30 พ.ย. 2021 เวลา 03:45 • ไลฟ์สไตล์
The RIP project รนหาที่ตาย จุดหมายคือการพักผ่อนอย่างสงบ
ผมเสียพ่อไปวันที่ 6 ธันวาคม เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ยังจำวันที่ท่านจากไปได้แม่นเพราะผ่านวันพ่อมาแค่วันเดียว ก่อนหน้านั้นก็เข้าออกโรงพยาบาลอยู่นาน ก่อนจะอาการหนักต้องเข้า ICU อยู่เกือบเดือน
ผม แม่และน้องสลับกันเฝ้าดูอาการทุกวัน เพราะโรงพยาบาลในต่างจังหวัดบุคลากรไม่เพียงพอ วันไหนผมเข้าไปเฝ้าก็จะขอพยาบาลนอนใต้เตียง ถึงแม้จะผิดกฎแต่พยาบาลก็ไม่ว่าอะไร เพราะได้คนคอยช่วย
การนอนใต้เตียงคนไข้ในห้อง ICU ของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ไม่สนุกเลยและนอนไม่ค่อยหลับ เพราะพยาบาลต้องคอยเดินตรวจอาการคนไข้ตลอดเวลา
พ่อผมอยู่ ICU นานทำให้ผมได้เจอผู้ป่วยเตียงข้างๆที่เปลี่ยนหน้าไปหลายคน บางคนอาการดีขึ้นได้ออกไปนอนห้องผู้ป่วยใน แต่บางคนเสียชีวิตที่เตียง สำหรับผมเป็นช่วงเวลาที่ชีวิตได้ใกล้ชิดความตายมากที่สุดแล้ว
พ่อผมเองก็มีอาการดีบ้าง ทรุดบ้างสลับกันไป ช่วง 2-3 วันก่อนจากไป พ่ออยากกลับบ้าน แม้จะไม่สามารถพูดออกมาเพราะสายยางที่สอดไว้ในปากทำให้พูดไม่ได้ แต่ก็พอสื่อสารกันได้
ผมเองก็อยากรักษาท่านให้ถึงที่สุด และยังมีความหวังว่าอาการจะดีขึ้นและได้กลับบ้านตามที่ต้องการ แต่เพียงข้ามคืนเดียวหลังจากพวกเราพี่น้องมาหาท่านที่เตียงเพื่อเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ในวันพ่อ กลับกลายเป็นวันสุดท้ายที่เราได้อยู่พร้อมหน้ากัน
เช้าวันที่ 6 ธันวาคม พ่อจากไปอย่างสงบ วันนั้นผมขับรถมาจากที่ทำงาน ถึงหน้าห้อง ICU ก็ไม่เจอพ่อแล้ว แม่บอกว่าพ่อไม่ได้ทรมานและพยาบาลพยายามยื้อชีวิตแค่ช่วงสั้นๆ
ตอนนั้นผมไม่ร้องไห้เลย แต่มีอาการเบลอๆ งงๆ ต่อจากนั้นก็วุ่นวายกับการทำใบมรณะบัตรและการเตรียมศพ ก่อนที่อีก 3 วันจะร้องเหมือนคนบ้าในวันฝังศพ
พอมองย้อนกลับไปก็รู้สึกเสียดายมากที่เราไม่ตัดสินใจพาพ่อกลับมาที่บ้าน ผมคิดว่าพ่อรู้ตัวแล้วว่าไม่สามารถเยื้อชีวิตตัวเองไว้ได้ตั้งแต่วันที่ขอกลับและการกลับมาตายที่บ้านมันคงมีความหมายกับพ่อมากทีเดียว
ส่วนตัวแล้วไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองผิดหรือโทษตัวเองครับ แม้ในช่วงแรกๆอาจมีบ้าง แต่เรื่องนี้ทำให้ผมได้กลับมาคิดว่าเมื่อถึงเวลาของเรา เราจะตายอย่างไร ในสถานที่แบบไหน วันนั้นจะมีใครอยู่ข้างๆไหม
โปรเจคนี้จึงเกิดขึ้น เพื่อให้ผมได้ไปอยู่ในที่ชอบๆ และพักผ่อนอย่างสงบ Rest In Peace อย่างแท้จริง
เพียงแค่ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวันตายเพราะผมอยากมีสถานที่แบบนั้นเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตอยู่ก่อนกลายเป็นปุ๋ย มันน่าจะมีความหมายและมีคุณค่ากับชีวิตมากกว่า
และนี่คือจุดเริ่มต้นของ "The RIP project รนหาที่ตาย" ซีรี่ส์ที่จะบอกเล่าเรื่องราวระหว่างทาง บันทึกไว้เป็นความทรงจำในเพจเล็กๆแห่งนี้ กดติดตามเพื่อร่วมเดินทางไปด้วยกันนะครับ
โฆษณา