25 พ.ย. 2021 เวลา 10:10 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่อง : จะรัก…แล้วไง? 🤫
ตอนที่ 1 วันแรกที่แสนวุ่นวาย
1
"เมย์ทอล์ก"
ท้องฟ้าวันนี้ ก็เหมือนทุกๆวันค่ะ คือสีฟ้ากับก้อนเมฆสีขาวขุ่นๆ แต่ต่างกันตรงที่ สถานที่มองมันเท่านั้น
ตลอดช่วงพักรักษาตัวนานเกือบ 2 ปี ฉันนั่งมองท้องฟ้าของโลกใบนี้ผ่านกรอบหน้าต่างของโรงพยาบาล
ทำไมถึงเป็นที่นั้นเหรอคะ? มันเริ่มจากตอนที่ฉันประสบอุบัติเหตุหลังจากสอบเทอม 1 ชั้นปีที่ 1 เสร็จ ฉันได้รับบาดเจ็บสาหัส และก็เข้ารับการผ่าตัดสมอง หลังจากนั้น ก็มีโรคแทรกซ้อนต่างๆตามมา ทำให้ต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง แต่ยังดีที่ บ้านของฉันเป็นเจ้าของโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุด ทำให้หมดปัญหาเรื่องการรักษาพยาบาล
สบายเลยใช่มั้ยคะ? แต่เปล่าเลย...
เพราะพ่อของฉันสั่งให้ทีมวิจัยของโรงพยาบาลตั้งเคสของฉันเป็นงานวิจัยควบคู่ไปด้วย คิดเสียว่าผลงานวิจัยที่ได้ คือค่ารักษาพยาบาล
ดูพ่อทำกับฉันสิคะ ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆหรอกค่ะ บนโลกใบนี้ แม้แต่กับคนในครอบครัวด้วยกันเอง
วันนี้ฉันกลับมาเรียนอีกครั้ง ในปีที่เพื่อนๆร่วมรุ่นต่างอยู่ปี 3กันแล้ว นอกจากจะต้องเข้าเรียนตามระบบการศึกษาของประเทศนี้แล้ว ฉันก็ต้องทำคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมที่จะรับช่วงต่อกิจการของที่บ้าน น้องชายของฉันตัดสินใจรับงานช่วงต่อกิจการโรงพยาบาล ซึ่งต้องนี้กำลังเรียนคณะแพทย์ปีสอง ควบคู่กับเทคคอสบริหารไปด้วย
อย่างเก่งเลยน้องคนนี้ (ภูมิใจมาก)
และอีกกิจการหนึ่งคือ บริษัทสถาปนิก ออกแบบสิ่งก่อสร้างที่ตอนนี้กำลังจะขยายเครือข่ายไปที่ดูไบ และแน่นอนว่าฉันคือคนที่จะไปประจำที่นั้น ในฐานะนักออกแบบ
"ไหนๆ ลูกก็เรียนสถาปัตย์แล้ว ก็รับช่วงกิจการสถาปนิกไปก็แล้วกัน" พ่อบอกแบบนั้น
แต่เดี๋ยวก่อนนะคุณพ่อ ที่ลูกเรียนสถาปัตย์เพราะคะแนนสอบถึงเกณฑ์ที่เปิดรับต่างหาก ไม่ได้พิศวาสอะไรขนาดนั้น
นึกแล้วก็อิจฉาความโชคดีของน้องอีกสามคน ที่มีโอกาสได้เลือกอนาคตของตัวเอง
การเป็นพี่สาวกับพี่ชายคนโตของตระกูล ที่มีกิจการระดับพันล้านเช่นนี้ก็ลำบากหน่อย
แต่เอาเถอะ เรื่องของอนาคตก็ปล่อยไปก่อนก็แล้วกัน
“คุณหนูใหญ่ตัดสินใจดีแล้วเหรอครับว่าจะอยู่ที่หอพัก” คุณบดินทร์ พ่อบ้านประจำตระกูลถามฉันด้วยความเป็นห่วง “ผมยังมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทำแบบนี้”
