็กลายเป็นที่รักของคนมิลวอกี้ไปโดยปริยาย
คำสาปที่ทำให้ ดีทรอยต์ ไลออนส์ ไร้แชมป์จนถึงปัจจุบัน
ไม่เชื่อก็อย่าลองดี คำนี้ดูจะพอใช้ได้กับบางสิ่งบางอย่างที่มนุษย์ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ ประเทศไทยของเราอาจจะไม่คุ้นเรื่องการสาปแช่งเท่าไหร่นัก แต่ในโลกตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาถือเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อย และก็เป็นเรื่องราวที่คนถือกันอย่างมาก ดูได้จากหนังสยองขวัญที่นิยมเอาเรื่องคำสาปแช่งมาเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราว
วงการกีฬาก็มีหลายเหตุการณ์ที่คำสาปแช่งคอยจองล้างจองผลาญ หนึ่งในนั้นคือ ดีทรอยต์ ไลออนส์ ทีมอเมริกันฟุตบอลในลีก NFL เป็นอีกทีมที่มีผลงานไม่สู้ดีนักในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งก็มีแฟนกีฬาจำนวนมากเชื่อว่า ความตกต่ำของแฟรนไชส์นี้มาจากคำสาปแช่งเช่นกัน
เรื่องราวเริ่มต้นในปี 1958 ดีทรอยต์ ไลออนส์ ได้ทำการเทรด บ็อบบี้ เลย์น สุดยอดควอเตอร์แบ็คแห่งยุคสมัย เขาพาไลออนส์คว้าแชมป์ NFL มาแล้ว 3 ครั้ง และติดทีมออลโปรหรือทีมยอดเยี่ยมของ NFL มาแล้วถึง 4 สมัย ต่อมาเขาออกจากทีมไปอยู่กับ พิตส์เบิร์ก สตีลเลอร์ส
เลย์น ไม่พอใจอย่างมากที่เขาถูกเทรดออกจากทีม ทั้งที่ในฤดูกาลก่อนหน้านั้น เขาพาทีมคว้าแชมป์ NFL ด้วยความโกรธ บ็อบบี้ เลย์น จึงทำการสาปแช่งให้ ดีทรอยต์ ไลออนส์ ไม่คว้าแชมป์อะไรอีกหลังจากนั้น เป็นเวลาอย่างน้อย 50 ปี
จากนั้นเป็นต้นมาทุกอย่างกลับพลิกผันทันที จากที่เคยเป็นแชมป์ลีก 3 สมัยใน 6 ปีก่อนหน้านั้น ดีทรอยต์ ไลออนส์ ไม่เคยคว้าแชมป์อะไรได้อีกเลย ตามคำสาปของ บ็อบบี้ เลย์น ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ซูเปอร์โบวล์หรือแม้แต่แชมป์สาย NFC พวกเขาก็ไม่เคยชนะ
เท่านั้นยังไม่พอ ดีทรอยต์ ไลออนส์ ชนะการแข่งขันเพลย์ออฟเพียงแค่ครั้งเดียวนับตั้งแต่ปี 1958 เป็นต้นมา ทำให้ใครก็เชื่อว่า คำสาปของ บ็อบบี้ เลย์น เป็นของจริงแท้แน่นอน
ทุกอย่างมาเฮี้ยนสุดขีดในปี 2008 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของคำสาป ดีทรอยต์ ไลออนส์ ที่พวกเขาจบฤดูกาลด้วยสถิติ 0-16 หรือแพ้รวดทุกนัด ขณะที่ พิตส์เบิร์ก สตีลเลอร์ส ทีมที่เลย์นถูกเทรดออกไป กลับคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ในฤดูกาลเดียวกัน นอกจากนี้ในฤดูกาล 2006 ทีมสตีลเลอร์สก็เคยคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ที่สนามเหย้าของทีม ดีทรอยต์ ไลออนส์ มาแล้ว
เป็นที่เชื่อกันว่าความเชื่อมโยงระหว่างผลงานสุดห่วยของไลออนส์ กับความรุ่งเรืองของสตีลเลอร์ส เป็นความต้องการของ บ็อบบี้ เลย์น ที่ต้องการตบหน้า ดีทรอยต์ ไลออนส์ ให้ได้รับบทเรียนจากการเทรดเขาออกจากทีม
ถึงแม้ระยะเวลาคำสาปของ บ็อบบี้ เลย์น จะจบไปแล้ว แต่จนถึงทุกวันนี้ ดีทรอยต์ ไลออนส์ ก็ยังคงไม่สามารถคว้าแชมป์มาครองได้เหมือนเดิม
ฆ่าแมวดำเพื่อสร้างความล้มเหลว
การสาปแช่งบางครั้งก็มาจากแค่คำพูดธรรมดา ๆ แต่เรื่องของการสาปแช่งในบางครั้งก็มีพิธีกรรมมนต์ดำเข้ามาเกี่ยวข้อง คนไทยอย่างเรา ๆ คงคุ้นเคยกับการแช่งในรูปแบบนี้มากกว่า ที่ได้เห็นบ่อยครั้งในสื่อต่าง ๆ และที่ประเทศอาร์เจนตินาก็มีความเชื่อแบบนี้เช่นเดียวกัน
