Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The Wild Chronicles
•
ติดตาม
5 พ.ย. 2021 เวลา 09:00 • ประวัติศาสตร์
*** ประวัติศาสตร์ความรุนแรงของตำรวจในอเมริกา ***
จากกรณีดังที่ผ่านมา ซึ่งมีกระแสการกล่าวหาว่ามีตำรวจยศสูงรีดไถเงินผู้ต้องหาคดียาเสพติดด้วยความรุนแรงจนลงเอยด้วยการวิสามัญฆาตกรรม ทำให้ประเด็นการใช้กำลังเกินกว่าเหตุของตำรวจเป็นที่รับรู้ ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในสังคม
...น่าเศร้าว่าปัญหานี้เกิดขึ้นในหลายประเทศ แม้แต่สหรัฐอเมริกาดังกระแส BLM ที่ผ่านมา
บทความนี้จะพาท่านผู้อ่านไปติดตามที่มาที่ไปของปัญหา พร้อมลำดับเหตุการณ์ตัวอย่าง และประเด็นที่น่าสนใจของปัญหานี้ว่าในประเทศที่เจริญแล้วอย่างอเมริกานั้น มีการตระหนัก และมีแนวทางการแก้ไขปัญหานี้กันอย่างไรนะครับ...
*** ประวัติศาสตร์ตำรวจอเมริกา ***
หน่วยงานรักษาความสงบในอเมริกา มีความเชื่อมโยงกับการกดขี่มาตั้งแต่แรกเริ่ม
ก่อนหน้าจะมีหน่วยตำรวจทั่วไปในช่วงปี 1880 การดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นหน้าที่ของหน่วยลาดตระเวนจับทาส (slave patrol) ซึ่งคอยตามจับทาสที่หลบหนี รวมทั้งปราบปรามทาสผิวดำเพื่อป้องกันการลุกฮือ
ภาพแนบ: หน่วยลาดตระเวนจับทาส
หลังสงครามกลางเมือง (ปี 1861-1865) ทาสในสหรัฐได้รับอิสระ หน่วยลาดตระเวนจับทาสได้ถูกยุบไป
อดีตสมาชิกบ้างไปเข้ากับพวกแบ่งแยกผิวอย่างคูคลักซ์แคลน และบ้างก็ไปทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยต่อ หรือก็คือ ไปเป็นตำรวจที่ตั้งหน่วยใหม่ๆ ในเวลานั้นนั่นเอง
ภาพแนบ: เหตุจลาจลของตำรวจในนิวยอร์กเมื่อปี 1857 เกิดจากตำรวจ “รับใช้” กลุ่มการเมืองคนละกลุ่มยกพวกตีกัน
ตำรวจในยุคแรกๆ มีภาพจำติดตัว 2 ประการ คือ ฉ้อฉลและป่าเถื่อน เพราะตำรวจมักอยู่ภายใต้การควบคุมของนักการเมืองท้องถิ่น
กิจกรรมของตำรวจในเวลานั้น มีทั้งการขู่ผู้ออกเสียงเลือกตั้ง, การก่อกวนคู่แข่งการเมือง และการรักษาผลประโยชน์ของนายทุน
เจ้าพนักงานก็มักผ่านการฝึกเพียงเล็กน้อย นิยมรับสินบนและใช้ความรุนแรง ...นับได้ว่าเป็นยุค “ตำรวจการเมือง” อย่างชัดเจน
ภาพแนบ: ภาพวาดการสังหารหมู่ที่แลติเมอร์
ต่อมาในยุคที่อุตสาหกรรมเฟื่องฟูขึ้น ตำรวจรับหน้าที่ปราบปรามการประท้วง โดยบรรดาพวกนายทุนต่างสนับสนุนให้ตำรวจใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม
ตัวอย่างเหตุการณ์ที่โด่งดัง คือ การสังหารหมู่แลติเมอร์ (ปี 1897) ซึ่งตำรวจปะทะกับคนงานเหมืองไม่มีอาวุธ ทำให้คนงานเสียชีวิต 19 คน
ภาพแนบ: ภาพกรมตำรวจแคสเปอร์ รัฐไวโอมิง ซึ่งต่อมาถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับคนขายเหล้าเถื่อน
ก่อนการจัดระเบียบตำรวจใหม่ในต้นศตวรรษที่ 20 รวมๆ ตำรวจยังมีพฤติกรรมฉ้อฉลและชอบใช้ความรุนแรงอยู่
บางทีตำรวจก็ร่วมรุมประชาทัณฑ์อเมริกันผิวดำในรัฐภาคใต้ โดยอ้าง "กฎหมายจิม โครว์" ซึ่งเป็นกฎหมายแบ่งแยกคนต่างสีผิวออกจากกัน
ในช่วงห้ามขายเหล้า (ปี 1919-1933) ตำรวจรับสินบนกันมือเติบ และบางทีเจ้าพ่อมาเฟียก็ใช้ตำรวจเพื่อกำจัดคู่แข่งด้วย
ภาพแนบ: การหยุดค้นตัวของตำรวจ
เหตุการณ์เหล่านี้ นำไปสู่การปฏิรูปสถาบันตำรวจเพื่อเพิ่มความเป็นมืออาชีพ มีการแยกตำรวจออกจากผู้นำการเมือง
อาชีพตำรวจเป็นระบบราชการประจำและมีสายบังคับบัญชาชัดเจนขึ้น มีการใช้ระบบรับสมัคร ฝึกฝน และให้รางวัลตำรวจใหม่
...อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิจารณ์ว่าตำรวจมีความรับผิดชอบต่อสังคมลดลง และวิธีการบางอย่างของตำรวจ เช่น การมีอำนาจสั่งหยุดค้นตัว (stop and frisk) ยังมีความก้าวร้าว ทำให้ประชาชนไม่พอใจตำรวจนัก
ภาพแนบ: ภาพตำรวจใช้ปืนฉีดน้ำดับเพลิงใส่ผู้ประท้วงเรียกร้องสิทธิพลเมืองอย่างสันติ
ช่วงปลายศตวรรษที่ 20 กลุ่มผู้เรียกร้องความเสมอภาคทางเชื้อชาติในยุคขบวนการเคลื่อนไหวสิทธิพลเมือง (Civil Right Movement) และนักศึกษาที่เดินขบวนต่อต้านสงครามเวียดนาม มักตกเป็นเป้าการใช้กำลังรุนแรงของตำรวจ
จนถึงทุกวันนี้ข้อกล่าวหาการใช้กำลังเกินกว่าเหตุของตำรวจมักมีประเด็นใกล้ชิดกับสีผิว
...จากประวัติและเหตุการณ์ที่ผ่านมาจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมตำรวจอเมริกันจึงถูกมองว่าเพ่งเล็งคนผิวดำและเอื้อต่อคนรวยนั่นเอง
*** ยาเสพติดกับการก่อการร้าย ***
ประเด็นที่ผสมอยู่ในเรื่องการใช้กำลังเกินกว่าเหตุของตำรวจ ได้แก่ การทำ “สงครามยาเสพติด” และ “สงครามต่อต้านการก่อการร้าย”
ในเรื่องนี้ ผู้ช่วยของอดีตประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ระบุว่ารัฐบาลต้องการผูกโยงคนขาวที่ต่อต้านสงครามเวียดนามกับกัญชา และคนดำกับเฮโรอีน เพื่อให้คนสองกลุ่มนี้กลายเป็นผู้ร้ายทุกวันผ่านข่าวภาคค่ำ...