“เมย์อยากอยู่ข้างนอกบ้าง”
“แต่มันไกลมากเลยเหรอครับ คุณหนูต้องขับรถไปกลับไกลมาก” คุณพ่อบ้านก็เป็นห่วงเกินเหตุ
“เอาเป็นว่า จัดการเรื่องย้ายเข้าให้เรียบร้อยนะ เมย์ต้องไปจัดการเรื่องเรียนต่อ…บีมมาพอดี”
“พร้อมหรือยังครับพี่เมย์”
นั่นคือ “บีม” หรือ "อาทิตยพล" น้องคนที่สอง ที่อยู่หอพักนี้มาก่อน วันนี้มันต้องลงมาก่อนเวลาเรียนเกือบสองชั่วโมง เพื่อมาช่วยเดินเอกสารการเรียนเป็นเพื่อนฉัน ให้เสร็จเรียบร้อย
“ไปเถอะ … คุณบดินทร์ถ้าย้ายของเสร็จแล้วฝากกุญแจไว้กับนิตินะคะ”
“ครับคุณหนูใหญ่”
ฉันรีบลากแขนบีมน้องชายสุดที่รักออกจากจากตรงนั้นทันที
"จบเมย์ทอล์ก"
"ซีนายทอล์ก"
เที่ยวตรง เลิกเรียนภาคเช้า เหล่านักศึกษาต่างแยกย้ายไปทานข้าว บางคนกลับไปตึกคณะเพื่อทานข้าว และเตรียมขึ้นเรียนต่อในตึกคณะต่อ รุ่นพี่สถาปัตย์ปีสามก็เป็นเช่นนั้น
ฉันกับบีมลุกออกจากโต๊ะเกือบจะเป็น 2 คนสุดท้าย ดูเหมือนว่าบีมจะมีเรื่องให้คิดอยู่นะ ทำให้การเรียนตลอดทั้งเช้า ดูเหมือนจะไม่มีสมาธิเอาเสียเลย
"โอเคมั้ยมึง ดูเคลียดๆนะ" ฉันถาม มันพยักหน้าและตอบว่า
"ก็นิดหน่อย เรื่องพี่เมย์น่ะ พวกพี่ถาปัดให้กูพาพี่เมย์ไปเลี้ยงที่ร้านบาร์บีย์"
พี่เมย์ ฉันจำได้ว่าพี่สาวของบีมเพิ่งออกจากโรงพยาบาล หลังจากที่รักษาตัวอยู่นานเกือบ 2 ปี แม้ว่าพี่เขาจะอยู่ปี 3 แต่ก็ต้องมาเก็บวิชาของปี 1 เทอม 2 เพื่อจะเรียนวิชาที่เป็นตัวต่อในเทอมต่อๆไป ตามหลักสูตรที่กำหนดไว้ บางวิชาจะเปิดสอนปีละครั้ง
อีกอย่างพี่เมย์ ทั้งสูง หุ่นดี หน้าตาดี น่ารัก และขี้เล่นมากๆ เห็นครั้งแรกก็จำได้ทันที
"น้องบีม น้องบีมคะ"
มีรุ่นพี่ปีสามคนหนึ่ง ดูจากเข็มกลัดที่อกเสื้อ น่าจะเป็นนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ ดักรออยู่หน้าห้อง พี่เขาพยายามหลบหน้าใครบางคนอยู่ และรอจนออกไปหมดแล้วถึงจะปรากฎตัว
“พี่ดีดี้”
ฉันหยุดข้างๆบีม ไหว้รุ่นพี่ตามปกติที่รุ่นน้องทำกับรุ่นพี่ พี่ดีดี้สวยมาก ทันทีที่เห็น กลิ่นน้ำหอมแตะเข้าจมูก ... ฉันว่ามันฉุนไป... แม้มันจะเป็นน้ำหอมยี่ห้อดังก็ตาม แต่ถ้ามันเยอะไป มันก็ไม่ไหว
“ไม่เจอกันตั้งนาน บีมสูงขึ้นเยอะเลย”
“สวัสดีครับ พี่ดีดี้ พี่มาหาผมมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” บีมมันเหมือนตอบคำถามแบบขอไปที ฟังจากน้ำเสียงแล้ว
“เอ่อ คือว่า พี่… เพิ่งรู้ข่าวว่าเมย์กลับมาเรียนแล้ว”
“ครับ”
“เมย์เค้าเป็นยังไงบ้าง พี่ติดต่อเมย์ไม่ได้เลย เปลี่ยนเบอร์หรือเปล่า?”
