4 พ.ย. 2021 เวลา 07:53 • ครอบครัว & เด็ก
ไม่อยากให้ลูกมีความลับ ทำอย่าไร
Sometime it's O. K. to tell secreats!!!
ตอนที่ 2
... ในฐานะของผู้ใหญ่ที่ดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด
ในฐานะผู้ปกครอง อาจจะเป็นคุณพ่อคุณแม่หรือไม่ก็ได้ เราควรรู้อะไร และทำอย่างไรที่จะช่วยสร้างความปลอดภัยให้เด็กๆ จากการถูกคุกคาม โดยเฉพาะการคุกคามทางเพศ หรือเมื่อเกิดขึ้นแล้ว เด็กกล้าบอกเราอย่าเร็วที่สุด เพื่อการดูแล แก้ไข...
.
เบื้องหลังเสื้อคลุมอันสวยหรู.....
ในสังคม เราบอกได้ยากว่า ใครจะเป็นคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมหรือผิดปกติมากพอที่จะทำร้ายเด็กๆ หลายคนเชื่อว่า คนพวกนี้ต้องเป็นคนแปลกหน้า แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย ในความจริงคือเรื่องตรงกันข้าม เราพบว่า การข่มเหงรังแกทางเพศที่ได้รับรายงานเกิดจากผู้ใหญ่ที่เด็กรู้จัก และนับถือ คนใกล้ชิด หรือแม้แต่พ่อแม่ขอเด็กเอง
ปัญหาข่มขืนและทำอนาจาร พบว่า ปี 2563
มีผู้มาร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือถึง 863 ราย เพิ่มมากกว่าปี 2562 (786 ราย) ถึง 77 ราย
ร้องทุกข์เฉลี่ยวันละ 2.40 ราย เปรียบเทียบกับ
ปี 2562 จำนวน 786 ราย เพิ่มขึ้น 9.80 %
พบว่า
อันดับ 1 ผู้ที่ข่มขืนเป็นคนรู้จัก/แฟน/เพื่อน 340 ราย คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 43.26%
1
อันดับ 2 ผู้ที่ข่มขืนเป็นญาติ/คนในครอบครัว/พ่อเลี้ยง 241 ราย คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 30.6%
อันดับ 3 ผู้ที่ข่มขืนเป็นคนข้างบ้าน 44 ราย คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 5.60% ข่มขืน
1
ข้อสังเกต และน่าเป็นห่วงคือ
เด็ก แรกเกิด 0-5 ปี ถูกข่มขืน 28 ราย
เด็ก อายุ 5-10 ปี ถูกข่มขืน 94 ราย
ตัวอย่าง เคสข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหายอายุน้อยสุด เป็นเด็กหญิงอายุ 2 ขวบ 10 เดือน แจ้งมูลนิธิปวีณาฯวันที่ 24 ก.พ. 63 จังหวัดเพชรบูรณ์ ว่า ลูกสาวได้มาบอกว่าเจ็บอวัยวะเพศ จึงได้สอบถามลูก เล่าว่าถูกตาข้างบ้าน อายุ 40 ปี ใช้นิ้วแหย่เข้าไปที่อวัยวะเพศ
ยังไม่รวมบุคคลใกล้ชิดอื่นๆ ญาติ เพื่อนพ่อ เพื่อนพี่ เพื่อนญาติ บุคคลที่น่านับถือ คุณครู พระสงฆ์นักบวช แม้แต่ผู้รักษากฎระเบียบของสังคมเอง ....
ไทยขาดความเชี่ยวชาญการคุ้มครองเด็กในระดับชุมชน
ภายใต้เสื้อคลุมอันสวยหรู ไม่ได้แปลว่า เขาจะไม่ควรเป็นผู้ต้องสงสัย
ภายใต้เสื้อคลุมอันสวยหรู ใครก็เป็นผู้ร้ายได้
บางครั้งกว่าเสื้อคลุมอันสวยหรูจะถูกเปิดโปง หรือถูกกระชากออก เด็กก็ถูกทำร้ายหลายครั้งหลายคน และเนิ่นนามหลายปี จนคนทำย่ามใจ
และด้วยคววามที่เป็นคนคุ้นเคย บางครั้งทำให้พ่อแม่วางใจ เกรงใจ มีความผูกพันกับผู้กระทำผิด กลัวต่ออำนาจ​ แม้แต่อาจเกิดความสงสารเห็นใจว่าคนกลุ่มนี้อาจมีความผิดปกติทางจิตใจ หรือเป็นเพียงความหลงผิด ผิดพลาดที่อาจแค่บังเอิญเกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราว เพราะเมา เพราะไม่ตั้งใจ
สิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กๆ ถูกทอดทิ้ง ไม่ได้รับการช่วยหลือจากคนที่ควรช่วยเหลือเขาที่สุด เด็กต้องตกอยู่ในขุมนรกต่อ ทั้งๆที่ผู้ใหญ่ใกล้ชิดอาจจะรู้เรื่องแล้ว แต่เห็นใจความผิดพลาดของอาชญากร ...เด็กจะยังคงเป็นเหยื่อต่อไปใน
สิ่งแวดล้อมเดิม
อยากจะบอกว่า คนกลุ่มนี้ มักไม่มีจิตสำนึกผิดบาปในระดับคนทั่วไปนะคะ การปล่อยเขา ด้วยการให้โอกาสว่าเขาจะไม่ทำอีกแบบไร้กฏหมายเข้าไปจัดการ มันคือการเปิดช่องให้คนพวกนี้ทำผิดซ้ำๆกับเด็กคนเดิม หรือคนอื่นๆ ที่มักจะเกิดขึ้นเมื่อมีโอกาส
สิ่งที่คนกลุ่มนี้มักทำคือ สร้างความคุ้นเคย กับพ่อแม่เด็ก สร้างความไว้ใจจากพ่อแม่เด็ก ยิ่งมากยิ่งดี เพื่อให้ได้โอกาสในการอยู่กับเด็กตามลำพัง
และพ่อแม่เด็กที่ไว้ใจเขา จะสนับสนุนให้เด็กไว้ใจคนเหล่านี้ด้วย
หลังจากนั้นเขาจะพยายามใช้เวลากับเด็ก สร้างความคุ้นเคย หาโอกาสที่จะได้อยู่กับเด็กเพียงลำพัง
อาชญากรพวกนี้มีความได้เปรียบหลายอย่างในการลงมือ
ประการแรก...
