3 ธ.ค. 2021 เวลา 01:00 • ปรัชญา
## ไม่จำเป็นต้องบอกให้ใครรู้ว่าคุณรวย แค่ตั้งหน้าตั้งตาสะสมความมั่งคั่งของคุณไปเรื่อยๆก็พอ ##
.
.
ยังไม่รวย อยู่อย่างรวย ยังไงก็จน
ยังไม่จน อยู่อย่างจน ยังไงก็รวย
.
.
ออกตัวไว้ก่อนเลยว่าผมไม่ได้เขียนเพื่อแอนตี้การใช้เงินนะครับ555 แค่มาแสดงให้ดูถึงมุมมองหนึ่งเฉยๆ การใช้เงินมันช่วยสร้งาความสุขให้เราได้ ส่วนการอดออมเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามันมากเกินไปจนทำให้เราทุกข์ ก็เอามาใช้บ้างก็ได้ ส่วนใครอยากฟังมุมมองและเหตุผลของการใช้ชีวิตแบบถังแตก มาอ่านบทความนี้กันครับ
.
.
คนจนจะทำเป็นเหมือนว่าเขาดูรวยได้แค่ระยะหนึ่ง แล้วสุดท้ายเงินเขาก็จะหมด และเขาก็ต้องกลับไปเก็บตัว เก็บเงินใหม่ เพื่อที่จะกลับมาทำตัวรวยได้อีกครั้งนึง
.
.
ส่วนคนที่รวย เขาจะทำเป็นจนนานแค่ไหนก็ได้เท่าที่เขาต้องการ เขาไม่ต้องกังวลว่าภาพลักษณ์ภายนอกจะเป็นยังไง เขาไม่ต้องกังวลว่าเงินเขาจะหมด และไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าเขารวย เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญคือเขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขารวย และการมีเงินใช้ไปเรื่อยๆนั้นสำคัญกว่าการดูดีเพื่อให้คนอื่นอิจฉาเป็นไหนๆ
.
.
คุณคิดว่าแบบไหนมีความสุขกว่ากันครับ?
.
.
ระหว่าง ต้องคอยทำงานหนักหาเงินตลอดเวลาเพื่อที่จะรักษาภาพลักษณ์ภายนอกที่อยากให้คนอื่นเห็นไว้ให้ได้ตลอด หรือว่าใช้ชีวิตแบบถังแตก ไม่ต้องสนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าคุณมั่งคั่งแล้ว
.
.
เศรษฐีหลายคนที่ผมติดตามเขาก็ยังใช้ชีวิตปกติแบบคนทั่วไป หรือบางทีอาจจะน้อยกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ
.
.
ต่อให้มีเงินหลายร้อยล้าน แต่ก็ยังชงกาแฟซองกินทุกเช้าเพราะว่ากาแฟแก้วละร้อยตามร้านนั้นแพงเกินไป พกซอสหรือข้าวกล่องไปกินเองเวลาไปข้างนอกคนเดียว เพราะคิดว่าอาหารเฮลตี้มันแพง ทำเองก็ได้ หรือว่าใช้คูปองส่วนลดทุกอย่างที่มี ถึงแม้ว่ามันจะลดราคาให้นิดเดียวก็ตาม
.
.
ทั้งหมดที่ผมพูดมา มันก็ไม่เห็นจะดูแปลกตรงไหนถ้าคนทั่วไปจะทำกัน แต่เพราะอะไรบางอย่าง บางคนก็คิดไปว่าคนรวยเขาไม่ทำอย่างนั้นกัน ทั้งที่จริงๆคนรวยก็เป็นคนปกติทั่วไปคนนึงเหมือนกัน
.
.
คนเหล่านั้นมีภาพในหัวว่าคนรวยจะต้องใช้ชีวิตแบบหนึ่ง และพวกเขาก็พยายามเต็มที่เพื่อที่จะให้ตัวเองดูเหมือนกับคนรวยในอุดมคติเหล่านั้น จนตัวเองลำบากเสียเอง เพราะต้องคอยหาเงินมาตลอด ในขณะที่หันไปมองคนรวยจริงๆ เขาใช้ชีวิตเรียบง่ายกว่าที่คิดเยอะ
.
.
คนรวยที่ใช้ชีวิตหรูหราก็มีเยอะแยะนะครับ แต่คนรวยที่ใช้ชีวิตสมถะดูเหมือนจะมีเยอะกว่า และคนรวยที่ใช้ชีวิตแบบถังแตกกลับมีเยอะเหมือนกัน
.
.
ถ้าใครสักคนรวยมากจริงๆ และรวยมาด้วยตัวเอง เขาจะไม่สนใจของแบรนด์เนมหรูหรามากนักหรอกครับ เพราะเขารู้ดีว่าเอาเงินไปลงทุนหรือซื้อสินทรัพย์อย่างอื่นที่มีมูลค่านั้นดีกว่าเยอะ
.
.
คนรวยที่ซื้อของแบรนด์เนมเพื่อเป็นการลงทุนนี่ยิ่งมีเยอะเข้าไปใหญ่ บางคนมีกระเป๋าหลายใบ แต่มีแค่ส่วนน้อยที่ซื้อไว้ใช้เอง เพราะฉะนั้นความแตกต่างมันอยู่ที่ mindset ครับ
.
.
ซื้อของแบรนด์เนมเพื่อความฟุ่มเฟือย มันก็ฟุ้มเฟือยได้ ซื้อเพื่อความสุข มันก็สุขได้ ถ้ามันไม่ทำให้คุณทุกข์ภายลัง ซื้อเพื่อการลงทุน มันก็เป็นการลงทุนได้ ถ้าคุณเข้าหามันอย่างถูกต้อง
.
.
บางทีที่คุณเห็นว่าคนรวยเขาดูใช้เงินฟุ่มเฟือย จริงๆแล้วความมั่งคังของเขาอาจจะมากกว่าที่คุณเห็นเขาใช้เงินหลายสิบเท่าก็ได้นะครับ
.
.
แบรนด์หรูหราพวกนั้น กลุ่มเป้าหมายหลักเขาไม่ใช่คนรวยครับ
แต่กลุ่มเป้าหมายหลักของเขา "คือคนที่อยากดูรวยต่างหาก"
.
.
ในขณะที่คนอยากดูรวยใส่ของแบรนด์เนมทั้งตัว มูลค่ารวมกันตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นหมื่นเป็นแสน เพื่อให้ดูดีในสายตาคนอื่น คนที่รวยจริงๆกลับใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมดาๆ แต่มองไปที่ข้อมือมีนาฬิการาคาเรือนละหลายล้าน เขารู้ดีว่าอะไรคือของฟุ่มเฟือย อะไรคือการลงทุน
.
.
แต่ก็อย่างที่รู้กันครับ เรื่องการซื้อของมันเป็นความชอบส่วนตัว ชอบใครชอบมัน เราไปนั่งชี้บอกว่าแบบไหนผิดถูกไม่ได้ครับ สิ่งที่ผมจะสื่อในบทความนี้คือดเรื่องการใช้เงินมากกว่า ส่วนเรื่องความชอบแบรนด์ การซื้อของ มันเป็นเรื่องความชอบส่วนตัว อย่างเดียวที่ผมขอให้คุณโฟกัสก็คือ อย่าให้การใช้ของเหล่านั้นมันลำบากตัวคุณเองครับ
.
.
ถ้ามันเป็นความสุขของคุณ แล้วคุณมีเงินเหลือเฟือใช้ได้อย่างไม่ลำบาก ก็ไม่มีใครว่าคุณหรอกครับ แต่ถ้ายังไม่ถึงจุดนั้น การใช้ชีวิตแบบถังแตกหน่อยๆก็น่าสนใจไม่น้อยสำหรับผม
.
.
ผมคงไม่สามารถโน้มน้าวหรือยืนยันใครได้ว่าอะไรดีกว่ากัน เพราะความชอบของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน
.
.
แล้วสำหรับคุณล่ะครับ คิดว่าแบบไหนมีความสุขกว่ากัน?
.
.
ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมแชร์สิ่งดีๆออกไปให้คนรอบข้างได้อ่านกัน
เพื่อให้กฎของแรงดึงดูด ดึงสิ่งดีๆกลับเข้ามาหาคุณ
.
.
แจกฟรี! E-Book สูตรสำเร็จแห่งการสร้างวินัย
โฆษณา