“ไม่ครับ พี่ผมไม่ได้เปลี่ยน พวกพี่ได๋ยังโทรหาได้เลยครับ”
“แต่พี่โทรหาไม่ได้เลย หรือเมย์เค้าบล๊อคเบอร์พี่กันนะ”
“ผมไม่ทราบครับ พี่ดีดี้ลองไปหาพี่เมย์ที่คณะดูมั้ยครับ”
“เอางั้นเหรอ” พี่ดีดี้เหมือนกำลังชั่งใจ และมีความรู้สึกผิดหวังนิดๆที่การบากหน้า
"บีมไม่มีอะไรปกปิดพี่ใช่มั้ย”
“ไม่มีครับ”
“บีม รีบไปทานข้าวกันเถอะ” ฉันดูนาฬิกาเห็นว่ามันช้ามากแล้ว ไหนจะต่อแถวซื้อข้าว และไหนจะต้องวิ่งไปตึกคณะจะใช้เวลานาน และอาจจะทำให้เข้าเรียนสาย
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
บีมมันจบการสนทนา เปลี่ยนมาจับต้นแขนของฉันแล้วดึงกึ่งลากออกไปจากตรงนั้นอย่างเร่งรีบ โคตรจะมีพิรุธเลย กระตุ้นความอยากรู้ขึ้นมา
“พี่คนนั้นเค้าเป็นใคร มาถามเรื่องพี่สาวมึงทำไม”
“พี่ดีดี้เป็นแฟนพี่เมย์ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงมาหากู กินข้าวเถอะอย่าไปสนใจเลย”
RRRR… ใครโทรมาขัดจังหวะฉ้านนน
“สวัสดีครับ …ใช่ครับผมเป็นน้องชายของ เมยาวีครับ…อ๋อ ครับๆ ผมเอาไปให้ได้ครับ … งั้นเดี๋ยวผมไปหาจารย์เลยดีกว่าครับ”
"เกิดอะไรขึ้นมึง" บีมมันเกาหัวแรงๆ กำลังหงุดหงิด
“ซี ฝากซื้อข้าวด้วยนะ เดี๋ยวกูต้องไปเอาเอกสารให้พี่เมย์ก่อน อาจารย์บอกว่าติดต่อพี่เมย์ไม่ได้ ไปไหนของเค้านะ…”
แล้วมันก็จาก
ตอนนี้เหลือเพียงแค่ฉันคนเดียวสินะ ที่ยังคาใจและต้องเดินไปที่ป้ายรถราวเพื่อจะนั่งรถไปยังตึกคณะ
รอไม่นานนัก รถรางก็มาจอดรับนักศึกษา แต่พอขึ้นไปนั่ง คนที่อยู่ข้างๆฉัน คือ...
“พี่เมย์!!!” ฉันตกใจมาก ขอบอก เพิ่งจะพูดถึงเมื่อกี้นี้เลย ให้ตายเถอะ
“เรารู้จักกันเหรอ” พี่เมย์ชี้ตัวเอง
“ซีนายค่ะ เพื่อนบีม”
พี่เมย์นิ่งคิด ก่อนจะนึกออกว่าฉันเป็นใคร
“อ๋อ…แฟนไอ้บีมนี่เอง”
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่แฟน เพื่อนค่ะ เพื่อนสนิท” เรามีนโยบายอันแรงกล้าว่า จะไม่ชอบเพื่อนในกลุ่มเด็ดขาดค่ะ
“อ้าว ใครจะไปรู้ ไอ้บีมมันหล่อจะตาย ใครเห็นก็ชอบมันทั้งนั้น”
โห... พี่เมย์เป็นคนอวยน้องสุด ใครเป็นน้องโคตรโชคดี
“แหม ไม่อวยน้องเลยนะคะ”
“จริงๆนะ น้องพี่หล่อทุกคน เมื่อกี้ไอ้บิวเพิ่งถูกสารภาพรักมา”
ไอ้บิว ที่เมย์หมายถึงน่าจะเป็นน้องคนที่ 3 เรียนปีหนึ่ง คณะครุศาสตร์ เป็นถึงเดือนคณะเสียด้วย ตอนประกวดไอ้บีมมันชวนไปเชียร์ข้างเวที
“นี่พี่ไปแอบดูมาเหรอคะ?”