คนพวกนี้รู้ว่า เด็กพวกนี้มีแนวโน้มที่จะเชื่อใจผู้ใหญ่ที่เขาไว้ใจ และขาดประสบการณ์ที่จะต่อต้านความต้องการอันเลวร้ายที่แฝงมาด้วยความดูเหมือนจะบรสุทธิ์ใจของผู้ใหญ่พวกนี้...
เหตุการณ์จริงที่เพิ่งเป็นข่าว....
พ่อเลี้ยงกอดรัดลูกเลี้ยง ที่กำลังโตเป็นสาวตอนแม่ไม่อยู่ หอมแก้ม แล้วบอกว่า พ่อรักหนูนะ พ่ออยากให้หนูเรียกพ่อว่าพ่อ...โดนไปสองครั้ง
แม่ไม่เคยรู้ ลูกสาวไม่เคยบอก
ความแตกตอนพ่อเลี้ยงทรมานน้องชายจนตายแล้วเป็นข่าวดังทั่วประเทศ...
แม่อาจจะบอกว่า สามีใหม่รักใคร่ลูกสาวตัวเองด้วยความบริสุทธิ์ใจก็ได้ แม่เลือกที่จะเชื่อแบบนั้น....
ถ้างงความเชื่อของแม่ ให้วกไปอ่านบล็อก​
ข้างบนๆ ที่ผ่านมาค่ะ
ประการที่สอง
คนพวกนี้รู้ดีว่า เขาสามารถใช้ความกลัวต่อผลที่จะตามมา ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ก็ตาม หรือสิ่งที่เด็กๆคิดว่า มันอาจจะเกิดขึ้นได้ต่อตัวเด็กเอง มาขู่บังคับให้เด็กๆเงียบ ให้มันเป็นความลับ ที่เด็กๆพูดหรือบอกใครไม่ได้
เหตุการณ์จริง
เด็กฝาแฝดผู้หญิงสองคน คาหนึ่งถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนมาตลอดอีกคนรู้ เพราะเด็กอยู่ด้วยกัน คนที่โดนข่มขืนไม่พูด เพราะกลัวว่าอีกคนจะโดนด้วย อีกคนไม่พูด เพราะกลัวว่าอีกคนจะโดนทำร้ายมากกว่าเดิม และกลัวแม่โกรธ ความแตกตอนเด็กคลอด DNA ตรงกับพ่อเลี้ยง
เด็กๆมักเชื่อในคำขู่ต่างๆนานา จนทำมให้คำขู่ของคนพวกนี้ได้ผลดี แม้ว่าบางเรื่องที่เอามาขู่จะดูเหลือเชื่อสำหรับเรา สิ่งที่เราพึงตระหนักไว้คือ แม้เป็นเพียงคำขู่เล็กๆน้อยๆ เช่น ถ้าเล่าเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นให้ใครฟังแล้ว พ่อแม่จะไม่รัก ก็สามารถทำให้เด็กๆกลัวอย่างฝังใจได้ค่ะ....
สะท้อนไปที่การเลี้ยงลูก ... เราควรขู่ลูกอยู่ไหม เรากำลังยื่นดาบให้คนอื่นไว้กลับมาฆ่าลูกของเราหรือเปล่า
เราไม่ได้แนะนำให้สอนเด็กไม่ไว้ใจใคร หรือกังวลกับทุกสถานการณ์
แต่เด็กๆควรรู้ว่าการข่มเหงรังแกทางเพศเป็นอย่างไร จะหลีกเเลี่ยงสถานการณ์เลวร้ายอย่างไร และเด็กควรจะถูกสอนให้รู้จักบอกพ่อแม่เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น....
เดี๋ยวเล่าต่อตอนหน้านะคะ 😊
การล่วงละเมิดเด็ก : สถิติน่าห่วง วิธีแก้ปัญหา ช่องทางขอความช่วยเหลือ
โฆษณา