ภาพแนบ: หน่วยสวาทซึ่งติดอาวุธแบบทหาร ในภาพเป็นช่วงระหว่างความไม่สงบในเฟอร์กูสัน รัฐมิสซูรี เมื่อปี 2014
แนวคิดนี้นำไปสู่กฎหมายใหม่ๆ ที่รุนแรงยิ่งขึ้น อย่างหมายค้นแบบไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า (no-knock warrant) และการกำหนดบทลงโทษขั้นต่ำ (mandatory sentencing)
นอกจากนี้ยังมีการติดอาวุธหนักให้แก่ตำรวจเพิ่มขึ้น เช่น การจัดตั้งหน่วยสวาท (SWAT - Special Weapons and Tactics)
โดยข้อมูลปี 2015 ระบุว่า แม้คนขาวและคนดำจะมีอัตราใช้สารเสพติดพอๆ กัน แต่มีคนดำติดคุกมากกว่าคนขาวถึง 6 เท่า
ในสถานการณ์ที่มีการใช้หน่วยสวาทบุกค้นบ้านที่ต้องสงสัยว่ามีการใช้ยาเสพติดโดยเฉพาะบ้านคนผิวดำและละติโน พบว่ามียาเสพติดจริงเพียง 35%
...ด้านกลุ่มสิทธิฯ ชี้ว่า นี่สะท้อนให้เห็นปัญหาการเลือกปฏิบัติด้วยเชื้อชาติและการใช้กำลังโดยไม่จำเป็น
ภาพแนบ: ปืนช็อตไฟฟ้า
หลังเหตุการณ์ 9/11 ปัญหาพฤติกรรมของตำรวจยิ่งเลวร้ายลง โดยสหประชาชาติมีรายงานว่า ได้เกิดกระแสการละเว้นโทษตำรวจ และทำให้กลไกเอาผิดตำรวจที่มีน้อยอยู่แล้วในสหรัฐอ่อนแอลงไปอีก
นอกจากนี้ยังมีการเก็บข้อมูลรูปพรรณตามเชื้อชาติ (racial profiling) และถึงแม้จะมีการเปลี่ยนจากปืนจริงไปใช้ปืนช็อตไฟฟ้า (taser) แล้ว แต่ก็ยังเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 150 คนในระยะ 6 ปี
ภาพแนบ: ร็อดนี คิง
*** เหตุการณ์ที่มีชื่อเสียง ***
เหตุการณ์การใช้กำลังเกินกว่าเหตุนั้นมีมากมาย แต่ที่มีชื่อเสียง เช่น...
1) เหตุการณ์ทุบตีร็อดนี คิง (ปี 1991)
อเมริกันผิวดำ ร็อดนี คิง กับเพื่อนอีก 2 คนก่อเหตุเมาแล้วขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนดเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 1991 ในลอสแองเจลิส เมื่อตำรวจเรียกแล้วไม่ยอมหยุดรถ จึงได้ขับรถไล่ตาม เมื่อผ่านไปช่วงหนึ่ง มีรถตำรวจอีกหลายคันและเฮลิคอปเตอร์ตำรวจร่วมติดตามด้วย
หลังไล่ไปได้ 13 กิโลเมตรก็สามารถจับกุมตัวคิงได้
ทั้งสามผู้ต้องหาถูกสั่งให้นอนคว่ำหน้าลงกับพื้น คิงซึ่งออกรถมาทีหลังมีตำรวจ 4 นายรุมเข้ามาจับกุมและใส่กุญแจมือ คิงพยายามยืนขึ้นเพื่อไล่ตำรวจ 2 นายลงจากหลังทำให้ตำรวจอ้างว่าคิงขัดขืนการจับกุม
ภาพแนบ: ภาพตำรวจทุบตีคิง
ในวิดีโอที่จับภาพได้นั้นมีภาพคิงถูกปืนช็อตไฟฟ้า คิงลุกขึ้นและวิ่งไปทางตำรวจนายหนึ่งซึ่งอาจเป็นการเข้าโจมตีหรือหลบหนี หลังจากนั้นตำรวจทุบด้วยไม้ตะบองหลายครั้ง
ในเหตุการณ์นี้มีการทุบด้วยไม้ตะบอง 33 ครั้งและเตะ 7 ครั้ง ผลการตรวจร่างกายในภายหลังพบว่าเขามีกระดูกหน้าผากแตก ข้อเท้าขวาหัก และมีรอยฟกช้ำและแผลฉีดหลายจุด
ภาพแนบ: เหตุจราจลปี 1992
อัยการลอสแองเจลิสฟ้องคดีต่อตำรวจในเหตุการณ์ฐานใช้กำลังเกินกว่าเหตุ
...คณะลูกขุนซึ่งไม่มีอเมริกันผิวดำเลยตัดสินว่าตำรวจไม่มีความผิด ทำให้เกิดการจลาจลในปี 1992 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 63 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 2,383 คน
ภาพแนบ: ไมเคิล บราวน์
2) เหตุยิงไมเคิล บราวน์ (ปี 2014)
ไมเคิล บราวน์ จูเนียร์ อเมริกันผิวดำวัย 18 ปี ถูกดาร์เรน วิลสัน ตำรวจผิวขาวยิงเสียชีวิตในเมืองเฟอร์กูสัน รัฐมิสซูรี เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2014 หลังก่อเหตุขโมยของ
ภาพแนบ: อณุสรณ์ไมเคิล บราวน์
คำให้การมีความขัดแย้งกัน ตำรวจอ้างว่าบราวน์โจมตีวิลสันก่อนเพื่อพยายามแย่งปืน ต่อมาบราวน์หลบหนี ทำให้วิลสันวิ่งไล่ติดตาม วิลสันเสริมว่าบราวน์หยุดแล้วหันมาทำร้ายเขา ตามมาด้วยการเปิดฉากยิง
แต่ญาติของบราวน์ที่อยู่ในเหตุการณ์อ้างว่าวิลสันเป็นคนเริ่มด้วยการคว้าคอบราวน์ผ่านหน้าต่างรถและขู่จะยิง เมื่อบราวน์หลบหนี บราวน์หันหลังไปยกมือยอมจำนนต่อวิลสัน แต่ตำรวจยิงใส่บราวน์ที่หลัง
ภาพแนบ: ภาพเหตุการณ์คดีบราวน์
รวมแล้วมีการยิงปืน 12 นัด รวม 2 นัดขณะแย่งปืนกันในรถตำรวจ นอกจากนี้พบว่าบราวน์ถูกทุบตีอีก 6 ครั้งทั้งหมดที่ด้านหน้าลำตัว
เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในเมือง ซึ่งเคราะห์ดีที่ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 10 คน และตำรวจได้รับบาดเจ็บ 6 นาย
...ด้านคดีความต่อวิลสัน คณะลูกขุนตัดสินว่าวิลสันไม่มีความผิด...
3) เหตุการณ์ฆ่าจอร์จ ฟลอยด์ (ปี 2020)
จอร์จ ฟลอยด์ อเมริกันผิวดำวัย 46 ปี ถูกจับกุมฐานต้องสงสัยว่าใช้ธนบัตร 20 ดอลลาร์ปลอม เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2020 ในมินนีอาโปลิส รัฐมินเนโซตา
ตำรวจผิวขาว เดเร็ก โชวิน คุกเข่ากดคอของฟลอยด์เป็นเวลากว่า 9 นาทีแม้เขาถูกใส่กุญแจมือและจับนอนคว่ำแล้ว คำพูดสุดท้ายของฟลอยด์คือ “ผมหายใจไม่ออก”
ภาพแนบ: โชวิน
เมื่อภาพถูกเผยแพร่ออกไป ตำรวจในเหตุการณ์รวม 4 นายถูกไล่ออก
ผลการชันสูตรพบว่าฟลอยด์ถูกฆ่า ส่วนโชวินได้รับการตัดสินว่ามีความผิดฐานทำให้คนตายโดยไม่เจตนาและไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน รวม 3 กระทง และเขาถูกตัดสินจำคุก 22.5 ปี
ภาพแนบ:ป้ายประท้วง “ฉันหายใจไม่ออก”
เหตุการณ์ฆ่าจอร์จ ฟลอยด์เป็นที่รับรู้ทั่วโลกทำให้เกิดการประท้วงต่อการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ, การเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติและการขาดความรับผิดชอบของตำรวจ โดยกลุ่มที่โดดเด่นในการประท้วงครั้งนี้ ได้แก่ แบล็กไลฟ์แมตเตอร์ (BLM)
...จากคดีทั้งสามนี้จะเห็นได้ว่ากระแสเรียกร้องให้เอาผิดกับตำรวจเพิ่งจะมาแรงในช่วงหลัง แต่ถึงกระนั้นบางคนก็ยังมองว่าข้อหาที่โชวินได้รับยังถูกผ่อนให้เบาลงอยู่ดี
*** วิเคราะห์สาเหตุ ***
สาเหตุของการใช้กำลังเกินกว่าเหตุนั้นมีการวิเคราะห์คาดเดาไปต่างๆ นานา ส่วนหนึ่งเชื่อว่ามาจากตำรวจได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายเป็นพิเศษ
ในคดีที่ตำรวจเป็นจำเลย หลักฐานมักจะมาจากตำรวจด้วยกันเท่านั้น และอัยการมักไม่ต้องการดำเนินคดีอย่างรุนแรงต่อตำรวจเพราะต้องการรักษาความสัมพันธ์ในหน้าที่การงานต่อไป จนกลายเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน เช่นเดียวกับที่ศาลมักเข้าข้างตำรวจมากกว่าพลเรือนเพราะมองว่าเป็น “คนดี”
ภาพแนบ: คณะลูกขุน
สถิติเมื่อปี 2015 พบว่า ในช่วงปี 2005-2015 มีคดีความที่ตำรวจถูกตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นขณะปฏิบัติหน้าที่ 54 คดี ในจำนวนนี้ตัดสินแล้ว 35 คดี และมีตำรวจได้รับตัดสินว่าไม่มีความผิดรวม 21 คดี (60%)
ภาพแนบ:การ์ตูนล้อ “กำแพงเงียบสีน้ำเงิน”
ส่วนตำรวจด้วยกันยังมีแนวทางปฏิบัติที่เรียกว่า “กำแพงเงียบสีน้ำเงิน” (blue wall of silence) หมายความว่า ตำรวจมักจะไม่รายงานการกระทำผิดของตำรวจนายอื่น รวมทั้งไม่ขัดขวางหากตำรวจคนอื่นมีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดกฎหมาย
...ทั้งนี้เพราะตำรวจอาจมองว่าตัวเองเป็น “พี่น้อง” หรือครอบครัวเดียวกัน...
นอกจากนี้ ตำรวจอเมริกันยังมีการฝึกและอาวุธแบบทหาร (militarization) มากขึ้น รวมทั้งมีการว่าจ้างผู้ฝึกสอนเป็นทหารนาวิกโยธิน, หน่วยซีลและหน่วยปฏิบัติการพิเศษอื่นในต่างประเทศ
ด้วยเหตุนี้ทำให้ตำรวจมีการฝึกยุทธวิธีด้วยความกลัวและการป้องกันตัว มากกว่าการมีปฏิสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมกับชุมชน
...เมื่อตำรวจถูกฝึกมาให้คิดว่าสถานการณ์ธรรมดาๆ อย่างการเรียกรถหยุดก็อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขามีปฏิกิริยาตอบโต้มาอย่างนั้น
ภาพแนบ:ภาพยุทโธปกรณ์ของตำรวจในการคุมฝูงชน
โดยเฉพาะปีหลังๆ ที่มีการจัดหายุทโธปกรณ์แบบกองทัพ เช่น การเสริมอาวุธหน่วยสวาท และรถถัง เอื้อให้มีการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุได้ง่ายขึ้น
มีการคาดการณ์ว่าตำรวจเกือบ 1 ใน 5 ของทั้งประเทศเป็นทหารผ่านศึก ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริมให้เอื้อต่อการใช้ความรุนแรงมากขึ้นทั้งสิ้น
ภาพแนบ: กล้องประจำตัวตำรวจ
*** ทางออกที่เสนอ ***
หลายฝ่ายเสนอให้แก้ไขปัญหาการใช้กำลังรุนแรงของตำรวจ เช่น การเปิดกล้องประจำตัวเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
มาตรการนี้ทำให้ในปี 2017 มีการจับได้ว่าตำรวจบัลติมอร์นายหนึ่งกำลังยัดของกลางใส่ผู้ต้องหา (เพราะไปปิดกล้องแต่กล้องยังเก็บภาพไว้ได้อยู่)
วิธีที่ 2 คือ การยกเลิกการ “ไม่ต้องรับผิดหากมีคุณสมบัติครบ (qualified immunity)” ซึ่งศาลสูงสุดสหรัฐเคยตัดสินว่าตำรวจไม่ต้องรับผิดในคดีความต่างๆ ยกเว้นแต่การกระทำนั้นละเมิดกฎหมายที่บัญญัติไว้ชัดเจน
...ในทางปฏิบัติ หลักการนี้ทำให้โจทก์ที่ฟ้องตำรวจชนะจะต้องแสดงให้ศาลเห็นว่าศาลก่อนๆ เคยตัดสินว่าผิด
ตัวอย่างเช่น ศาลอุทธรณ์สหรัฐภาค 6 ในปี 2020 เคยตัดสินให้ตำรวจนายหนึ่งไม่ต้องรับผิดแม้ว่าจะยิงเด็กอายุ 14 ปีซึ่ง “ทิ้ง” ปืนบีบีขณะยกมือยอมจำนน แม้เมื่อปี 2011 ศาลเคยตัดสินว่า การยิงปืนใส่คนที่ “ลด” อาวุธปืนลูกซองเป็นความผิด
...ความแตกต่างเล็กๆ ข้อนี้ ทำให้ตำรวจที่ยิงเด็กรอดคดี...
