12 พ.ย. 2021 เวลา 13:44 • หนังสือ
วันนี้ผมจะมารีวิวและสรุปหนังสือที่มีชื่อว่า
‘The lost skill ทักษะที่หายไปในศตวรรษที่ 21’
1
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยอ. นภดล ร่มโพธิ์
หนังสือเล่มนี้ว่าด้วยเรื่องการค้นหาทักษะเพื่อนำมาปรับใช้
ในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
โดยเริ่มจากพื้นฐาน และมีการบอกวิธีการพัฒนาตนเองต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นไม่มีเวลา
การอ่าน การอ่านเขียน รวมถึงมุมมองในอนาคตของอาจารย์ด้วยครับ
ในเล่มจะมี 33 บท
แต่ในพาร์ทแรกผมยกมา 6 เรื่องที่น่าสนใจ
และจะมีเรื่องราวต่อไปในโพสต่อๆไป
ใครอยากให้มีโพสต่อไปของเล่มนี้
บอกได้เลยครับ
3
ความรู้สึกหลังอ่าน
เป็นหนังสือที่มากครับ
นำมาจากทั้งหนังสือและประสบการณ์ของอาจารย์เอง
ที่ผมชอบในทุกๆเล่มของอาจารย์เขียน คือ แต่ละวิธี
แต่ละคนอาจจะใช้ได้ไม่เหมือนกัน
ขอให้ได้ลองไปทำตามดู ไม่ได้บอกให้เชื่อ ถ้าได้ผลแล้วก็ทำต่อ
ไม่ได้ผลด็เลิกครับ
รวมถึงมุมมองจากการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีต่อการเรียนรู้และมหาวิทยาลัยในอนาคต
ซึ่งอาจารย์บอกมาได้น่าสนใจมากๆครับ
ค้นหาทักษะที่หายไป
1
เราควรจะมีทักษะอะไร เพื่อจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยากรวดเร็วในปัจจุบัน
โดยมีอยู่ 3 อย่างครับ
1 ทักษะการอ่าน
คนไทยจริงๆแล้วอ่านเยอะครับ เพียงแต่เป็นการอ่านข้อความต่างๆในออนไลน์
อาจารย์แนะนำว่าควรอ่านหนังสือครับ
เพราะหนังสือจะช่วยแก้ปัญหาให้กับเราได้
และต้องมีอย่างน้อย 1 เล่มที่ตอบโจทย์เราครับ
ยิ่งอ่านเราก็จะยิ่งเก่งครับ ซึ่งผมเห็นด้วยครับ
2
2 ทักษะการเขียน
การเขียนสามารถเข้าถึง’หัวใจ’ ของผู้รับสารได้มากกว่าคำพูด
เพราะตอนที่อ่านหนังสือ คนนั้นจะต้องมีความพร้อมในการอ่าน
แต่การพูด คนฟังอาจจะยังไม่พร้อมฟังก็ได้
ยิ่งฝึกเขียนยิ่งดีขึ้น เราจะยิ่งเข้าใจตัวเรา คนอื่นด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร
แต่การสามารถปรับการสื่อสารให้ทันสมัยอยู่เสมอผ่านการเขียนครับ
1
3 ทักษะในการเรียนรู้
เรียนรู้เรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อช่วยให้เรามีความรู้และปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้นครับ
6 วิธีแก้นักเขียนตัน
หรืออีกชื่อ คือ ‘Writer’s Block’ หรือ อาการที่เราอยากเขียนแต่ไม่รู้จะเขียนอะไร
เป็นอาการที่ผมเป็นบ่อยเช่นเดียวกันครับ และวิธีทั้ง 6 นี้ก็เป็นสิ่งที่ผมเคยลองและไม่เคยลองครับ
1 อ่านหนังสือหรือบทความ
วิธีที่ง่ายที่สุดคือ การ input ข้อมูลเข้าไปครับ
พอเราอ่านเราได้ข้อมูลหรือไอเดีย เราจะเขียนต่อได้ครับ
2 ออกกำลังกาย
อาจจะดูไม่เกี่ยวแต่การได้ออกกำลังกาย ก็เพิ่มไอเดียได้มากครับ
ส่วนตัวแล้ว แต่การออกไปเดินเล่นหรือเดินไปซื้อของ บางทีไอเดียมันก็โผล่มาได้เลยครับ
3
3 ฟังพอดแคสต์
คล้ายๆกับข้อ 1 ครับ แถมยังมีหมวดหมู่หลากหลายให้เราเลือกฟังด้วยครับ
1
4 ตอบคำถามที่มีคนถามมา
เป็นวิธีจากอาจารย์ที่เอามาจากการถามเข้ามาครับ
ใครที่ไม่ค่อยมีคำถามอาจจะลองไปถามตามกลุ่ม หรือที่ใดก็ได้ที่มีคนเยอะๆดูครับ
5 ติดตามข่าวสารต่างๆ
ดึงหัวข้อที่เป็นประเด็นในสื่อออนไลน์มาเขียน
แต่ต้องระวังว่า ความสนใจในเรื่องนั้นๆมันมีเวลาไม่นาน
แปปเดียวคนก็ไม่สนใจครับ
6 เริ่มเขียน
ลองเขียนอะไรก็ได้ไปก่อนครับ พอเราเขียนไปเรื่อยๆ
รู้ตัวอีกทีมันจะเขียนได้ไม่หยุดเลยครับ
1
อนาคตของมหาวิทยาลัย
อาจารย์ได้ให้มุมมองไว้แบบนี้ครับ
1 คณะ/สาขาวิชาจะหายไป
ความรู้จะต้องถูกเชื่อมโยงกัน โดยผู้เรียนจะเป็นผู้ออกแบบการเรียนเอง
อยากทำอาชีพอะไรแล้วมันต้องใช้ความรู้ไหนบ้าง
2 การสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะเปลี่ยนแปลงไป
เนื่องจากคณะหายไป การสอบเข้าก็ต้องเปลี่ยนแปลงตาม
อาจจะขึ้นกับมหาวิทยาลัยว่าจะปรับตัวอย่างไร
สอบวัดโดยรวมแล้วให้คนมีคะแนนมากเลือกวิชาได้ ? เป็นต้นครับ
3 เลคเชอร์ในห้องจะหายไป
เพราะเราเรียนออนไลน์ได้ และการเรียนของแต่ละคนก็ปรับความเร็วในการเรียนไม่เท่ากันครับ
บางคนอาจดูซ้ำ บางคนอาจข้ามได้เลย เป็นต้น
4 การสอบแบบในปัจจุบันจะหายไป
อาจจะเหมือนการอบรมในปัจจุบันหรือแล้วแต่บริษัทว่าจะกำหนดเงื่อนไขการรับอย่างไรครับ
5 ใบปริญญาจะหมดความสำคัญ
เพราะสิ่งที่สำคัญจริงๆจะอยู่ที่ความสามารถของเรา
และจากการที่เลือกเรียนได้เอง ความสำคัญในใบปริญญาจะลดไปอย่างมากครับ
อาจารย์ก็บอกว่าไม่แน่ใจว่าจะเป็นแบบนี้หรือไม่
แต่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนบ้างอย่างแน่นอนครับ
ใครคิดเห็นอย่างไร คอมเมนท์ได้เลยครับ
กฎ 3 แห่งการตั้งเป้าหมาย
3-3-3-3
1
3แรก คือ 3 ปี
มองเป้าหมายของเราในระยะ 3 ปีครับ
เพราะมากกว่านี้มันอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงมากไปครับ
3 สองคือ 3 เดือน
เป็นการย่อตัวแรกให้เราเห็นชัดการลืมครับ
3 สาม คือ 3 สัปดาห์
3เดือนอาจจะเห็นว่าไม่นาน แต่เราลืมได้ครับ
ย่อให้เหลือเป็น 3 สัปดาห์ครับ
3 สี่ คือ 3 วัน
สั้นๆครับ เราจะทำอะไรต่อไปเพื่อให้ไปถึงจุดหมายต่างๆครับ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นคือการอัพเดตความก้าวหน้า
การได้เห็นความพัฒนาของตนเองจะทำให้เราไปถึงเป้าหมายนั้นได้ครับ
ทฤษฎี vs ประสบการณ์
แต่ละอย่างก็มีข้อดีข้อเสียของมัน
เราจึงควรเรียนทั้งคู่ครับ
หากเรียนแต่ประสบการณ์มากไป อาจจะมีอคติหรือเรื่องราวของคนนั้นปนอยู่มาก
ส่วนทฤษฎีมันก็มาจากการสังเกตต่างๆจากประสบการณ์
แต่สิ่งสำคัญจริงๆคือ
การนำทฤษฎีไปปรับใช้เพื่อตอบโจทย์ของตัวเอง
นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ
โลกที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
1 Work From Home เป็นเรื่องปกติ
สิ่งนี้มีมานานแล้วแต่คนยังไม่ค่อยชินครับ
หลังผ่าน COVID-19 มา จะกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้นครับ
2 การเรียนออนไลน์เป็นเรืองปกติ
เช่นเดียวกับ Work From Home ที่คนจะสามารถเรียนจากที่ไหนก็ได้
เพิ่มความสะดวกอย่างมากครับ
3 อาชีพ Digital Nomad จะเป็นสิ่งปกติ
คือ อาชีพที่ทำงานที่ไหนก็ได้เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต
การฝึกอบรมหรือจะทำอะไรก็ทำผ่านอินเทอร์เน็ตได้ทั่วโลกครับ
4 การเข้มงวดทางสาธารณสุขเป็นปกติ
ก็จาก COVID-19 ที่จะทำให้ต้องมีการเข้มงวดเป็นปกติครับ
5 ทำธุรกิจออนไลน์เป็นเรื่องปกติ
ไลฟ์สไตล์คนเปลี่ยน บางอย่างอาจจะจำเป็นแค่ออนไลน์ครับ
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราทำได้คือการกลับพัฒนาตัวเอง
ไปที่ความสามารถพื้นฐานดังที่กล่าวไปในหน้าก่อนๆ
และต่อยอดไปสู้ทักษะอื่นๆต่อไปครับ
ขอบคุณสำหรับการรับชมครับ
โฆษณา