เรื่องราวเกิดขึ้นจากความรุ่งเรืองของ ราซิง คลับ สโมสรฟุตบอลในอาร์เจนตินา การคว้าแชมป์เป็นเรื่องปกติของสโมสรแห่งนี้ และปีที่ดีที่สุดของทีม ราซิง คลับ คือปี 1967 ที่พวกเขาสามารถคว้าแชมป์โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส หรือแชมป์ฟุตบอลถ้วยของทวีปอเมริกาใต้มาครองได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
และในปีเดียวกันนั้น ราซิง คลับ ก็ได้คว้าแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ ด้วยการเอาชนะ กลาสโกว์ เซลติก แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ หรือแชมป์ของทวีปยุโรป ประจำปี 1967
ความยิ่งใหญ่สุดขีดของ ราซิง คลับ สร้างความขุ่นเคืองให้กับแฟนบอลทีมคู่ปรับอย่าง อินดิเพนเดนเต และแฟนบอลเดนตายของสโมสรแห่งนี้พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อยุติความยิ่งใหญ่ของ ราซิง คลับ
ทำให้แฟนของ อินดิเพนเดนเต ได้รวมหัวกันฆ่าแมวดำ 7 ตัว และบุกเข้าไปในสนามของ ราซิง คลับ เพื่อฝังศพแมวทั้ง 7 ตัวไว้ใต้พื้นสนาม เป็นการสาปแช่งให้ทีมนี้เจอแต่เรื่องโชคร้าย
หลังจากปี 1967 เป็นต้นมา ราซิง คลับ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พวกเขาคว้าแชมป์มาครองไม่ได้แม้แต่ถ้วยเดียว แถมกระเด็นตกชั้นจากลีกสูงสุดอีกต่างหาก และหนักจนถึงขั้นล้มละลายในปี 1998
ท้ายที่สุดหลังจากฟาดเคราะห์เข้าไปอย่างหนักด้วยอิทธิฤทธิ์ของแมวดำ ... ราซิง คลับ ก็สามารถฟื้นกลับขึ้นมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้งในปี 2001 ปิดตำนานคำสาปจากแมวดำไปในที่สุด
สนามบอลผีสิงที่โบลิเวีย
ไม่ใช่แค่ที่อาร์เจนตินาที่มีเรื่องราวชวนหลอน แต่เพื่อนร่วมทวีปอเมริกาใต้อย่าง โบลิเวีย ก็เช่นเดียวกัน กับสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ อย่าง เอสตาดิโอ เฮอร์นานโด ซิเลส
เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 2014 หลังมีคนจับภาพได้ว่าพวกเขาเห็นเงาของผี เคลื่อนที่อยู่บนอัฒจันทร์ ซึ่งที่ผู้คนคิดว่าเป็นผีก็เพราะว่าเงานั้นวิ่งผ่านคนปกติที่ยืนดูฟุตบอลในสนามไปอย่างหน้าตาเฉย
ชมคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ที่นี่ : https://www.youtube.com/watch?v=aAIlGhHAnMc
แน่นอนว่าคนที่ไม่เชื่อเรื่องผี ก็มองว่านี่เป็นเงาสะท้อนของมนุษย์ที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ในตำแหน่งอื่น แต่ก็มีคนไม่น้อยที่เชื่อว่าเป็นผีจริง ๆ เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่อะไรแบบนี้เกิดขึ้นที่ เอสตาดิโอ เฮอร์นานโด ซิเลส ถึงกับลือกันเป็นตุเป็นตะว่าผีในสนามแห่งนี้คือผีของ ฮูโก ชาเวซ อดีตประธานาธิบดีของเวเนซุเอลาที่มาสิงอยู่ในสนามแห่งนี้ ด้วยความที่เป็นคนคลั่งรักในประเทศโบลิเวีย จึงมาสิงอยู่ที่สนามฟุตบอลประจำชาติ เพื่อช่วยให้โบลิเวียประสบความสำเร็จ
ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง ก็คงเป็นที่น่าสงสัยเหมือนกันว่า เหตุใด ฮูโก ชาเวซ ถึงไม่ยอมไปอยู่กับสนามกีฬาประจำชาติของเวเนซุเอลา แต่ดันไปเห็นโบลิเวียดีกว่าบ้านเกิด
สนามเบสบอลผีสิงแห่งโรเชสเตอร์