“ใครแอบ ดูตรงๆโต้งๆเลย” พี่เมย์เป็นคนพูดตรงๆ ซัพพอร์ตน้องๆ ดูเป็นพี่ใหญ่ใจดีแสนอบอุ่นของบ้านจริงๆ นี่ถ้าไม่ป่วยเสียก่อน เราคงสนิทกันมากกว่านี้แน่ๆ ดูสิ แค่นั่งคุยด้วยไม่นานนัก ก็อยากทำความรู้จักให้มากกว่านี้
“แล้วนี่พี่กำลังจะไปไหน รู้มั้ยคะมีคนกำลังตามหา”
“บีมเหรอ?” ดูเหมือนพี่แกจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ว่ามีใครบ้างที่ต้องการเจอตัวบ้าง “หรือพวกถาปัด แต่เมื่อกี้ก็นัดกันแล้วนี่ วันนี้ทุ่มตรงที่บาร์บีย์” เจ้าตัวต้นเรื่องพยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออก
“มีพี่คนนึงค่ะ ชื่อพี่ดีดี้ ได้ยินว่าโทรหาพี่เมย์แล้วไม่ติด”
“ทำไมล่ะ พี่ก็ใช้เบอร์เดิมนะ แปลกจริง” เมย์เอามือถือขึ้นมาดู ปรากฎว่าแบตเตอรี่หมด
“แบตหมดพอดี เรามีพาเวอร์แบงค์มั้ย?”
“ไม่มีค่ะ ไม่ได้พกมาค่ะ” ฉันวางหนังสือแล้วมาค้นกระเป๋าแต่มันไม่มี
“อ้าวเหรอ ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับหอไปชาร์ตก่อน”
รถรางกำลังจะผ่านลานจอดรถกลางของมหาวิทยาลัย จึงกดสัญญาณให้คนขับจอดรถ
“พี่ไปล่ะ บ๊ายบาย”
เมย์ลงรถไปแล้ว ทิ้งให้ฉันโบกมือลาตอบอย่างงงๆ การพบเจอและลาจากกันแบบปุบปับไม่ทันตั้งตัว กว่าจะตั้งตัวได้ก็มาถึงหน้าตึกคณะพอดี
เวลาช่างหมุนเร็วจัง
"จบซีนายทอล์ก"
"เมย์ทอล์ก"
เมื่อ 1 ชั่วโมงก่อนหน้าที่จะนั่งรถราง
ฉันลงจากตึกอำนวยการนักศึกษาและกำลังจะไปกองทะเบียน
เอ๊ะ พวกนั้นคุ้นๆแฮะ ทำอะไรอยู่ข้างๆตึก คณะสถาปัตย์ มีพวกนักศึกษาปีหนึ่งสามคนที่กำลังแอบดูอะไรอยู่
อ๋อนึกออกละ พวกเด็กครุฯนี่เอง
“เฮ้ย! พวกมึงทำไรกัน”
ที หันมาดูว่าใครทัก กำลังจะเอาเรื่องเพราะพูดไม่เข้าหู แต่พอเห็นหน้าคนทักเท่านั้น แทบจะยกมือไหว้ และสะกิดเดย์ กับเต๋อ
“ทำอะไร แอบดูอะไร” ฉันหันไปทางที่พวกมันทั้ง 3 แอบดูอยู่
“โถ พี่เมย์ ตกใจหมด”
“ตกใจเชี่ยอะไร เมื่อกี้มึงกำลังจะด่ากู กูอ่านตามึงออก”
ฉันสนิทกับเพื่อนของน้องๆทุกคน ซึ่งทั้งสามคนนี้เป็นเพื่อนของ บิว น้องชายคนที่ 3 มาตั้งแต่มัธยม และพวกนี้เคยตามบิวไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลบ่อย
“เปล๊า แค่หันมาดู ว่าเป็นใครเฉยๆ”
“เหรอ… แล้วพวกครุฯมาทำอะไรที่ตึกถาปัด”
ฉันนั่งยองลงข้างๆ
“เฮ้ย! ไอ้บิวนี่ แล้วนั้นใคร?”
