4 พ.ย. 2021 เวลา 12:00 • ธุรกิจ
ทุกคนอาจจะคิดว่าแร็ปเปอร์ชื่อดังอย่าง Dr. Dre ประสบความสำเร็จเพราะการทำเพลงสุดฮิตให้กับทั้งตัวเองและศิลปินชื่อดังมากมาย แต่นั่นอาจจะเป็นเพียงในด้านของชื่อเสียง เพราะสิ่งที่ทำให้เขาเป็นแร็ปเปอร์ที่รวยที่สุดในทศวรรษนี้กลับไม่ใช่การทำเพลง!?
.
วันนี้ Career Fact จะมานำเสนอเรื่องราวของ Dr. Dre ศิลปินแร็ปเปอร์ผู้เลื่องชื่อกับเส้นทางสู่การเป็นแร็ปเปอร์ที่รวยที่สุดในทศวรรษนี้
.
.
#ความรักในเสียงเพลง
.
อังเดร โรเมลล์ ยัง (Andre Romelle Young) เกิดเมื่อปี 1965 ที่เมืองลอสแองเจลิสในรัฐแคลิฟอร์เนีย เขาเติบโตมากับดนตรีและเสียงเพลงเนื่องจากมีคุณพ่อและคุณแม่เป็นนักร้อง เขาจึงได้รับความคาดหวังว่าจะเดินเส้นทางนี้เช่นกัน
.
หลังจากที่พ่อแม่ของอังเดรแยกทางกัน เขาเลือกที่จะอาศัยอยู่กับคุณแม่และต้องย้ายบ้านบ่อยครั้งเพราะคุณแม่มีสามีใหม่หลายคน นั่นจึงทำให้เขาย้ายโรงเรียนเป็นประจำ
.
ถึงแม้จะดูมีแววในการเรียนวิชาศิลปะ แต่ความสนใจอังเดรนั้นไม่ได้อยู่ที่การเรียน เพราะสิ่งที่เขาอยากทำคือการทำเพลงตามรอยพ่อและแม่
.
.
#ปรมาจารย์ด้านการมิกซ์เพลง
.
ในช่วงคริสมาสต์ปี 1984 อังเดรที่อายุได้ 19 ปีก็ได้รับของขวัญเป็นเครื่องผสมสัญญาณเสียงหรือมิกซ์เซอร์ (mixer) จากนั้นเขาก็เปลี่ยนบ้านของเขาให้กลายเป็นสตูดิโอส่วนตัวโดยมักจะใช้เวลาหลายชั่วโมงในการนำเพลงและเสียงต่างๆ มาประกอบเป็นเพลงของตัวเอง
.
1
อังเดรเริ่มออกไปเที่ยวไนท์คลับในแอลเอที่มีชื่อว่า Eve After Dark เพื่อไปซึมซับบรรยาศการแสดงสดของเหล่าแร็ปเปอร์และดีเจที่วนเวียนกันมาหลายคน เขามาบ่อยจนกระทั่งรับงานเป็น DJ ที่คลับนี้ซะเลย โดยเขาใช้ชื่อในการแสดงว่า “Dr. J” ตามชื่อเล่นของนักบาสเก็ตบอลคนโปรดอย่างจูเลียส เออร์วิ่ง (๋Julius Erving)
.
เมื่อได้งาน DJ อังเดรก็ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนและหันมาทำสิ่งที่เขาชอบอย่างจริงจัง เขาสั่งสมชื่อเสียงจากการแสดงมาเรื่อยๆ และเปลี่ยนชื่อในวงการตัวเองเป็น “Dr. Dre” โดยมีฉายาว่า “Master of Mixology” หรือปรมาจารย์ด้านการมิกซ์เพลง
.
.
#โด่งดังดังจากGangstarRap
.
หนึ่งปีต่อมา อังเดรก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมวง World Class Wreckin' Cru และมีส่วนร่วมในการทำเพลงเวสต์โคสต์ฮิปฮอปอย่าง “Surgery” ที่สามารถขายได้ 5 หมื่นก็อปปี้ในแถบแอลเอตอนใต้ แต่อยู่ได้เพียงปีเดียวเขาก็แยกออกจากวง
.