กลับมาที่สหรัฐอเมริกาอีกครั้ง เพราะที่นี่ไม่ได้มีแค่ผีในโรงแรมเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีผีในสนามเบสบอล ที่เมืองโรเชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก ที่เชื่อกันอย่างจริงจังว่า ฟรอนเทียร์ ฟิลด์ สนามเบสบอลประจำเมืองและของทีม โรเชสเตอร์ เรดวิงส์ ในไมเนอร์ลีกมีผีของแท้แน่นอน จนถึงกับต้องเอาไปเขียนบอกเล่าในหนังสือมาแล้ว
ทั้งที่สนามแห่งนี้ก็เพิ่งเปิดใช้งานในปี 1996 ไม่ได้มีความเก่าแก่อะไร แต่แฟนเบสบอลที่เข้าชมเกมในสนามแห่งนี้ ต่างก็เจอเรื่องเหนือธรรมชาติมากมาย เช่น เงาลึกลับที่เดินไปทั่วสนามในตอนกลางคืน, ไฟหรือโทรทัศน์ในห้องพักนักกีฬาเปิดขึ้นได้เอง หรือเสียงแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วสนาม
ฟรอนเทียร์ ฟิลด์ จึงกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายของชาวอเมริกันที่ชอบล่าท้าผี และหลายคนที่มาที่นี่ก็มั่นใจมากว่า สนามเบสบอลแห่งนี้มีผีสิงแน่นอน
ทุกอย่างมากระจ่างในปี 2005 หลังจากมีการปรับปรุงสนาม และได้พบว่าใต้พื้นของอัฒจันทร์มีกระดูกมนุษย์ถูกฝังอยู่จำนวนมาก
1
ไม่มีใครรู้ว่ากระดูกเหล่านี้มาจากไหน บางคนก็เชื่อว่าเป็นกระดูกของคนงานที่เสียชีวิต, บางคนเชื่อว่าเป็นกระดูกของคนที่ถูกฆ่าปิดปากแล้วเอามาฝังไว้ที่นี่ช่วงที่มีการสร้างสนาม, บางคนก็เชื่อว่าที่นี่เคยเป็นสุสานมาก่อนในอดีตเมื่อนานมาแล้ว ก่อนที่จะมีการสร้างสนามเบสบอลทับพื้นที่เดิม
ไม่ว่ากระดูกมนุษย์ที่พบจะมาจากไหน แต่ก็เป็นที่เชื่อกันว่า กระดูกเหล่านี้คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวเหนือธรรมชาติในสนามแห่งนี้แน่นอน และแม้ว่าจะมีการนำกระดูกออกไปจากพื้นที่ของสนามแล้ว แต่เหตุการณ์เหนือธรรมชาติก็ไม่ได้หายไปไหน
อย่างไรก็ตามการเป็นสนามเบสบอลผีสิง ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นจุดขายของสนามนี้ไปแล้ว และคนท้องถิ่นก็รักสนามแห่งนี้มากขึ้นอีกด้วย
คำสาปแห่ง เบล่า กัตต์มันน์
ปิดท้ายด้วยเรื่องราวที่หลายคนคงคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่เคยน่าเบื่อที่จะกลับมาเล่าซ้ำ เพราะนี่คือความเชื่อและเรื่องลี้ลับที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกฟุตบอล
เบล่า กัตต์มันน์ คือโค้ชฟุตบอลชาวฮังการีที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เขาพเนจรสร้างความสำเร็จไปกับหลายทีมทั่วยุโรป จนกระทั่งมาจบที่เบนฟิก้า สโมสรฟุตบอลชื่อดังของประเทศโปรตุเกส ในปี 1959 และพาทีมคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ หรือแชมป์ยุโรปถ้วยใหญ่ได้สำเร็จ พร้อมกับวางแผนที่จะลงหลักปักฐานกับสโมสรแห่งนี้
แต่ด้วยความขัดแย้งกับผู้บริหารที่ไม่ยอมเพิ่มเงินค่าจ้าง แถมไม่ซื้อนักเตะให้ตามที่เขาต้องการ เบล่า กัตต์มันน์ จึงประกาศลาออกในปี 1962 พร้อมกับแช่งให้เบนฟิก้าไม่ได้แชมป์ยุโรปไปอีก 100 ปี
นับตั้งแต่วันนั้น เบนฟิก้า ก็ไม่เคยได้แชมป์ในระดับทวีปอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นถ้วยไหนก็ตาม เข้าชิง 8 ครั้งแพ้รวดทุกครั้ง และโลกฟุตบอลก็เชื่ออย่างสุดใจว่า นี่เป็นผลจากคำสาปของ เบล่า กัตต์มันน์ อย่างแน่นอน
จนถึงตอนนี้เป็นเวลา 59 ปีแล้ว ที่คำสาปของ เบล่า กัตต์มันน์ ได้ดำเนินไป และไม่ว่าทีมเบนฟิก้าจะหาวิธีไหนมาลบล้างคำสาป ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยได้ผลเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เรื่องโดย ณัฐนนท์ จันทร์ขวาง
แหล่งอ้างอิง :
โฆษณา