“มันชื่อลม ปีหนึ่งวิดยาครับพี่ มันชอบไอ้บิวมาตั้งแต่ ม. 4 กำลังจะสารภาพรักไอ้บิว”
“ชอบมาตั้งแต่ ม.4 แสดงว่าอยู่โรงเรียนเดียวกับพวกเราใช่ป่ะ ทำไมไม่คุ้นหน้า”
“โถพี่ มันแอบชอบนะพี่ แอบชอบ เราจะไม่รู้ได้ไง” ไอ้เดย์ยอกย้อนปนกวนบาทา
“ไอ้เดย์ อย่ากวนตีน” ฉันตบหัวเดย์ ป๊าบ!! ลงโทษฐานกวนบาทาไม่รู้เวล่ำเวลา
“จุ๊ๆ อย่าเสียงดังสิ” ไอ้ทีห้ามปราม
“ไม่ได้ยินเลยเว้ย”
“ใจเย็นๆสิครับพี่เมย์”
ระยะที่ฉันอยู่ยังพอได้ยิน แต่เบามาก หากจะเข้าไปใกล้ๆ ก็กลัวว่าช่วงเวลาของความกล้าของคนที่เพิ่มจะกล้าบอกรักคนที่แอบรักจะเสียไป
“บิว…กู…ชอบมึงว่ะ ชอบมานานแล้ว”
พอได้ยิน ขนแขนของคนที่ได้ยินก็ลุกซู่ รู้สึกซาบซ่านในหัวใจ มันเป็นความรู้สึกดีมากๆ ที่มีคนมาบอกชอบและขอความรัก ฉันยังจดจำมันได้ดี
“กู…” คนถูกบอกชอบพูดไม่ออก หาเสียงของตัวเองไม่เจอ
“กูแค่อยากบอกมึงให้รับรู้ไว้"
“อ้อ..เอ้ออ..” บิวยังอึ้งอยู่
ฉันรู้สึกว่า "ลม" หนุ่มน้อยผู้กล้าหารกำลังใจแป้ว เริ่มจะมีอะไรการผิดหวังที่ได้รับการตอบรับจากคนที่ชอบแค่การออกเสียง อ.อ่าง ในฐานะพี่สาวต้องออกโรงแล้ว
“ยืนบื้ออยู่ทำไมวะ มึงก็ตอบไปสิว่ามึงรู้สึกยังไง ไอ้น้องเวร”
“เฮ้ย!! พี่เมย์” พวกไอ้ทีตกใจ ตะครุบฉันไม่ทัน
“พี่เมย์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่” บิวเพิ่มจะพูดได้ หลังจากมีอาการใบ้กิน
“มึงเป็นเชี่ยอะไร คนเค้าใช้ความกล้ามากนะเว้ยที่จะบอกชอบคนๆนึง ใช่มั้ยน้อง….เอ่อ…ลมใช่มั้ย”
“ค..ครับ” ลมตกใจมากที่มีผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้โผล่ออกมา
“ไอ้เดย์ ไอ้ที ไอ้เต้อ พวกมึงก็มาด้วย”
“พี่มีธุระที่ตึกอำนวยการ ผ่านมาเจอพอดี แล้วมึงก็ทำให้โมโห ที่ทำเป็นอึกอักยึกยัก รำคาญ รู้สึกยังไงก็ตอบเค้าไปสิ” สั่งสอนน้องกึ่งบังคับ
“โถพี่ ความรู้สึกมันพูดออกมาเป็นคำพูดมันยากนะครับ ผมตกใจ”
“ไม่…ไม่ต้องตอบกูก็ได้ กูแค่อยากบอกมึงเฉยๆ ผมไปก่อนนะครับพี่ สวัสดีครับ” ลมวิ่งหนีออกไปจากสถานการณ์ชวนอึดอัด
“อ้าว…เดี๋ยวสิ จะไปไหนล่ะ เดี๋ยวก่อน”
“โถ พี่ ทำอะไรเนี่ย ไอ้ลมหนีไปโน้นแล้ว” เดย์โวยวาย เสียดายเลยไม่รู้ว่าเพื่อนรักรู้สึกยังไงกับลมมัน
