Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เล่าทีละเรื่อง
•
ติดตาม
14 พ.ย. 2021 เวลา 02:28 • ประวัติศาสตร์
- พระอนุรุทธะ ผู้มีทิพยจักษุญาณ -
พระอนุรุทธะ เป็นพระญาติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบิดาคือพระเจ้าอมิโตทนะ เป็นพระอนุชาของพระเจ้าสุทโธทนะ มีพี่น้องอีก 2 คน พี่ชายคือเจ้าชายมหานามะ และน้องสาวคือเจ้าหญิงโรหิณี
เจ้าชายอนุรุทธะถือว่าเป็นผู้มีบุญมาก เพราะเกิดมาก็ไม่รู้จักคำว่า "ไม่มี" ครั้งหนึ่งขณะที่ทรงเล่นกับเจ้าชายองค์อื่นๆ ท่านแพ้และถูกปรับเป็นขนมอยู่หลายรอบ จนขนมหมดครัวของพระมารดา พระมารดาจึงส่งคนไปบอกว่าขนมไม่มี เจ้าชายอนุรุทธะเข้าใจว่านี่เป็นชื่อขนม จึงรับสั่งให้นำขนมไม่มีมา
พระมารดาต้องการจะสอนให้ท่านรูจักคำว่าไม่มี จึงได้ให้คนเอาถาดทองเปล่าครอบปิดถาดทองเปล่าอีกใบไว้และนำไปส่งให้เจ้าชายอนุรุทธะ แต่ด้วยบุญของท่านที่เคยถวายภัตตาหารแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า และอธิษฐานจิตว่า "ขอข้าพเจ้าอย่าได้ยินคำว่าไม่มี" จึงทำให้ขนมทิพย์บังเกิดขึ้นในถาดนั้น มีกลิ่นหอมไปทั่วทั้งพระนคร เมื่อได้ลองชิมรสก็แผ่ซ่านไปทั่วประสาทรับรส
เจ้าชายอนุรุทธะได้ชิมก็คิดว่า 'มารดาคงจะไม่รักเรา ถึงไม่เคยทำขนมชนิดนี้ให้กินมาก่อน' แล้วไปหาพระมารดาถามว่า
"เสด็จแม่ หม่อมฉันเป็นที่รักของเสด็จแม่หรือไม่เป็นที่รัก?"
พระมารดาตอบว่า "เจ้าย่อมเป็นที่รักยิ่งของแม่ เสมือนนัยน์ตาของคนมีตาข้างเดียว และเหมือนดวงใจของแม่"
"แล้วเหตุใดท่านจึงไม่เคยทำขนมไม่มีประทานแก่หม่อมฉัน"
พระมารดารับสั่งถามมหาดเล็กเรื่องขนม เมื่อทราบความจึงคิดว่า บุตรของเราคงเป็นผู้มีบุญ บุญนั้นคงทำให้มีขนมเต็มถาด
เจ้าชายอนุรุทธะจึงทูลว่า "ต้องแต่นี้ต่อไป หม่อมฉันจะไม่เสวยขนมอื่น ขอเสด็จแม่ทำแต่ขนมไม่มีอย่างเดียว”
ตั้งแต่นั้นมา เมื่อเจ้าชายทูลขอขนม พระนางก็ทรงครอบถาดเปล่านั่นด้วยถาดอื่น ส่งไปประทาน ขนมทิพย์ก็เกิดขึ้นถวายเจ้าชายตลอดเวลาที่ท่านเป็นฆราวาส
ต่อมา เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มาโปรดที่กรุงกบิลพัสดุ์ เจ้าชายจากตระกูลต่างๆ ได้ออกบวชตาม เจ้าชายมหานามะจึงได้ปรารภเรื่องนี้กับเจ้าชายอนุรุทธะ เพราะยังไม่มีใครในตระกูลออกบวช จึงตกลงให้เจ้าชายมหานามะเป็นผู้ออกบวช และสอนเรื่องการครองเรือน การทำนาให้กับเจ้าชายอนุรุทธะ ซึ่งเมื่อท่านได้ฟังแล้วก็เห็นว่า การครองเรืองยุ่งยากและไม่มที่สิ้นสุด จึงเป็นฝ่ายขอบวชแทน
พระมารดารู้จึงคิดอุบายไม่ให้พระอนุรุทธะบวช จึงบอกว่าถ้าเจ้าชายภิททิยะออกบวชด้วย ก็จะให้บวช ท่านจึงไปชวนเจ้าชายภิททิยะออกบวชด้วยกัน ซึ่งในตอนแรกเจ้าชายภิททิยะปฏิเสธ แต่ทนการอ้อนวอนไม่ไหว จึงยอมตกลงในที่สุด
เมื่อพระอนุรุทธะบวชแล้วก็เรียนกรรมฐานอยู่ในสำนักของพระสารีบุตร ได้ตรึกตรองถึงมหาปุริสวิตก 7 ประการคือ
1. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้มีความปรารถนาน้อย ไม่ใช่ของผู้มีความมักมาก
2. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้สันโดษยินดีด้วยของที่มีอยู่ ไม่ใช่ของผู้ไม่สันโดษ
3. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้สงัดแล้ว ไม่ใช่ของผู้ยินดีในหมู่คณะ
4. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้ปรารภความเพียร ไม่ใช่ของผู้เกียจคร้าน
5. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้มีสติมั่นคง ไม่ใช่ของผู้มีสติหลง
6. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้มีใจมั่นคง ไม่ใช่ของผู้มีใจไม่มั่นคง
7. ธรรมนี้เป็นธรรมของผู้มีปัญญา ไม่ใช่ของผู้มีปัญญาทราม
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบถึงความลำบากในการตรึกมหาปุริสวิตกข้อที่ 8 จึงเสด็จมาตรัสข้อที่ 8 ว่า
"ธรรมนี้ เป็นธรรมของผู้ยินดีในธรรมที่ไม่ให้เนิ่นช้า ไม่ใช่ของผู้ยินดีในธรรมเนิ่นช้า"
(ธรรมอันเป็นเครื่องเนิ่งช้า คือ ตัณหา ทิฏฐิ และมานะ)
พระอนุรุทธะได้ตรองตามโอวาทนั้น ตั้งใจปฏิบัติธรรม ไม่นานก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ร้อมด้วยวิชชา 3 คือ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ, ทิพพจักจุญาณ และอาสวักขยญาณ มักจะตรวจดูสัตว์โลกด้วยทิพยจักษุอยู่เป็นประจำ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงยกย่องว่าท่านเป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งปวงในด้าน "ผู้มีทิพยจักษุญาณ"
ในวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน ท่านได้เข้าสมาธิดูการปรินิพพานของพระองค์ทุกขณะจิต แล้วบอกพุทธบริษัทว่าพระพุทธองค์ทรงเข้าและออกจากฌาน จนกระทั่งวาระสุดท้ายพระองค์ “ทรงดับสนิท” ในช่วงไหน
ขอขอบคุณ
- หนังสืออนุพุทธประวัติ
- สารนิพนธ์ "ศึกษาบทบาทการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระอนุรุทธะ" โดย สุเทพ สารบรรณ
- ขนมไม่มี
bit.ly/3caeYiv
- ธรรมเครื่องเนิ่นช้า
https://www.dhammahome.com/webboard/topic/26789
2 บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
พระภิกษุผู้เป็นเอตทัคคะด้านต่างๆ
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย