เห็นข่าวลือเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พูดเรื่องการควบรวมกิจการของ TRUE + DTAC ที่มีข่าวออกมาว่า CP เข้าซื้อกิจการของ Telenor เป็นความร่วมมือครั้งใหญ่ (ที่จะมีแถลงข่าวจันทร์ที่ 22 พ.ย. 64)
ความน่าสนใจของข่าวนี้คืออะไรบ้าง?
1) จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ โครงสร้างตลาดของกลุ่มเครือข่ายโทรคมนาคมมีอยู่ 3 เจ้า คือ AIS, TRUE, DTAC มีการแข่งขันที่ดุเดือดบนตลาดผู้ขายน้อยรายอยู่แล้ว แต่ถ้าหากข่าวลือที่ว่ามาเป็นจริงโครงสร้างของตลาด จะเปลี่ยนไปจากการขยับสัดส่วนของ Market Share ของ DTAC = 19% TRUE = 32% รวมกัน = 51% ซึ่งถือว่ายิ่งใหญ่ และมีอำนาจเหนือตลาด ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งทันที (ทั้งนี้ ปัจจุบัน True มีลูกค้าในธุรกิจเครือข่ายมือถือจำนวน 31.7 ล้านราย ในขณะที่ dtac มีอยู่ 19.3 ล้านราย หากมีการควบรวมกิจการเกิดขึ้นจริงจะกลายเป็น 51 ล้านราย แซงหน้ายอดลูกค้า 43.7 ล้านรายของ AIS ทันที)
2) จากจุดนี้ เรามองว่าอำนาจเหนือตลาดเป็นคำที่คุ้นเคย เพราะเคยเกิดขึ้นมาแล้วในกรณีของ CP กับการควบรวมกิจการ TESCO ที่มีผลต่อความยิ่งใหญ่ของอาณาจักร Hypermarket และในครั้งนั้นสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สขค.) พิจารณาผ่านฉลุยไป แล้วเราคงต้องมาดูว่า ในรอบนี้ CP และ Telenor ผลจะออกมาผ่านฉลุยอีกหรือไม่? หรือ สขค. จะดูแลความเป็นธรรมในการแข่งขันของตลาดอย่างเหมาะสม คงต้องจับตาจริงๆว่าผลจะออกมาอย่างไร (แต่เราเดาว่าน่าจะผ่านไปด้วยดี)
3) คำว่า "อำนาจเหนือตลาด" อาจจะมองถึงความมั่นคงมั่งคั่งของตัวธุรกิจ และเป็นผลดีในแง่ของเครือข่าย อาจจะตอบโจทย์ลูกค้าได้สมบูรณ์ และปรับปรุงพัฒนาบริการได้ดีมากยิ่งขึ้น จากการเอาจุดแข็งของ 2 องค์กรมารวมกัน แต่ในทางผู้บริโภค คือ "การมีตัวเลือกที่ลดลง และอำนาจต่อรองของลูกค้าลดลง" เพราะขาด substitute products หรือสินค้าทดแทน เนื่องจากอำนาจต่อรองทางการค้าของเจ้าของกิจการสูงขึ้นอย่างมหาศาล จาก 3 ตัวเลือก เหลือเพียง 2 ทางเลือกให้เราได้เลือก (high bargaining power of buyers) อำนาจอาจจะไม่อยู่ในมือผู้ซื้ออีกต่อไป
4) ถ้าเรามองเจาะไปว่า ในอนาคตเหลือ 2 จริงๆ คุณเห็นภาพความแข็งแกร่งอะไรต่อไป? AIS = กลุ่ม GULF (ที่ซื้อ Intuch ไปก่อนหน้า) และถ้า TRUE = CP ที่มีข่าวกำลังซื้อ Dtac จริงๆแล้วสำหรับประชาชนตาดำๆ ถ้าคุณมองเกมนี้ออก มันไม่ใช่ 3 เหลือ 2 แต่เป็น 3 เหลือ 1 ความหมายคือ "ประเทศนี้กำลังเป็นของนายทุนกลุ่มอภิสิทธิ์ชนที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และมีท่าทีที่จะมีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือตลาดโทรคมนาคมในอนาคต" ผลประโยชน์ในกลุ่มนายทุนนี้ จะตกมาถึงประชาชนจริงๆหรือ?
5) ลองคิดตามเล่นๆว่า database ของประชาชนในโครงข่ายโทรคมนาคม อยู่ในกลุ่มนายทุนที่สนับสนุนรัฐบาลทหารดันมีโอกาสควบคุมตลาด มองเห็นพฤติกรรมการสื่อสารของลูกค้า ไปจนถึงความกังวลต่อการเจาะเข้าสู่ฐานข้อมูลส่วนตัวที่อาจจะเป็นไปได้ ไม่มีใครรู้ว่าในอนาคตสิทธิส่วนบุคคล (right to privacy) ในการแสดงความเห็น และการเข้าถึงข้อมูลทางโลกออนไลน์ของคนไทยจะยังมีความปลอดภัย และเป็นส่วนตัวอยู่หรือไม่? น่ากลัวอยู่นะ
6) เหตุที่ต้องจับตามอง เพราะถ้าเราสังเกตในช่วงหลายปีมานี้ ทุกอย่างดีดราคาสูงขึ้น ตั้งแต่สินค้าอุปโภคบริโภค น้ำมัน ค่าไฟ ค่ารถไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายและหนี้สินครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น ในฐานะของผู้บริโภค consumerism ตั้งทำงานหนักขึ้นในการตามข่าวสารของการควบรวบกิจการนี้ เพราะถ้าเหลือ 2 รายแล้วส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านบริการ internet และบริการเครือข่ายโทรศัพท์ของประชาชนราคาสูงขึ้นอีก เรากำลังจะอยู่ในประเทศที่ฐานปิรามิดรายได้ห่างชั้นมากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวคือคนรวย จะยิ่งรวยขึ้นๆ เป็น 1% ของประเทศที่ elite ขั้นสุด แล้วกดหัวคนชนชั้นกลางที่ลงล่างขึ้นเรื่อยๆ จนลงเรื่อยๆ เป็นฐานล่าง และจุดจบของโครงสร้างประเทศคือความเหลื่อมล้ำสูงเป็นอันดับต้นๆของโลก ที่ยิ่งทำร้ายผู้บริโภค และเราต่างลำบากมากยิ่งขึ้น ในขณะที่รายได้ไม่ได้ขยับขึ้นตาม
ถ้าเรามองประเทศนี้แบบที่ไม่โกหกตัวเอง เราจะรู้ว่า "ประเทศตอนนี้ไม่ใช่ของประชาชนจริงๆ" แต่อาจจะเป็นของใครบางคน หรืออภิสิทธิ์บางกลุ่ม ที่อำนาจต่อรองของประชาชนลดลงทุกวันก็เป็นได้ จนวันหนึ่งอำนาจซื้อของประชาชนไม่มีทางเลือกอะไรให้คุณแล้ว เพราะไม่มีใครควบคุมตลาดที่เป็นธรรมกับประชาชนจริงๆ
#ThinkTalkLoud
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