การยกเลิกการไม่ต้องรับผิดเช่นนี้จะทำให้คณะลูกขุนมีอิสระในการตัดสินมากขึ้น และทำให้ตำรวจต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตนเองมากขึ้น
ภาพแนบ:กระแสเรียกร้องในประเด็นความรุนแรงของตำรวจมีที่มาจากอดีตนักอเมริกันฟุตบอล คอลิน แคเปอร์นิก (Colin Kaepernick) คุกเข่าประท้วงระหว่างเปิดเพลงชาติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังที่กระแสแบล็กไลฟ์แมตเตอร์กำลังมาแรง และได้รับความสนใจจากผู้มีชื่อเสียงจำนวนมาก ทั้งดาราและนักกีฬาชาวอเมริกัน
กระแสที่กำลังมาแรงน่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดีในการเดินหน้าสู่การแก้ไขปัญหาที่สะสมมาช้านาน...
::: อ้างอิง :::
- time (ดอต) com/4779112/police-history-origins/
- hamiltonproject (ดอต) org/charts/rates_of_drug_use_and_sales_by_race_rates_of_drug_related_criminal_justice
- ncbi (ดอต) nlm (ดอต) nih (ดอต) gov/pmc/articles/PMC4800748/
- cbsnews (ดอต) com/news/march-3rd-1991-rodney-king-lapd-beating-
- straitstimes (ดอต) com/world/united-states/ex-police-officer-derek-chauvin-sentenced-to-over-22-years-for-george-floyd
- washingtonpost (ดอต) com/sf/investigative/2015/04/11/thousands-dead-few-prosecuted/
- theatlantic (ดอต) com/ideas/archive/2020/06/police-academies-paramilitary/612859/
- usatoday (ดอต) com/story/news/nation/2015/05/01/obama-police-body-cameras-josh-earnest-baltimore/26696517/
- reuters (ดอต) com/investigates/special-report/usa-police-immunity-scotus/
ท่านที่สนใจอ่านงานเขียนอื่นๆ ของผมมากกว่าเพียงในเพจนี้ สามารถสมัครเข้ากลุ่ม illumicorgi ได้นะครับ
กลุ่ม illumicorgi เป็นกลุ่มสำหรับลง content พิเศษ สมัครสมาชิกตอนนี้ ท่านจะได้รับหนังสือ "สุริยันพันธุ์เคิร์ด" ผลงานเล่มล่าสุดของผมด้วย
1. ผู้สมัครสมาชิกระดับ Corgi Master จะได้:
• ได้เข้าถึงเนื้อหากลุ่ม illumicorgi ที่มีบทความย่อยลงอยู่เสมอ และบทความใหญ่ลงอย่างน้อยอาทิตย์ละตอน
• ส่วนลดในสินค้าของกลุ่ม The Wild Chronicles
• Priority ในการรับข่าวสารและกิจกรรมของ The Wild Chronicles
• ทุกๆ รอบหกเดือนจะได้รับหนังสือเล่มหนึ่ง ส่งให้ถึงบ้านพร้อมลายเซ็นของผม
แบ่งเป็น:
1.1 แบบครึ่งปี "600 บาท" ได้หนังสือสุริยันพันธุ์เคิร์ด 1 เล่ม และเข้ากลุ่มเป็นเวลา 6 เดือน
1.2 แบบหนึ่งปี "1,100 บาท" ได้หนังสือ 2 เล่ม (คือสุริยันพันธุ์เคิร์ด และอีกเล่มที่จะพิมพ์ปลายปี ตั้งใจจะว่าให้เป็นเรื่องชาวเคิร์ดในตุรกีซีเรีย) และเข้ากลุ่มเป็นเวลา 1 ปี
2. ผู้สมัครสมาชิกระดับ illuminated corgi จะได้:
ทุกอย่างที่สมาชิกระดับ Corgi Master แบบ 1 ปี ได้ และได้ของที่ระลึกจากเคอร์ดิสถานอิรัก เป็น artifact ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของแท้ ได้แก่:
"อินทรธนูของหน่วยเพชเมอร์กา" ซึ่งเป็นหน่วยรบเคิร์ดที่มีชื่อเสียงเรื่องไม่กลัวตาย คำว่า เพชเมอร์กา แปลว่า "ผู้เผชิญความตาย"
สมาชิกระดับ illuminated corgi นี้มีค่าสมัคร 3,000 บาท
ผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิก ให้ชำระทาง link นี้:
Corgi Master 6 เดือน (หนังสือ 1 เล่ม) 600 บาท
https://www.gbprimepay.com/payment/m/noncart/TWC/602407
Corgi Master 1 ปี (หนังสือ 2 เล่ม) 1,100 บาท
https://www.gbprimepay.com/payment/m/noncart/TWC/602408
illuminated corgi 1 ปี (หนังสือ 2 เล่ม ได้ของที่ระลึก) 3,000 บาท
https://www.gbprimepay.com/payment/noncart/TWC/602409
หรือชำระที่:
บัญชี บริษัท เดอะไวลด์โครนิเคิลส์ จำกัด ธนาคารกสิกร 078 3 768 666 สาขาบิ๊กซี อ่อนนุช
เมื่อสมัครแล้วให้ส่งสลิปทาง Line OA ด้วยวิธีนี้
(1) กดสมัคร Line OA ของ The Wild Chronicles มาทาง link
https://lin.ee/fNEO1jr
(2) กด add เป็นเพื่อน
(3) กด chat
(4) จากนั้น พิมพ์ชื่อที่ท่านใช้ใน Facebook มาทางช่องแชทของ Line OA เพื่อให้ทีมงานบ่งชี้ได้ว่าบัญชีของท่านสมัครมาแล้ว
(5) ให้ส่งสลิปในช่องแชทไว้ด้วย จะมีแอดมินมาคุยกับท่านเพื่อพาเข้ากลุ่ม
*** อนึ่งท่านที่เป็นสมาชิกอยู่แล้ว สามารถติดต่อทาง Line OA หรือ Inbox เพจ เพื่อชำระเงินเพิ่ม เป็นการอัพเกรดสมาชิกได้นะครับ **
ขอโฆษณาว่าหนังสือ “สุริยันพันธุ์เคิร์ด” หรือหนังสือเล่มใหม่ของผมออกแล้วนะครับ มีรายละเอียดดังนี้...
- เรื่องนี้เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ชาวเคิร์ด ผลงานเล่มล่าสุดในชุด The Wild Chronicles
- พิมพ์เป็นสี่สี!
- ยาวที่สุดเท่าที่พิมพ์มา ยาวกว่าพยัคฆ์ทมิฬสิ้นชาติราว 2 เท่า
- รูปโหดๆ ที่ทำให้เข้าใจสถานการณ์ดีขึ้น จะไม่เซนเซอร์ แต่จะรวมอยู่ท้ายเล่ม และมีคำเตือนก่อน
- มีลายเซ็นทุกเล่ม!
- ราคา 439 บาท รวมค่าส่งแล้ว
ท่านที่ต้องการพรีออเดอร์สามารถชำระ และใส่ที่อยู่ทาง link แนบได้เลย
https://www.gbprimepay.com/payment/noncart/TWC/620447
(ถ้าเป็นสมาชิกกลุ่ม illumicorgi ระดับ Corgi Master ขึ้นไป จะมีหนังสือส่งให้อยู่แล้วนะครับ)
อนึ่งชาวเคิร์ดเป็นชนกลุ่มน้อยในตะวันออกกลาง มีราว 30 ล้านคน หากไม่มีประเทศของตนเอง พวกเขาแตกเป็นหลายส่วนและถูกกดขี่อย่างหนัก แต่การถูกกดขี่เคี่ยวกรำนั้นทำให้พวกเขากลายเป็นนักรบที่เก่งกาจ
หนังสือเล่มนี้เขียนเรื่องราวของชาวเคิร์ดตั้งแต่ยุคตำนานจนถึงประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ซึ่งมีความพีคแล้วพีคอีก ผ่านสงครามใหญ่ๆ มากมาย เช่นสงครามอิรัก - อิหร่าน, สงครามอ่าวเปอร์เซีย, สงครามปราบซัดดัม, สงครามกลางเมืองอิรัก, สงครามปราบกลุ่มก่อการร้าย แต่ละสงครามที่ว่ามานี้มีสเกลใหญ่เป็นรองแค่สงครามโลก
ชาวเคิร์ดมีส่วนร่วมในสงครามเหล่านี้ทั้งหมดในฐานะชนกลุ่มน้อยที่ไม่รวยแต่รบเก่ง พอมีคนมาติดอาวุธให้เลยมักกลายเป็นไพ่โจ๊กเกอร์ที่เปลี่ยนผลชี้ขาดของสงคราม
อย่างไรก็ตามศัตรูอันดับหนึ่งของชาวเคิร์ดคือเผด็จการซัดดัม ฮุสเซนนั้นก็โหดมาก โหดโคตรๆ ใครเคยอ่านพยัคฆ์ทมิฬสิ้นชาติ หรือเชือดเช็ดเชเชน ผมบอกได้ว่าไอ้นี่ก็โหดไม่แพ้กัน หรือเผลอๆ โหดกว่า ดังนั้นการต่อสู้ของชาวเคิร์ดมันจึงเป็นเรื่องที่หลอนและดุเดือดมากๆ
หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ที่ผมได้ไปเยือนดินแดนเคอร์ดิสถานอิรัก (และหนีมิสไซล์มา) เมื่อต้นปี 2020 เพื่อนชาวเคิร์ดที่ผมสัมภาษณ์ทุกคนเป็นผู้รอดชีวิตจากทุกสงครามข้างต้น ทำให้มีข้อมูล ความเห็น และมุมมองของคนต่างๆ ที่ลึกกว่าในตำรา แน่นอนว่าประสบการณ์ของพวกเขาดาร์คมาก แต่เขาหลายคนไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น พวกเขาตีความสิ่งที่พบเจออย่างไร ลองตามอ่านดูนะครับ
"สุริยันพันธุ์เคิร์ด" ตั้งใจพิมพ์เป็นสี่สี เป็นหนังสือที่ยาวที่สุดตั้งแต่ผมเขียนสารคดีชุด The Wild Chronicles มา
อีกครั้งนะครับ ท่านที่ต้องการพรีออเดอร์หนังสืออย่างเดียว สามารถชำระ และใส่ที่อยู่ทาง link นี้ได้เลย 439 บาท รวมค่าส่งแล้ว (ในประเทศ) ถ้าบางท่านอยู่ต่างประเทศมีค่าส่งพิเศษจะแจ้งอีกที
https://www.gbprimepay.com/payment/noncart/TWC/620447
::: ::: :::
สนใจอ่านเรื่องประวัติศาสตร์ สงคราม เรื่องต่างประเทศ กดติดตาม เพจ The Wild Chronicles ได้เลยนะครับ
https://facebook.com/pongsorn.bhumiwat
และ youtube
https://youtube.com/user/Apotalai
1 บันทึก
2
3
1
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย