22 พ.ย. 2021 เวลา 10:00 • ท่องเที่ยว
Chapter 18 : And This Too Shall Pass
เดี๋ยวมันก็ผ่านไป
(เขียนเมื่อเดือน พ.ค. 2021)
ตั้งแต่เจ้า Covid 19 ระบาดเมื่อต้นปี 2020 เราก็คิดไว้อยู่แล้วว่าวันนึงเราอาจต้องอยู่ในสถานการณ์กักตัวเข้าซักวัน ซึ่งเราคิดว่าตัวเองรับมือกับการต้องอยู่แต่ในบ้าน 24 ชม. 14 วันได้สบายแน่ๆ แต่เอาเข้าจริงๆพอถึงเวลาที่ต้องกักตัวขึ้นมา มันมีหลายอารมณ์ปนกันเต็มไปหมด ทั้งหงุดหงิด ทั้งกังวล ทั้งเบื่อ ไอ้ทีแรกที่คิดว่าจะชิลๆสุดท้ายมันไม่ได้ชิลเลยซักนิด 😩
เราเป็นคนชอบเดินทางท่องเที่ยวก็จริง แต่ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์เราชอบที่จะอยู่บ้านมากๆ ไม่ได้ชอบออกไปข้างนอกเจอคนเยอะๆเท่าไหร่ เราชอบอยู่เฉยๆ นั่งฟังเพลง อ่านหนังสือ ดู TV ไปตามประสาคนขี้เกียจ เต็มที่ก็มีออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะเช้าวันอาทิตย์บ้าง (ซึ่งหยุดกิจกรรมนี้ไปนานนนนนมากละ 🤣)
เราชอบอยู่บ้านจนเคยคิดเล่นๆว่า ถ้าวันนึงต้องออกจากงานแล้วมาอยู่บ้านเฉยๆนี่คงจะเป็นอะไรที่ดีมากๆเลยนะ 😁
แต่พอได้อยู่บ้านสมใจอยาก 2 อาทิตย์จริงๆ มันไม่เป็นอย่างที่คิดเลยซักนิดเพราะเจ้า Covid นี่แหละ
วันที่ 12 เมษา 2021 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดสงกรานต์ น้องในทีมโทรมาบอกว่า "หนูติด Covid ค่ะ" เรางี้อึ้งๆๆๆ เพราะก่อนหน้านั้นเจอกันทุกวัน นั่งคุยงานกันทุกวัน แต่โชคยังดีที่น้องคนนี้เค้าใส่ mask ตลอดเวลา ส่วนเราใส่มั่งไม่ใส่มั่งเพราะเห็นว่าถ้าคุยงานกันแค่ 2 คน เราจะนั่งให้ห่างกันเกินเมตรนึงอยู่แล้ว เราก็เลยมักจะถอด mask ออกเพราะใส่แล้วพูดไม่ถนัด
ส่วนสาเหตุที่น้องติด จนบัดนี้ยังไม่รู้เลยว่าติดจากที่ไหน ติดมาได้ยังไง แต่สันนิษฐานว่าอาจจะติดจากการไปเจอเพื่อนที่ไปเที่ยวทองหล่อในช่วงที่เกิดการระบาดรอบใหม่ (แต่เพื่อนคนที่ว่าก็ไปตรวจ Covid มาสองรอบ ผลเป็นลบทั้งสองรอบ ก็เลยยังเป็นปริศนาอยู่ 🥴)
วันนั้นพอตั้งสติได้ก็รีบแจ้งที่ทำงานทันที เพื่อดำเนินมาตรการทำความสะอาดบริษัท และให้ พนง. คนอื่นๆระวังตัวกันให้มากขึ้นเมื่อกลับมาทำงาน ส่วนแผนกที่น้องทำงานอยู่ก็ต้องไปตรวจ Covid กันทุกคนรวมทั้งเราด้วย และต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน
จากนั้นเราก็แจ้งให้สมาชิกในบ้านรับทราบทุกคน จะได้ไม่มาเข้าใกล้เรา ส่วนเราก็พยายามอยู่แต่ในห้อง มีออกมาเดินเล่นแก้เบื่อบ้าง ออกมาทานข้าวบ้างก็จะใส่ mask ตลอด ล้างมือทั้งสบู่ทั้งแอลกอฮอล์เจลบ่อยมากกกก เพราะเราอยู่กะแม่ (ที่อายุ 78 ละ) ซะเป็นส่วนมาก เราเป็นห่วงเค้ามาก ถ้าเกิดเราติดขึ้นมาจริงๆ แม่เราจะต้องแย่แน่ ยิ่งคิดแบบนี้ก็ยิ่งต้องระวังตัวให้มากขึ้นไปอีก
นี่แหละคือสาเหตุที่เราบอกว่า การกักตัว 14 วันมันทำให้เราไม่มีความรู้สึกได้ชิลเลยซักนิด เพราะมันมีแต่ความเครียด กังวล ระแวงว่า นี่ตูติดรึป่าววะ? ทำไมวันนี้ตื่นมาปวดหัวจัง เห้ยวันนี้มีไอด้วย วันนี้ปวดตามตัว 🥴
ซึ่งไอ้อาการพวกเนี้ยะมันเหมือนยิ่งคิดยิ่งเครียดก็ยิ่งเป็น เอาจริงๆทานยาแก้แพ้ ดื่มน้ำมากๆ นอนซักพักมันก็ดีขึ้น ยิ่งคนที่เป็นภูมิแพ้อย่างเราจะสับสนมากเพราะปกติก็จะมีอาการพวกนี้อยู่เรื่อยๆเป็นประจำ แต่พอมี Covid เข้ามาในชีวิตก็เลยลืมเรื่องภูมิแพ้ไป คิดแต่ว่าตูต้องติด Covid แล้วแน่ๆเลย 😭
หลังจากกักตัวได้ 4 วัน ออกไปไหนไม่ได้เลย เบื่อโคตรๆ ก็ได้เวลาออกจากบ้านครั้งแรกเพื่อไปตรวจหาเชื้อ Covid ที่ต้องรอประมาณ 4-5 วัน เพราะได้รับคำแนะนำจากคุณหมอว่า ระยะเวลา 4-5 เป็นเวลาที่เชื้อจะเริ่มฟักตัว ถ้าไปตรวจเร็วเกินไปอาจจะยังไม่เจอ ก็เท่ากับเจ็บตัวฟรีๆ
เราเคยมีประสบการณ์ตรวจ Covid มาครั้งนึงแล้วเมื่อต้นเดือน มีนา ปี 2020 ตอนที่ยังไม่มีประกาศ lock down เพราะตอนนั้นมีเพื่อนมาจากต่างประเทศ และเราพาเค้าไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่ โดนแดดเยอะไปหน่อยเลยเป็นหวัดแดด แต่คนรอบตัวกลัวกันมากว่าเราจะเป็น Covid เลยไล่ให้เราไปตรวจ ซึ่งตอนนั้นเกิด cluster สนามมวยพอดีเลยดูน่ากลัวมากๆ
รพ.ที่เราไปตรวจก็จัดระเบียบดีมากๆ เสมือนเราได้ติดเชื้อไปแล้วเลย 😅 มีการจำกัดพื้นที่ของผู้ที่มาตรวจไม่ให้เดินปะปนกะคนปกติทั่วไป ต้องออกมานั่งรอนอกอาคารกับอากาศที่ร้อนมากๆ ต้องรักษาระยะห่างซึ่งก็ไม่ถึง 1 เมตรหรอก เพราะคนมาตรวจค่อนข้างเยอะ ขั้นตอนมากมายตามแบบฉบับของ รพ. กว่าจะได้ตรวจปาเข้าไปเกือบ 2 ชั่วโมง
ซึ่งพอถึงตอนตรวจ (อย่างที่รู้กันว่าเป็นการแหย่ไม้เข้าไปในโพรงจมูกเพื่อเก็บสารคัดหลังมาตรวจ ก็เจ็บอ่ะนะ แต่ทนได้) เร็วโคตรๆ ไม่ถึงนาทีก็เสร็จ และผลที่ออกมาก็เป็นแค่ไข้หวัดไม่ได้ติด Covid (เฮ้อออออ โล่ง) ปีนี้พอรู้ว่าจะต้องไปตรวจอีกก็ขอไปตรวจที่คลีนิคละกัน เร็วดี ค่าใช้จ่ายก็ถูกกว่ามากด้วย
วันที่ไปตรวจ เรามีความมั่นใจมากว่าตัวเองไม่ติดแน่นอน คือต้องคิดบวกไว้ก่อนว่าไม่ติด 5555 และผลก็ออกมาว่า "ไม่ติด" ดีใจมากๆ ที่บ้านก็โล่งใจไปเปลาะ แต่ไงก็ต้องไปตรวจรอบสองอีกครั้ง ระหว่างนั้นก็ต้องทำตัวให้เรียบร้อย ไม่ออกไปเพ่นพ่านที่ไหนเด็ดขาด ก็เลยเข้าโหมดเครียดขึ้นมาอีกครั้ง 😩
แต่จะว่าไป ไอ้การกักตัวก็ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องเครียดๆนะ เอาจริงๆเราก็ได้มีเวลาทำอะไรตั้งหลายอย่างด้วยเหมือนกัน
ช่วงเวลาที่อยู่บ้าน ทุกเช้าเราจะตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว (แต่ไม่ต้องแต่งหน้า 😆) เพื่อเตรียมทำงานในแต่ละวัน เราเชื่อว่าการทำตัวใกล้เคียงกะปกติจะทำให้รู้สึกกระตือรือร้นในการทำงานขึ้นมาได้มากเลย
แต่นั่งทำงานโน่นนี่ไปซักพัก ความรู้สึกเบื่อเซ็งมันก็จะเริ่มเข้ามาละ เพราะเราออกไปไหนไม่ได้เลย ไม่ได้เจอใครเลย ต้องอยู่แต่ในห้อง แต่สุดท้าย เราก็ได้ค้นพบวิธีแก้เครียดในแบบของเรา 😆
วิธีแก้เบื่อที่ดีมากๆของเราคือ การระบายสีภาพตามตัวเลข (มันจะมีขายใน online เยอะแยะเลย แค่เสริชหาคำว่า "ระบายสีภาพตามตัวเลข" ก็จะขึ้นมาเต็มไปหมด) เราสามารถนั่งระบายได้เป็นชั่วโมงๆเลยนะ
มันเป็นการฆ่าเวลาที่โคตรดีเลย และทำให้ไม่ฟุ้งซ่านด้วย เพราะเปิด TV ก็เจอแต่ข่าว "ตัวเลขผู้ติดเชื้อวันนี้" เปิดมือถือก็เจอแต่คนแชร์เรื่อง Covid จนมันเครียดไปหมด (ดู Netflix ไม่ได้เพราะเป็นเวลาทำงาน เดี๋ยวติด 555) เพราะฉะนั้นเราจะพยายามไม่ดูไม่เสพข่าวเลย เต็มที่ก็แค่วันละครั้งเพื่อให้รู้สถานการณ์ แต่เราเลือกจะระบายสีแก้เครียดแทน ได้ทั้งสมาธิ ได้ทั้งความสงบใจ
เนี่ย ผลงานช่วงกักตัว ระบายเสร็จไปภาพนึงเลย ไปเที่ยวไหนไม่ได้ก็วาดภาพมโนว่าได้ไปเที่ยวทิพย์แทนละกัน 🤣
มันอาจจะไม่ได้เลิศเลอเพอร์เฟค แต่มันก็ได้ความภูมิใจน้า 😁
ปกติแต่ละภาพไม่เสร็จเร็วขนาดนี้หรอก ใช้เวลานานหลายเดือนเลยแหละ เพราะส่วนใหญ่คือขี้เกียจ 🤣 และจะทำเฉพาะวันหยุดอยู่บ้านเท่านั้น แต่ภาพนี้เสร็จเร็วจนตัวเองยังตกใจ เรียกว่าว่างเป็นไม่ได้ต้องรีบจับพู่กันเลย ไม่งั้นเดี๋ยวมือไปหยิบรีโมท TV เปิดข่าว Covid ละจะยิ่งเครียดไปกันใหญ่ 🥴
นอกจากนั้นเราจะพยายามออกกำลังกายทุกวันเลย เปิดดูจากใน Youtube นั่นแหละ มีเพียบเลย ดีดีทั้งนั้น ทำวันละครึ่งชั่วโมงบ้าง หนึ่งชั่วโมงบ้างแล้วแต่ความขยัน เพราะเรารู้สึกว่าเวลาออกกำลังกายแล้วเหงื่อออก มันคลายเครียดได้ดีมากๆ
ยิ่งทำแล้วเห็นรูปร่างที่มันดีขึ้น ก็ยิ่งรู้สึกอยากทำเข้าไปอีก เรียกว่ากักตัวงวดนี้นอกจากจะได้มีเวลาทำงานอดิเรกอย่างเต็มที่ ยังได้รูปร่างที่ดีขึ้นด้วย วู้ววววว
แต่เรารู้ตัวเลยนะว่าช่วงกักตัวเราเครียดกว่าเดิมมากกกกกก จนมันออกอาการขี้หงุดหงิดขึ้นมาเลย แถมจะพาลใส่คนอื่นได้ง่ายๆด้วย พอรู้ตัวก็พยายามหาทางผ่อนคลายตัวเอง
อย่างที่บอกฟังเพลง ระบายสี ออกกำลังกายให้หายหงุดหงิด เรื่องพวกนี้ช่วยได้เยอะจริงๆ ถ้าใครมีอาการคล้ายๆเรา แนะนำเลย หรือไม่ก็ลองหางานอดิเรกที่ตัวเองชอบแต่ไม่มีเวลาทำมัน ตอนนี้แหละเป็นเวลาทองของคุณละ 😆
หลังจากตรวจหาเชื้อครั้งแรกประมาณ 1 อาทิตย์ก็ได้เวลาไปตรวจเชื้อครั้งที่ 2 ซึ่งผลก็ออกมาตามคาดคือ ไม่ติด Covid จ้า ดีใจมากๆ
แต่จากนี้ไปเราบอกกับตัวเองว่า ยังไงก็ต้องระวังตัวให้มากขึ้นกว่าเดิมที่เคยทำ จากใส่หน้ากากบ้างถอดบ้าง เป็นใส่ตลอดเวลาที่อยู่นอกบ้าน ล้างมือบ้างไม่ล้างบ้าง เป็นล้างตลอดเวลาเลย อย่างน้อยเราจะต้องไม่เอาเชื้อไปให้คนในบ้านเป็นอันขาด นอกจากเรารอดแล้ว คนที่บ้านต้องรอดด้วย ✌️
ไม่มีใครรู้อนาคตหรอกว่าจะเป็นยังไงต่อไป และไอ้เจ้า Covid จะยังอยู่กะเราอีกนานแค่ไหน เราอาจจะต้องติดเชื้อเข้าซักวันนึงก็ได้ 😣
แต่ถ้ามัวแต่คิดกังวลกับมัน ก็มีแต่จะทำให้เครียดมากขึ้นจนอาจจะส่งผลกระทบกะร่างกายตัวเอง และยังเกิดอาการเหวี่ยงวีนกับคนรอบข้างได้ เพราะฉะนั้นในระหว่างที่เรายังปกติดีก็ควรระวังตัวให้มาก อดทนที่จะไม่ออกไปข้างนอก ไปสังสรรค์ ไปเจอเพื่อน ไปทำอะไรๆที่เราเคยทำกัน
และพยายามดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีที่สุด บำรุงตัวเองซะมั่งหลังจากใช้งานมันมาเยอะ 555 ดูแลตัวเองให้แข็งแรงเข้าไว้ทั้งกายและใจ เพราะถ้าหากวันนึงเราติด Covid ขึ้นมาจริงๆ อย่างน้อยร่างกายที่แข็งแรงก็จะช่วยให้ความรุนแรงของอาการมันทุเลาเบาบางลงได้ และอาจจะหายได้เร็วขึ้น
สุดท้ายนี้ อยากให้กำลังใจทุกๆคนรวมทั้งตัวเราเองด้วย เราเชื่อว่าเดี๋ยวชีวิตพวกเราจะต้องดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน แต่อาจจะไม่ใช่ภายในปีนี้ ภายในเร็ววันนี้ แต่ขอให้พวกเราอดทน คิดซะว่า
"เดี๋ยวมันก็ผ่านไป "
"And This Too Shall Pass"
ไม่มีความทุกข์ไหนที่อยู่กับเราถาวรเช่นเดียวกับความสุข มันผ่านเข้ามาแล้วเดี๋ยวมันก็ผ่านออกไป ขอให้เราอยู่อย่างมีสติ อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะทุกคน ❤️
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ 😊
โฆษณา