“ก็รำคาญไง แต่….” ฉันจับพิรุธบางอย่างในตาของน้องชายคนนี้ได้ “บิว เอามือถือมาซิ”
“อะไรพี่เมย์” น้องชายตัวใหญ่ไม่ยอมให้
“มึงจะให้ดีๆ หรือจะให้แย่ง แต่ไม่รับรองนะว่ามันจะอยู่ในสภาพเดิม” พี่ใหญ่ของบ้าน อยากได้อะไรก็ต้องได้ และเพื่อนสนิท ของน้องก็พร้อมจะแปรพรรคได้เสมอ
บิวส่งโทรศัพท์ให้ฉันแต่โดยดี
“เปิดด้วย หรือจะให้เปิดเอง”
“หมายความว่าพี่เมย์รู้รหัสด้วยหรือครับ พวกผมยังไม่รู้เลย”
“พี่เมย์เป็นคนตั้งรหัสไง สั่งห้ามเปลี่ยนด้วย”
บิวใส่รหัสปลดล๊อกให้แต่โดยดี ใช่แล้วน้องๆทุกคนมีโลกส่วนตัว แต่ต้องมีพี่อย่างฉันอยู่ในนั้นด้วย ใครแหกกฎนี้เจอดีทุกคน
“ก็แค่นั้น”
“พี่เมย์ดูอะไรครับ” พวกนักเสือกทั้งสามกู่กันเข้ามาล้อมฉันไว้ ดูมือถือของบิวอยากรู้อยากเห็น
แม้ว่าในโทรศัพท์จะไม่มีอะไร แต่เมื่อเปิดเข้าในในอินสตาแกรมเท่านั้น ฉันก็รู้เลยว่า…
“เอาคืนไป … แล้วอย่าลืมไปให้คำตอบลมมันด้วยล่ะ พี่ไปล่ะ”
ฉันยื่นมือออกไปลูบหัวน้องชายเบาๆ ให้กำลังใจ ในสายตาของฉัน น้องชายทุกคนแม้จะโต และตัวสูงใหญ่ขึ้น ก็ยังเป็นเด็กน้อยเสมอ
“น้องพี่ทำได้อยู่แล้ว”
“ครับ”
“ไปล่ะ ดูซิพวกมึงทำให้เสียเวลาเลย”
ฉันส่งยิ้มให้กับความสุขของน้องชายที่กำลังจะเกิดขึ้น สิ่งที่เห็นอินสตาแกรมของบิวคือ คนที่น้องชายติดตามตั้งแต่วันแรกที่รู้จักแอปพลิแคชั่นนี้ นอกจากพี่น้องอีก 4 คนแล้ว คนที่ 5 ก็คือ…ลม
ร้ายใช่เล่น ขอให้สมหวังนะน้องรัก
จบเมย์ทอล์ก
"ซีนายทอล์ก"
ตอนนี้เกือบจะบ่ายโมง นักศึกษาแพทย์ชั้นปีต่างๆ ที่มีเรียนต่างรีบเข้าห้องเรียนของตัวเอง แต่ฉันยังรอบีมอยู่หน้าตึก พร้อมกับข้าวกล่องของมัน
“มาช้าจริงๆ”
“รีบสุดแล้ว" อาการหอบจนหน้าแดง หูแดงของมัน แสดงว่ามันรีบมาเรียนสุดชีวิต
“ตอนขึ้นรถรางมาที่นี่ ฉกูเจอพี่เมย์ด้วยนะ” ฉันรอให้เพื่อนมันหายใจช้าลงก่อร ค่อยบอกเรื่องที่เจอพี่เมย์ให้มันฟัง
“แล้วทำไมไม่โทรบอกล่ะ นี่โทรหาก็ไม่ติด”
“แบตพี่เค้าหมด แล้วจะไปชาตที่หอ ตอนนี้น่าจะอยู่หอนะ ลองโทรดูสิ”
“เดี๋ยวก่อนก็ได้ รีบไปเถอะ อาจารย์จะเข้าแล้ว”
“แล้วข้าวกล่องล่ะ”
“เดี๋ยวค่อยกิน ไปเร็ว”