ในปี 1986 อังเดรก็รวมทีมกับเพื่อนๆ ของเขาอย่าง Eazy-E, Ice Cube และแร็ปเปอร์อีก 4 คน ก่อตั้งวงแร็ปที่มีชื่อ N.W.A (Niggaz With Attitude) โดยสังกัดอยู่ในค่ายเพลง Ruthless Records ซึ่งการมีวงเป็นของตัวเองนั้นทำให้เขาสามารถทำเพลงได้ดั่งใจต้องการ เนื้อหาในเพลงของเขาซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องชีวิตจึงค่อนข้างรุนแรงและเปิดเผย
.
อย่างเช่นในอัลบั้มที่ 2 ของวงอย่าง Straight Outta Compton ที่ถูกปล่อยออกมาในปี 1988 ก็มีเพลง "F*** tha Police" ที่มีเนื้อหาเสียดสีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแน่นอนว่าเพลงนี้จุดฉนวนให้เกิดความขัดแย้งจนเจ้าหน้าที่ FBI ต้องส่งจดหมายตักเตือนมาถึงค่ายเพลง อย่างไรก็ตามอัลบั้นนี้ก็สามารถขายได้ถึง 2 ล้านก็อปปี้และถูกยกย่องให้เป็นก้าวสำคัญของแนวเพลงใหม่อย่าง “แก๊งสตาร์แร็ป”
.
.
#ศิลปินเดี่ยว
.
อังเดรต้องถอนตัวออกจากวงอีกครั้งเนื่องจากมีปัญหากับเพื่อนร่วมวงอย่าง Eazy-E เขาตัดสินใจก่อตั้งค่ายเพลงแร็ป Death Row Records ร่วมกับเพื่อนอีกคนในปี 1992 และปล่อยอัลบั้มศิลปินเดี่ยว “The Chronicle” โดยมีเพลงที่ฟีเจอริ่งกับสนูปด็อก (Snoop Dogg) อย่าง "Nuthin but a 'G' Thang," ที่ทำให้เขามีชื่อไปติดอันดับสูงสุดของชาร์ตเพลงฮิปฮอปยอดนิยม
.
ความสำเร็จในการทำเพลงของเขาไม่ได้หยุดแค่อัลบั้มแรก ในปี 1999 อังเดรปล่อยอัลบั้มที่สองของตัวเองที่มีชื่อว่า “2001” ซึ่งสามารถทำยอดขายถล่มถลายหลายล้านก็อปปี้และยังพุ่งไปติดทั้งชาร์ตเพลงฮิปฮอปและเพลงป็อป หลายปีต่อมา เขาก็เอาใจแฟนๆ ด้วยการประกาศทำอัลบั้มที่ 3 ของตัวเองที่มีชื่อว่า “Detox” แต่น่าเสียดายที่โปรเจ็คนี้ถูกเลื่อนและเลือนหายไปในกลีบเมฆ
.
.
#เบื้องหลังเพลงของแร็ปเปอร์ชื่อดัง
.
นอกจากการทำเพลงของตัวเองแล้ว อังเดรยังเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินคนอื่นๆ อีกด้วย ย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนอยู่ค่าย Ruthless Records เขาคือคนที่โปรดิวซ์เพลงส่วนใหญ่ของวง N.W.A นอกจากนั้น เขายังเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับศิลปินส่วนใหญ่ในค่ายอีกด้วย
.
เช่นเดียวกับตอนที่อยู่ค่าย Death Row Records ที่อังเดรเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง เขาเป็นโปรดิวเซอร์ให้อัลบั้ม “Doggy Style” ของศิลปินดังอย่าง Snoopdog และอัลบั้ม “All Eyez on Me” ของแร็ปเปอร์ผู้ล่วงลับอย่าง Tupac
.
ในภายหลัง อังเดรก็ลาออกมาก่อตั้งค่ายเพลงใหม่ของเขาที่มีชื่อว่า Aftermath Entertainment เขาเซ็นสัญญากับแร็ปเปอร์จำนวนมากแต่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคงไม่พ้น 50 Cent และ Eminem ซึ่งผลงานอัลบั้มฮิตไม่ว่าจะเป็น The Slim Shady LP ของ Eminem หรือ Get Rich or Die Tryin' ของ 50 Cent ก็ล้วนมาจากการโปรดิวซ์ของอังเดรทั้งหมด
.
.
#Beats
.
ในปี 2006 อังเดรได้รับข้อเสนอให้ร่วมทำธุรกิจรองเท้าสนีคเกอร์กับแบรนด์ยักษ์ใหญ่แบรนด์หนึ่ง แต่เขาปฏิเสธเพราะคิดว่าเขาสามารถสร้างแบรนด์เองได้ แถมทำได้ดีกว่าด้วย เขาจึงเริ่มไอเดียในการทำธุรกิจรองเท้าสนีคเกอร์และปรึกษาหารือกับเพื่อนโปรดิวเซอร์ที่มีชื่อ จิมมี่ โลวีน (Jimmy Lovine) ซึ่งจิมมี่ก็ตอบว่า “เราจะทำรองเท้าขายทำบ้าอะไร! ยุคนี้มันต้องขายหูฟังสิ!”
.
จิมมี่ให้หตุผลว่า ณ ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่การฟังเพลงจากไฟล์ MP3 กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนหมู่มาก สังเกตุได้จากการที่ยักษ์ใหญ่ทางเทคโนโลยีอย่าง Apple เปิดตัวเครื่องเล่นเพลง Ipod ตั้งแต่ปี 2001 พร้อมกับแถมหูฟังสีขาวที่ดูคุณภาพปานกลางมาด้วย ประเด็นคือคนส่วนใหญ่กลับเลือกที่จะใช้หูฟังนั้นแทนที่จะเสียเงินซื้ออันใหม่เพราะส่วนใหญ่คุณภาพก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ดังนั้นการทำหูฟังคุณภาพดีๆ ออกมาขายอาจจะทำให้พวกเขาซื้อหูฟังใหม่กันก็เป็นได้
.
อังเดรที่ได้ฟังแบบนั้นก็เห็นด้วยและเดือดดาลอย่างมากที่คุณภาพเพลงระดับสูงที่เขาทำถูกทำลายด้วยหูฟังกระจอกๆ นั่นจึงทำให้เขามีเป้าหมายที่จะทำหูฟังระดับพรีเมี่ยมออกมาเพื่อยกระดับการฟังเพลงของทุกคน โดยเขากล่าวว่า “คุณภาพเสียงที่คุณได้ยินต้องเหมือนกับสิ่งที่ศิลปินได้ยิน”
.
และแล้วหูฟังระดับพรีเมี่ยมของอังเดรก็เปิดตัวในปี 2008 โดยมีชื่อผลิตภัณฑ์ว่า Beats by Dr. Dre Studio headphones ภายใต้แบรนด์ Beats Electronics
.
ผลิตภัณฑ์ของเขาได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการโปรโมตผ่านศิลปินชื่อดังต่างๆ ทั้งในวงการเพลงฮิปฮอปและเพลงป็อป หลังจากนั้นก็มีผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Beats ออกมาอีกมากมายรวมถึงบริการสตรีมมิ่งเพลงออนไลน์อย่าง Beats Music ที่เปิดให้ใช้บริการในปี 2014
.
.
#ศิลปินที่รวยที่สุดที่ไม่ได้มาจากการเป็นศิลปิน
.
ในเดือนพฤษภาคมปี 2014 อังเดรก็ตัดสินใจขาย Beats ให้กับ Apple ด้วยราคา 3 พันล้านเหรียญ ส่งผลให้เขาทรัพย์สินส่วนตัวราวๆ 800 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 2.6 หมื่นล้านบาท ขึ้นเป็นแร็ปเปอร์ที่รวยที่สุดในโลกทันที
.
ทั้งหมดทั้งหมดนี้จึงทำให้อันเดรหรือ Dr. Dre เป็นนักดนตรีที่รวยที่สุดในทศวรรษที่ 2010s ด้วยทรัพย์สินส่วนตัวที่ถูกประเมินไว้ทั้งหมด 950 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 3 หมื่่นล้านบาท!! เรียกได้ว่าเขาคือศิลปินที่รวยที่สุดทั้งๆ ที่ไม่ได้มาจากการเป็นศิลปินอย่างแท้จริง
.
#careerfact #cariber
………………
Career Fact เพราะทุกอาชีพ... มีเรื่องราว
ติดตาม Career Fact ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/careerfact
.
อ้างอิง
โฆษณา