19 พ.ย. 2021 เวลา 01:02 • ประวัติศาสตร์
- พระสารีบุตร ผู้มีปัญญามาก -
วันเพ็ญเดือนสิบสองนอกจากจะเป็นวันลอยกระทง เป็นอีกวันที่เกี่ยวเนื่องกับพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาล นั่นคือเป็นวันที่พระสารีบุตรได้นิพพาน วันนี้จึงนำเรื่องราวของท่านมาฝากค่ะ
พระสารีบุตร เดิมชื่อว่า "อุปติสสะ" เป็นบุตรของนางสารีพราหมณี และวังคันตพราหมณ์ หัวหน้าหมู่บ้านอุปติสสคาม ครอบครัวมีพี่น้อง 7 คน โดยมีอุปติสสะเป็นลูกชายคนโต
อุปติสสะมีเพื่อนรักคนหนึ่งชื่อโกลิตะ มักชอบไปดูการละเล่นต่างๆ ด้วยกันประจำ วันหนึ่งขณะดูมหรสพด้วยกัน ก็เกิดความสลดใจขึ้นว่า คนที่แสดงเหล่านี้ทั้งหมดมีชีวิตไม่ถึง 100 ปี ก็จะตายจากกันไป เราทั้งหลายควรจะแสวงหาโมกขธรรมเครื่องหลุดพ้นจากบ่วงเช่นนี้ดีกว่า
ทั้งสองจึงเข้าไปศึกษาที่สำนักของสัญชัยปริพาชก ไม่นานก็เรียนจบจบความรู้ของอาจารย์ แต่ก็ยังเห็นว่ายังไม่ใช่ทางหลุดพ้น จึงตกลงแยกย้ายกันออกแสวงหาอาจารย์ โดยตกลงว่า ใครบรรลุอมตธรรมก่อนก็จะมาบอกอีกคน
วันหนึ่งอุปติสสะพบพระอัสสชิขณะกำลังเดินบิณฑบาตร เกิดความประทับใจในอิริยาบถน่าเลื่อมใสของท่าน จึงได้เข้าไปถามว่าใครคือศาสดาของท่าน และสอนอย่างไรหรือ
พระอัสสชิได้แสดงธรรมว่า
"ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีปกติทรงสั่งสอนอย่างนี้" เพียงเท่านี้อุปติสสะก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน
อุปติสสะและโกลิตะจึงลาอาจารย์สัญชัยเพื่อไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อทูลขอบวช และได้ชื่อใหม่ว่า "พระสารีบุตร" ท่านเป็นผู้มีปัญญามาก สามารถแสดงอริยสัจ 4 ได้กว้างขวาง จนได้รับยกย่องว่าเป็นเลิศด้านมีปัญญามาก และได้เป็นอัครสาวกเบื้องขวาอีกด้วย
หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจคือ "กิจวัตรประจำวัน" ของพระสารีบุตร ท่านจะมีกิจวัตรในการเดินตรวจวัด 8 อย่างคือ
กิจวัตรข้อที่ 1-4 คือ การทำความสะอาดสถานที่และการจัดระเบียบสิ่งของเครื่องใช้ ย่อมทำให้เกิดปัญญาดูแลสมบัติพระศาสนาเป็น
กิจวัตรข้อ 5-6 และ 8 คือ การดูแลสมาชิกที่ป่วยไข้และสมาชิกใหม่ ย่อมทำให้เกิดปัญญาดูแลสมาชิกเป็น
กิจวัตรข้อ 7 คือ การดูแลสุขทุกข์ของประชาชนและการอนุเคราะห์เกื้อกูลชาวโลก ย่อมทำให้เกิดปัญญาดูแลกองเสบียงเลี้ยงพระพุทธศาสนาเป็น
จะเห็นได้ว่าการสร้างปัญญา สามารถสร้างได้จากการทำกิจวัตรประจำวันอย่างสม่ำเสมอ เพราะเมื่อเราทำสิ่งเดิมซ้ำๆ ด้วยความใส่ใจและสังเกต จะทำให้เราเห็นวิธีการต่างๆ ได้ลึกขึ้น ละเอียดขึ้น สิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ทำ แต่เกิดจากใจที่อยากจะรับผิดชอบต่อพระศาสนาอย่างเต็มเปี่ยมของท่านเอง
คุณธรรมสำคัญอีกอย่างของพระสารีบุตรคือการที่ท่านเป็นผู้มีความกตัญญู ท่านให้ความเคารพแก่พระอัสสชิผู้เป็นอาจารย์คนแรกเป็นอย่างมาก เมื่อถึงเวลานอนท่านจะไหว้ไปยังทิศที่พระอัสสชิอยู่ และนอนหันศรีษะไปทางทิศนั้น แสดงให้เห็นถึงความเคารพ กตัญญู และระลึกถึงอาจารย์อยู่เสมอ
เมื่อใกล้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ท่านได้เดินทางไปโปรดมารดา ที่ถึงแม้ลูกทั้ง 7 คนจะบรรลุเป็นพระอรหันต์ทั้งหมดก็ยังไม่มีศรัทธาในพระรัตนตรัย พระสารีบุตรทูลขออนุญาตพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงธรรมครั้งสุดท้ายให้กับเหล่าภิกษุ แล้วออกเดินทางไปยังบ้านเกิดของตน
นางสารีพราหมณีเห็นพระสารีบุตรกลับมาก็คิดว่าท่านจะสึก ให้คนรับใช้จัดห้องให้กับท่านและพระภิกษุอีก 500 รูปที่ติดตามมา ในช่วงค่ำอาการอาพาธของพระสารีบุตรก็กำเริบจนถึงขั้นอาเจียนเป็นโลหิต โดยมีผู้เป็นแม่เฝ้าดูอาการอยู่ตลอด
ในคืนนั้นมีเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่เข้ามานมัสการพระสารีบุตร เริ่มตั้งแต่ท้าวจตุมหาราชทั้ง 4 ท้าวสักกเทวราช จนถึงท้าวมหาพรหม นางพราหมณีเห็นจึงได้เข้าไปถามพระเถระว่าแต่ละท่านที่มาคือใคร เมื่อทราบความก็คิดว่า พระลูกชายของเรายังเป็นใหญ่กว่าท้าวจาตุมหาราช ท้าวสักกเทวราช และท้าวมหาพรหม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นครูของลูกเราจะต้องมีอานุภาพยิ่งใหญ่กว่านี้แน่
พระสารีบุตรได้รู้ว่า บัดนี้มารดาได้เกิดความปีติโสมนัสและศรัทธาในพระพุทธเจ้าแล้ว ถึงเวลาที่จะเทศนาทดแทนพระคุณของมารดาและโปรดมารดาให้เป็นสัมมาทิฏฐิ จึงได้เทศนาสรรเสริญพระคุณของพระพุทธเจ้า เมื่อจบเทศนาแล้ว นางสารีพราหมณีก็ได้พระโสดาปัตติผล
ขอขอบคุณ
- กิจวัตรพระสารีบุตร https://www.kalyanamitra.org/th/uniboon_detail.php?page=4050
โฆษณา