13 พ.ย. 2021 เวลา 03:29 • ข่าว
บทสรุปของการชุมนุมทางการเมืองที่ไม่อยู่ในกรอบของ *สันติ*:
ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาออกมาแล้วว่าการชุมนุมของประชาชนที่ชูสามนิ้วเป็นการชุมนุมที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ฝ่ายผู้ชุมนุมประท้วงบอกว่าพวกตนต้องการแค่ *ปฏิรูป* ไม่ใช่ *ล้มล้าง* หรือ *ปฏิรูป*
แต่ในการพิพากษา ตุลาการท่านรวบรวมข้อมูลระหว่างที่มีการชุมนุมประท้วงซึ่งใช้วาจาสามหาว หยาบคายโจมตีสถาบันอยู่เนืองๆ เป็นการชุมนุมประท้วงของคนที่ไม่อยู่ในกรอบของสันติ ผมเคยอธิบายแล้วว่าการชุมนุมที่จะเรียกได้ว่าสันติ จะต้อง
๑.สันติทางกายกรรม กล่าวคือประท้วงอย่างสงบ ไม่แสดงอาการก้าวร้าว รุนแรง ยั่วยุเจ้าหน้าที่ให้เห็น
๒.สันติทางวจีกรรม กล่าวคือไม่กล่าวโจมตีใคร ใส่ร้ายใครเพื่อให้ใครเจ็บแค้น พยายามยกเหตุผลดีๆ มานำเสนอให้ผู้คนพิจารณาก็พอ ไม่ต้องไปคาดคั้นให้คนอื่นเชื่อตน หรือคิดว่าคนอื่นจะโง่กว่าตน พวกตนเป็นประชาธิปไตยกว่า อยากจะให้ประเทศเป็นแบบที่พวกตนคิดฝ่ายเดียวซึ่งไร้สาระ
๓.สันติทางมโนกรรม กล่าวคือมีใจเป็นมโนสุจริต มุ่งให้บ้านเมืองมั่นคงและสงบสุขอย่างยั่งยืน ไม่ได้ประท้วงเพราะพยาบาทหรือคิดล้มล้างใคร ไม่ได้เป็นเครื่องมือใครมาประท้วง
ตุลาการศาลท่านพากันเอา *ภาพรวม* ของการชุมนุมที่ผู้ชุมนุมพากันแสดงออกทั้งกาย วาจาและใจทั้งหมดมาพิจารณา จึงพิพากษาเช่นนั้น ไม่ใช่เอาแค่ป้ายโฆษณาบังหน้าว่า *จะปฏิรูป* เท่านั้นมาพิจารณา อย่างที่กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามหยิบยกมาแย้ง
เมื่อศาลพิพากษาเช่นนี้ จากนี้ไป ใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุม ทั้งนักการเมือง ทั้งนักกิจกรรมสังคม ทั้งสื่อมวลชน ทั้ง NGOs ทั้งนักวิชาการในมหาวิทยาลัยที่มีส่วนสนับสนุนผู้ชุมนุมมีสิทธิ์เข้าข่ายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดได้
ช่วงนี้ ดาวพฤหัสบดีกำลังเดินหน้าเสียด้วย อาจจะมีหลายคนโดนคดีนี้ตามมาครับ
โฆษณา