ฉันวิ่งตามแรงกระชากแขนของไอ้บีมเพื่อเข้าห้องเรียนให้ทัน คาบนี้เป็นวิชาเรียนรวมที่เรียนพร้อมกับน้องๆปีหนึ่ง ซึ่งมีบิวกับเพื่อนๆรวมอยู่ในนั้นด้วย พวกของบิวเห็นเราสองคนก็โบกมือส่งสัญญาณให้มานั่งด้วยกัน
“พี่บีมครับ รู้มั้ยครับว่าวันนี้พวกผมเจอใครมา?” ทีเปิดหัวเรื่องใหญ่จนโอเวอร์
“ใครวะ”
“พี่เมย์ครับ เจ้แกมาเรียนวันนี้”
“อื้อ รู้แล้ว”
“อ้าว”
ฉันเห็นที และอีกสองคนทำหน้าผิดหวังที่บีมไม่ตื่นเต้นกับการเจอพี่เมย์ของพวกเขาเลย
ฉันเลือกนั่งข้างๆบีมซึ่งเป็นตรงกลางห้องพอดี และก็ได้ยินพวกบีมกับน้องเม้าท์เรื่องพี่เมย์ได้ชัดเจน
“เมื่อเช้ากูไปช่วยเดินเอกสารให้ แล้วเพิ่งไปรับเอกสารการเรียนมาให้ จะดูมั้ยว่าพี่เมย์ต้องเก็บตัวไหนบ้าง” บีมส่งเฉพาะรายวิชาที่พี่สาวจะต้องเรียนให้พวกของบิวดู
เราจะได้เรียนกับพี่เมย์มั้ยนะ คนละคณะด้วย ... แต่เอ๊ะ ทำไมฉันต้องสนใจเรื่องของพี่เมย์ด้วยว่าจะเรียนด้วยกันมั้ย อาจเป็นเพราะได้ยินที่บีมกับน้องมันคุยกันแหละ เลยเอามาคิดด้วย
ตอนนี้ก็ยังได้ยินอยู่ หรือจะย้ายที่นั่งดี?
“อาจารย์แนะนำให้ค่อยๆเรียนไม่ต้องอัดเรียนเทอมเดียว จะทำให้ผลการเรียนไม่ค่อยดี”
“แต่ผมว่า คำเตือนของอาจารย์น่าจะไม่ได้ผลนะ”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน อาจจะใช่นะ แต่ตอนนี้พี่เมย์ควรจะทำตามที่อาจารย์แนะนำนะ”
“พนันกันมั้ยครับ”
เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกัน การพนันต้องเข้ามาช่วยแล้ว พี่น้องบ้านมีเสพติดการพนันหรือยังไง
“หมูกะทะเป็นไง?” บีมเสนอ
“ดีลครับ”
และอาจารย์ก็เริ่มสอน เปิดเอกสารการเรียนบน การสนทนาก็ยุติลง
Ratty tee rak : นาย พี่ต้องย้ายออกสิ้นเดือนนี้นะ เพราะพี่ต้องย้ายไปประจำที่อุดร
ข้อความจากพี่รัตน์ พี่สาวข้างห้องที่เช่าห้องอยู่ข้างๆ
ซ้ำตึกนั้นเป็นตึกขนาด 2 ชั้น ที่ชั้น 2 แบ่งเป็น 2 ห้อง และชั้นล่าง เธอปล่อยให้เช่าเป็นร้านอาหารที่ สิ้นเดือนนี้ก็กำลังจะย้ายร้านเหมือนกัน
อาคาร 2 ชั้นครึ่ง แห่งนี้เป็นมรดกชิ้นเดียวที่พ่อเหลือไว้ให้ฉัน ให้ปล่อยเช่าเพื่อใช้เงินส่วนนี้เป็นค่าเทอมในการเรียนหมอให้จบ
แต่มันกำลังจะจบ หากหาคนมาเช่าต่อไม่ได้ภายในเดือนนี้
นี่มันอะไรเนี่ยยยย....
"จบซีนายทอล์ก"
จบตอนที่ 1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา