4 พ.ย. 2021 เวลา 02:00 • การตลาด
พลังแห่งคอนเทนต์ ส่ง Bitkub ทะยานสู่ยูนิคอนท์
หนึ่งในเรื่องที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในเวลานี้ คงหนีไม่พ้น SCBS บริษัทย่อยของธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ทำการเข้าซื้อหุ้นบริษัท บิทคับ ในสัดส่วนหุ้นมากถึง 51 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม บิทคับ เป็นบริษัทที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งได้เพียง 3 ปีเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีมูลค่าบริษัทมากถึง 35,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงถือได้ว่า บิทคับ เป็นยูนิคอร์นตัวใหม่ของประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่น่าสนใจ คือ ปี 2021 เป็นปีที่บริษัท บิทคับ เติบโตแบบก้าวกระโดดมากที่สุด และ สิ่งที่เป็นกลยุทธ์สำคัญเลยก็คือ การใช้พลังของคอนเทนต์
วันนี้ผมจะมาแกะกลยุทธ์การใช้พลังของคอนเทนต์ที่ส่งให้ บิทคับ ทะยานสู่การเป็นยูนิคอร์น ออกมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังว่า มันสามารถนำไปใช้กับการทำธุรกิจออนไลน์ของคุณได้อย่างไร ?
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการสักอย่าง มันต้องเกิดจากความเชื่อ 3 อย่าง คือ
1. เชื่อในคน
2. เชื่อในบริษัท
3. เชื่อในสินค้า
ถ้าคุณอยากให้ลูกค้าซื้อของจากคุณ คุณจะต้องสร้าง Trust หรือ ความน่าเชื่อถือให้กับทั้ง 3 อย่างนี้ หรือ อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้
แต่ต้องเชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์เต็มว่าจะสามารถให้ในสิ่งที่เขาต้องการได้จริงๆ และยิ่งสินค้ามีราคาแพงมากเท่าไหร่ ก็ต้องยิ่งต้องใช้เวลาสร้างความน่าเชื่อถือมากเท่านั้น
สาเหตุที่ผมเอา “คน” ขึ้นมาไว้อันดับ 1 ก็เพราะว่า คนซื้อคนก่อนซื้อของเสมอ และคนก็เชื่อคน ง่ายและเร็วที่สุดครับ เพราะคนสามารถสื่อสารได้โดยตรง ที่สำคัญคือ คนมีตัวตนจริง และ รับผิดชอบได้ แต่สินค้า หรือ บริษัท ไม่สามารถสื่อสารโดยตรง หรือ รับผิดชอบไม่ได้
เพราะถ้าบริษัทโกง พอถูกจับได้ก็แค่ปิดหนี (ซึ่งเราก็เห็นกันอยู่บ่อยๆ) แต่ถ้าเป็นตัวบุคคลโกงมันปิดหนีกันยาก เพราะคนจะยังจำหน้าได้ตลอด
อย่างในกรณีของ Bitkub ซึ่ง คุณท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Ceo บริษัท รู้ดีว่า สินค้า และ บริษัท ของตัวเองยังไม่มีความน่าเชื่อถือมากพอ เพราะคริปโทเคอร์เรนซีเป็นเรื่องใหม่ บริษัทก็เพิ่งจะเปิดตัว บางคนยังคิดว่ามันคือการฟอกเงิน หรือ แชร์ลูกโซ่ด้วยซ้ำไป
คุณท็อป จึงต้องเอาตัวเองออกมาสื่อสารทั้งแนวคิด แรงบันดาลใจ และ ความรู้เกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีให้กับผู้คน ซึ่งคุณจะเห็นหน้าของคุณท็อปเต็มไปหมดแทบทุกสื่อโดยเฉพาะสื่อออนไลน์
ที่สำคัญ คุณท็อป เองก็เล่าทั้งประวัติชีวิต และ การศึกษา รวมถึงชีวิตครอบครัวของตัวเองทุกอย่าง คนจึงคิดไปโดยอัตโนมัติว่า “ถ้าเขาเปิดเผยตัวตนขนาดนี้ คงไม่โกงกันหรอก” มันจึงทำให้คนเชื่อถือในตัวคุณท็อปได้อย่างรวดเร็ว
และเมื่อไหร่ที่คนเชื่อคุณท็อปแล้ว คนก็จะเริ่มเชื่อสินค้าและบริษัทจนเปิดใจตามไปลองใช้งานเอง
และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะหลังจากที่คุณท็อปใช้พลังคอนเทนต์ในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง (โดยแทบไม่ได้พูดถึงสินค้าหรือบริการเลย จะมีพูดบ้าง แต่ก็น้อยมากๆ) Bitkub ก็มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นจำนวนมากอย่างรวดเร็ว จนทำรายได้ให้กับบริษัทอย่างมหาศาล
นับเฉพาะในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ก็ทำรายได้รวมไปแล้วถึง 3,279 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,533 ล้านบาท
คำถาม คือ ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเลือกใช้ Bitkub ทั้งที่ในตลาดประเทศไทยก็มีแพลตฟอร์มเทรดคริปโตฯ อีกหลายเจ้า
นั่นก็เพราะเจ้าอื่นไม่มีใครเอา “ตัวบุคคล” ออกมาทำการตลาดสร้างตัวตนผ่านคอนเทนต์ยังไงล่ะครับ
นี่แหละคือ “พลังแห่งคอนเทนต์” อย่างแท้จริง
ลองคิดกลับกันดูครับว่า ถ้าคุณท็อป ไม่ได้เอาตัวเองออกมาสื่อสาร แต่เปลี่ยนไปใช้การโฆษณาแพลตฟอร์มและบริษัทแทนเหมือนเจ้าอื่นๆ ในตลาด คนจะให้ความเชื่อถือ Bitkub ได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ไหม ?
ดังนั้น หากวันนี้คุณทำธุรกิจโดยที่แบรนด์ สินค้า หรือ บริการของคุณยังไม่มีความน่าเชื่อถือมากพอ สิ่งที่คุณต้องทำก็คือการสร้าง “ความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง” ผ่านการสร้างคอนเทนต์บนออนไลน์อย่างสม่ำเสมอ
เพราะของที่ดีมันขายตัวเองไม่ได้ครับ คุณต้องเป็นคนขายมัน
อย่าลืมว่าตอนนี้ลูกค้าเขาไม่เดินเข้ามาหาคุณแล้ว แต่คุณต้องเป็นฝ่ายเดินไปหาลูกค้าแม้ว่าจะมีสินค้าและบริการที่ดีสักแค่ไหน
ใครเดินเข้าไปหาลูกค้าและสร้าง Trust ได้ก่อน คนนั้นก็ได้เงินจากลูกค้าไป
ที่สำคัญ คือ คุณต้องทำให้ลูกค้าซื้อตัวตนของคุณให้ได้ก่อน แล้วเขาถึงจะยอมซื้อสินค้าจากคุณ
#สมองไหล
#สังคมของคนสร้างธุรกิจจากศูนย์
โฆษณา