25 พ.ย. 2021 เวลา 05:31 • ข่าวรอบโลก
*** เข้าใจ Woke ใน 15 นาที ***
ถ้าท่านผู้อ่านติดตามข่าวความเคลื่อนไหวในสหรัฐในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีกระแสหนึ่งที่มีข่าวคราวออกมาอย่างต่อเนื่อง นั่นก็คือ กระแสที่เรียกว่า “Woke”
Woke คือ การต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของสังคม เพื่อขจัดการกดขี่กันในทางเพศหรือสีผิว ตลอดจนลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ พวกเขาเหล่านี้มีหลายจำพวก แต่ที่มีชื่อเสียงเช่น กลุ่มแบล็กไลฟ์แมตเตอร์ หรือแอนตีฟา
1
คำว่า Woke นี้แปลตามตัวอักษรว่า “ตื่น” แต่พวกเขา “ตื่น” ขึ้นจากอะไร? และการต่อสู้ของพวกเขามีประวัติความเป็นมาอย่างไรบ้าง? บทความนี้จะพาทุกท่านไปหาคำตอบครับ
*** จุดเริ่มต้นของการ “ตื่น” ***
สหรัฐเป็นประเทศที่มีปัญหาภายในหลายประการย ปัญหาที่ขึ้นชื่อมากเช่นปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างคนผิวขาวและผิวดำ, การเลือกปฏิบัติทั้งทางเพศและสีผิว, ไปจนถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ซึ่ง Woke เป็นกระแสที่เกิดขึ้นต่อต้านสิ่งเหล่านี้
จริงๆ Woke ไม่ใช่เรื่องใหม่ ตั้งแต่ช่วงปี 1930s เคยมีศิลปินผิวดำที่ออกมาบอกคนผิวดำด้วยกันว่า “Stay Woke” เป็นการสร้างความตระหนักถึงปัญหาทางสังคมและการเมือง โดยเฉพาะเรื่องเหยียดผิว
ภาพแนบ: ผู้ประท้วง Woke
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 เกิดปัญหาการกระทำเกินกว่าเหตุของตำรวจต่อคนผิวดำอยู่หลายคดี โดยเฉพาะเหตุที่ “ไมเคิล บราวน์ จูเนียร์” หนุ่มอเมริกันผิวดำวัย 18 ปี ถูกดาร์เรน วิลสัน ตำรวจผิวขาวยิงเสียชีวิตในเมืองเฟอร์กูสัน รัฐมิสซูรี เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2014 ทำให้คนกลุ่มหนึ่งเกิดความตื่นตัวและคิดอ่านหาทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้
คำว่า “Woke” ในที่นี้จึงหมายถึงพวกเขาได้ตื่นขึ้นจากการหลับใหลแล้ว และจะไม่ปล่อยให้สังคมมากดทับพวกเขาอีกต่อไป
ภาพแนบ: เกรต้า ธุนเบิร์ก นักเคลื่อนไหวอายุเพียง 18 ปี
ต่อมากระแส Woke ได้ปริวรรตเป็นกระแสการเมืองฝ่ายซ้ายสายหนึ่ง ซึ่งให้ความสนใจกับปัญหาการเลือกปฏิบัติทางเพศ อัตลักษณ์ และฐานะ นอกจากนั้นยังมุ่งเน้นลดความรุนแรงของตำรวจ และในช่วงหลังได้เพิ่มประเด็นทางเศรษฐกิจเข้าไปด้วย
...ปัจจุบันผู้ที่ยึดเอาอุดมการณ์ Woke มักอยู่ในรุ่นมิลเลเนียล หรือคนที่เกิดหลังกลางทศวรรษ 1990s เป็นต้นมา
ในที่นี้ผมจะขอแยกอธิบายประเด็นการเรียกร้องของกลุ่ม Woke ออกเป็น 3 เรื่องใหญ่ๆ ที่มีการพูดถึงอย่างกว้างขวาง (ซึ่งจริงๆ มีมากกว่านี้มาก) คือ:
- ความเท่าเทียมระหว่างสีผิว
- ความเท่าเทียมทางเพศ
- ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม
ภาพแนบ: ส่วนหนึ่งของโฆษณารับสมัครกำลังพลของกองทัพสหรัฐซึ่งมีเป้าหมายที่เจเนอเรชั่น Woke
ภาพแนบ: การชุมนุมของกลุ่ม BLM
*** Woke กลุ่มเรียกร้องความเท่าเทียมระหว่างสีผิว ***
กลุ่มที่มักถูกมองเชื่อมโยงกับคำว่า Woke มากที่สุด คือ กลุ่มที่เรียกร้องความเท่าเทียมระหว่างสีผิว โดยมีกลุ่ม แบล็กไลฟส์แมตเตอร์ (Black Lives Matter) หรือแปลว่า “ชีวิตคนดำก็มีความหมาย” เป็นแกนหลัก
กลุ่มนี้พยายามชี้ประเด็นการใช้กำลังรุนแรงเกินกว่าเหตุของตำรวจ, เหตุฆาตกรรมคนผิวดำ ตลอดจนการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญาในสหรัฐ กลุ่มนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2012 แต่เพิ่งมาดังก็พร้อมกับกระแส Woke จากคดีไมเคิล บราวน์ในปี 2014
ภาพแนบ: การประท้วงของแคเปอร์นิก
กระแสนี้ยังได้รับการขานรับจากผู้มีชื่อเสียงในสังคม โดยเฉพาะหลังจาก คอลิน แคเปอร์นิก (Colin Kaepernick) นักกีฬาอเมริกันฟุตบอล รณรงค์เรื่องนี้ด้วยวิธีการคุกเข่าระหว่างเปิดเพลงชาติ ทำให้เกิดปฏิกิริยาทั้งแง่บวกและแง่ลบอย่างกว้างขวาง
กลุ่มนี้ใช้วิธีการประท้วงหรือจัดการเดินขบวนอยู่เรื่อยๆ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ ซึ่งการประท้วงส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 93 เป็นไปโดยสงบ แต่บางทีก็บานปลายจนเป็นการก่อจลาจล การปล้นสะดมและการทำลายทรัพย์สินได้เหมือนกัน
ภาพแนบ: การประท้วงเรียกร้องให้ตัดงบตำรวจ
และในช่วงหลังมานี้ กลุ่มแบล็กไลฟส์แมตเตอร์และกลุ่มเพื่อคนผิวดำอื่นๆ ได้สร้างข้อเรียกร้องใหม่ที่มีสโลแกนว่า “Defund the Police” หรือแปลว่า “ตัดงบตำรวจ” โดยระบุว่า เนื่องจากที่ผ่านมาตำรวจมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม จึงควรลดงบตำรวจแล้วไปเพิ่มสวัสดิการอื่นๆ เพื่อลดอาชญากรรมตั้งแต่ต้นเหตุ เช่น การเพิ่มงบที่อยู่อาศัย, การศึกษา, การจ้างงาน, ความยากจน, และปัญหาทางจิต เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อนำข้อเรียกร้องของกลุ่มนี้ไปปฏิบัติจริงในบางท้องที่ กลับพบว่ามีอาชญากรรมเพิ่มขึ้นแทน มิหนำซ้ำยังเป็นอาชญากรรมต่อกลุ่มคนดำเสียด้วย ข้อเรียกร้องนี้จึงไม่ได้รับความนิยมและถูกโจมตีมาก
ภาพแนบ: สมาชิกแอนตีฟา
อีกกลุ่มหนึ่งที่มีแนวคิดต่อต้านการเหยียดผิว (แม้ไม่ค่อยถูกเชื่อมโยงกับคำว่า Woke) นั่นก็คือ กลุ่มแอนตีฟา (Antifa)
แอนตีฟามาจากคำว่า ต่อต้านฟาสซิสต์ (anti-fascist) กลุ่มนี้จะตอบโต้การเติบโตของพวกนีโอนาซี, พวกเชื่อว่าคนขาวเป็นใหญ่ (white supremacist), และกลุ่มขวาจัดอื่นๆ เช่น ขวาทางเลือก (alt-right)
กลุ่มนี้มีความพิเศษ เนื่องจากแนวคิดของพวกเขามีหลายเฉดเป็นอย่างยิ่ง มีตั้งแต่ต่อต้านฟาสซิสต์ธรรมดา จนถึงพวกซ้ายจัด คือ ต่อต้านทุนนิยม ต่อต้านประชาธิปไตยแบบเลือกตั้ง ต่อต้านรัฐ ไปจนกระทั่งเป็นพวกสังคมนิยม คอมมิวนิสต์ หรือไม่ก็อนาธิปไตย
1
ภาพแนบ: ภาพจากคลิปที่แอนตีฟาต่อยหน้าของริชาร์ด สเปนเซอร์ ซึ่งเป็นพวกขวาจัดคนหนึ่ง หลังก่อนหน้านี้สเปนเซอร์เรียกร้องให้มี “การกวาดล้างเชื้อชาติอย่างสันติ”
กลุ่มแอนตีฟาเป็นกลุ่มที่พร้อมชนกับตำรวจ (เพราะมองว่าตำรวจอารักขาพวกขวาจัดหรือบางทีก็เป็นพวกเดียวกัน) และพร้อมตีกับพวกขวาจัดดังที่กล่าวมา โดยเฉพาะเมื่อพวกขวาจัดอเมริกากล้าแสดงออกมากขึ้นหลังโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016
แม้ว่าแอนตีฟาจะถูกพวกฝ่ายขวา หรือฝ่ายซ้ายกลางโจมตีว่าเป็นพวกหัวรุนแรงและก่อการร้ายแต่นักวิชาการบางคนมองว่าความนิยมของแอนตีฟามาจากการเติบโตของพวกขวาจัดก่อน และยังชี้ว่าการเทียบแอนตีฟาว่าเหมือนกับนีโอนาซีเป็นเหตุผลวิบัติอย่างหนึ่ง เพราะความรุนแรงที่เกิดจาก 2 ฝ่ายนี้ไม่เท่ากัน
ภาพแนบ: การประท้วงเรียกร้องให้จ่ายเงินชดเชยทายาทของทาสผิวดำ
ยังมีประเด็นที่กลุ่มเรียกร้องความเท่าเทียมระหว่างสีผิวชูมีอีกหลายประเด็น อย่างเช่น:
1) แนวคิดเอกสิทธิ์ของคนขาว (white privilege) ที่บอกว่าเป็นคนขาว “สบาย” กว่าคนดำในหลายเรื่อง
2) แนวคิดเรื่องเชื้อชาติแบบวิพากษ์ (critical race theory) ซึ่งชี้ให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมของสหรัฐมีการเลือกปฏิบัติต่อคนผิวดำตลอดมา
3) แนวคิดรัฐบาลควรจ่ายเงินชดเชยให้แก่คนดำที่ทำให้พวกเขาตกเป็นทาส (slavery reparations)
4) การเรียกร้องให้เลิกเชิดชูและการทำลายรูปปั้นของบุคคลในประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการมีทาสมาก่อน
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่แนวคิดดังกล่าวเข้าไปแทรกแซงหลายๆ วงการ เช่นแทรกแซงวงการบันเทิงให้มีการเพิ่มบทนักแสดงผิวดำมากขึ้นนั่นเอง
ภาพแนบ: การประท้วงของเฟมินิสต์ระลอกแรก
*** Woke กลุ่มเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศ ***
Woke กลุ่มต่อมาที่ผมจะกล่าวถึง คือ กลุ่มเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งหลักประกอบด้วยเฟมินิสต์กับกลุ่มสิทธิ LGBTQ
เริ่มจากกลุ่มเฟมินิสต์ กลุ่มนี้เรียกร้องให้สังคมมีความเท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิง ...ดังนั้นในความหมายนี้ผู้ชายก็เป็นเฟมินิสต์ได้ อย่างกระแส men’s liberation ที่ชูประเด็นว่าผู้ชายก็ตกเป็นเหยื่อของกรอบบทบาททางเพศตามขนบธรรมเนียม ก็อาจจัดได้ว่าเป็นเฟมินิสต์เช่นกัน
การเคลื่อนไหวเฟมินิสต์นี้ให้ผลดีหลายอย่างต่อสังคม ทั้งสิทธิเลือกตั้ง สิทธิการถือครองทรัพย์สิน สิทธิได้รับการว่าจ้าง สิทธิสมรส ล้วนเป็นผลมาจากกระบวนการเรียกร้องของเฟมินิสต์ระลอกแรก (first wave feminism) ช่วงต้นศตวรรษที่ 20
แม้ความสำเร็จของเฟมินิสต์ระลอกแรกจะได้รับการยกย่องโดยทั่วไป แต่หลังจากนั้นมากระแสเฟมินิสต์ได้ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับจุดประสงค์และวิธีการมากขึ้น
ภาพแนบ: การประท้วงเรียกร้องสิทธิทำแท้งปลอดภัย
กระแสเฟมินิสต์ระลอกสองที่เริ่มขึ้นในทศวรรษ 1960s ได้ครอบคลุมถึงประเด็นที่หลากหลายขึ้น เช่น สิทธิการทำแท้ง, ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว, การถูกคู่รักของตัวเองข่มขืน เป็นต้น จะเห็นว่าเรื่องเหล่านี้แม้ยังคงเป็นที่ถกเถียงและต่อสู้กันมาถึงปัจจุบัน
แม้ว่าข้อเรียกร้องเหล่านี้จะดูแล้วเป็นสิ่งดีและสมเหตุสมผลที่จะเรียกร้อง แต่เฟมินิสต์เหล่านี้ก็ยังได้รับเสียงวิจารณ์ ซึ่งบางทีก็มาจากคนบางกลุ่มในสังคมที่ยังหัวโบราณ หรือเพราะเป็นเรื่องที่มีความกำกวมทางศีลธรรม
ในหมู่เฟมินิสต์ยังมีความขัดแย้งกันเอง เช่นเฟมินิสต์กลุ่มหนึ่งชี้ว่าการทำแท้งเป็นการฆาตกรรม ขณะที่บางกลุ่มมองว่าการทำแท้งเป็นสิทธิที่ผู้หญิงควรมี
ภาพแนบ: การประท้วงกระแส MeToo
สำหรับเฟมินิสต์ระลอกสามที่เกิดขึ้นในทศวรรษ 1980s เป็นกลุ่มที่มีความเห็นแตกออกจากเฟมินิสต์ระลอกสอง เพราะมองว่าเฟมินิสต์ระลอกสองมุ่งไปยังหญิงผิวขาวเป็นหลัก และยังมีหลักคิดแบบชี้นำว่าอะไรควรไม่ควร จึงแยกออกมาตั้งแนวคิดที่เน้นความเชื่อของปัจเจกมากขึ้น
และกระแสที่มาแรงสำหรับเฟมินิสต์ระลอกสี่ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 2010s คือขบวนการ MeToo ที่หญิงหลายคนออกมาเปิดโปงว่าตนเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศจากคนมีชื่อเสียงผ่านช่องทางออนไลน์ เฟมินิสต์บางคนได้เรียกร้องให้สังคมเชื่อเรื่องเล่าของหญิงเหล่านี้เพราะเชื่อว่าไม่น่าจะมีคนโกหก
แต่หลายครั้งกระแสนี้ก็ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาหลายคนต้องหมดอนาคตในอาชีพการงาน ทั้งที่ยังไม่ถูกตัดสิน จึงเกิดคำถามว่านี่เป็นการลัดกระบวนการยุติธรรมหรือเปล่า?
ภาพแนบ: ผู้หญิงควรมีสิทธิ์เลือกเองได้ หรือผู้หญิงไม่ควรเป็นโสเภณีตั้งแต่แรก?
นอกจากนี้ยังมีประเด็นปลีกย่อยที่เฟมินิสต์มองว่าผู้ชายทำ เช่น menspreading หรือการที่ผู้ชายบางคนนั่งถ่างขากว้างไปกินที่คนอื่น, mansplaining ที่ผู้ชายอธิบายเรื่องที่ผู้หญิงมักเข้าใจดีอยู่แล้ว ในลักษณะที่มองว่าผู้หญิงไม่ฉลาดเท่าตน, หรือการให้ใช้สรรพนามที่ไม่ระบุเพศ เพื่อไม่ให้เกิดการกดทับทางเพศ
ในหมู่เฟมินิสต์เองก็มีความเห็นไม่ตรงกันในบางประเด็นเหมือนที่ผ่านมา เช่น เรื่องการประกวดความงามหรือการค้าบริการทางเพศ ด้านหนึ่งก็มองว่าเพศหญิงถูกทำให้เป็นวัตถุทางเพศ แต่อีกด้านหนึ่งก็มองว่าถ้าหญิงคนนั้นเลือกเองก็ไม่ควรจะไปก้าวก่าย
*** ตัดเข้าช่วงโฆษณา ***
ขอโฆษณาว่าหนังสือ "เชือดเช็ดเชเชน" ที่พิมพ์ครั้งก่อนขายหมดจากตลาดไปนานแล้ว มีแผนจะพิมพ์ใหม่ปลายปีนี้นะครับ ตอนนี้เปิดให้จองแล้ว
- หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องประวัติของชนกลุ่มน้อยเชเชน ตลอดจนประวัติศาสตร์รัสเซียยุคหลัง โดยเน้นบทบาทของปูตินในการต่อสู้เพื่อขึ้นครองอำนาจ, ปฏิรูปรัสเซีย, และทำสงครามปราบชาวเชเชน
- หนังสือเล่มนี้มีผู้วิจารณ์มากมายว่า "โหดสัสรัสเซีย"
- ผมตั้งใจจะเพิ่มเนื้อหาให้อัพเดทถึงปัจจุบัน แน่นอนว่ามีความโหดสัสมากขึ้นไปอีก
- พิมพ์เป็นสี่สีแน่นอน
- ปกพิมพ์สีเมทัลลิก ปั้มนูนและปั้มเงินที่ชื่อเหมือนเล่มสุริยันพันธุ์เคิร์ด รับรองว่าสวยมาก เหมาะแก่การสะสม สำนักพิมพ์ The Wild Chronicles 😉
- มีเซ็นลายเซ็นพิเศษประจำเล่มให้ครับ
- ราคาอยู่ที่ 389 บาท สั่งพรีออเดอร์ตอนนี้ลดเหลือ 369 บาท และฟรีค่าส่งในประเทศ (ปกติค่าส่ง 50 บาทครับ ส่วนต่างประเทศก็ตามจริง)
- สนใจชำระและใส่ที่อยู่ที่ link แนบได้เลย อนึ่งระบบนี้จะมีเมลคอนเฟิร์มไปแต่ช้าหน่อยนะครับ
นอกจากนี้ ยังขอโฆษณาว่าหนังสือ "โลหิตอิสราเอล The Promised Land" ที่พิมพ์ครั้งก่อนขายหมดจากตลาดไปนานแล้ว มีแผนจะพิมพ์ใหม่สิ้นปีนี้นะครับ
- หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องประวัติดินแดนแห่งพันธสัญญา ตลอดจนการสร้างชาติของชาวยิวตั้งแต่ยุคตำนานจนถึงยุคใหม่
- เพิ่มเนื้อหาให้อัพเดทเกี่ยวกับยิวอนุรักษ์นิยม หรือยิวฮาเรดิ
- พิมพ์เป็นสี่สีแน่นอน
- ปกพิมพ์สีเมทัลลิก ปั้มนูนและปั้มเงินที่ชื่อเหมือนเล่มสุริยันพันธุ์เคิร์ด รับรองว่าสวยมาก เหมาะแก่การสะสม สำนักพิมพ์ The Wild Chronicles เราพิมพ์เองแล้วจะทำอะไรก็ได้ 555
- มีเซ็นลายเซ็นพิเศษประจำเล่มให้ครับ
- ราคาอยู่ที่ 389 บาท ฟรีค่าส่งในประเทศ (ปกติค่าส่ง 50 บาทครับ ส่วนต่างประเทศก็ตามจริง)
- สนใจชำระและใส่ที่อยู่ที่ link แนบได้เลย อนึ่งระบบนี้จะมีเมลคอนเฟิร์มไปแต่ช้าหน่อยนะครับ
ภาพแนบ: การประท้วงสิทธิเท่าเทียมยุคแรกๆ
กลุ่มต่อมาที่จะกล่าวถึงคือกลุ่ม LGBTQ หรือกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ในที่นี้ ผมขออธิบายสั้นๆ นะครับ
L คือ Lesbian หรือ หญิงรักหญิง
G คือ Gay หรือ ชายรักชาย
B คือ Bisexual หรือ คนที่มีรสนิยมทั้งสองเพศ
T คือ Transgender หรือ คนข้ามเพศ หมายถึง คนที่เกิดเพศหนึ่ง แต่ได้แปลงเพศเป็นอีกเพศหนึ่ง
Q คือ Queer หรือ คนที่ยังมีรสนิยมทางเพศไม่ชัดเจน
ภาพแนบ: เกย์ไพรด์
สิ่งที่พวกเขาเรียกร้องส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการสมรสเพศเดียวกัน และการยอมรับคนที่มีความหลากหลายทางเพศในสังคม โดยชี้ว่าสังคมยังมีความคิดที่เกลียดพวกเขาอยู่ ที่เรียกว่า homophobia และ transphobia ซึ่งแพร่หลายมากในช่วงที่โรคเอดส์ระบาดหนักเมื่อทศวรรษ 1980s
พวกเขาใช้ธงสีรุ้งเป็นสัญลักษณ์ของพวกตน นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมเดินขบวนที่เรียกว่า เกย์ไพรด์ (Gay Pride) ซึ่งเป็นการประกาศเพศสภาพของตนด้วยความภูมิใจ
ภาพแนบ: นักกีฬายกน้ำหนักข้ามเพศ ลอเรล ฮับบาร์ด จุดกระแสข้อถกเถียงว่านักกีฬาข้ามเพศควรลงแข่งกับนักกีฬาหญิงหรือไม่
แม้ว่าการรณรงค์ของขบวนการ LGBTQ จะทำให้หลายประเทศปรับกฎหมายอนุญาตการสมรสเพศเดียวกัน แต่ข้อเรียกร้องในเรื่องอื่นของพวกเขายังคงได้รับการโต้เถียง เช่น การให้กลุ่ม LGBTQ เข้าห้องน้ำตามเพศสภาพของตน หรือการเรียกร้องให้นักกีฬาทรานส์สามารถแข่งขันร่วมกับเพศอื่น เช่น ผู้หญิงข้ามเพศแข่งร่วมกับเพศหญิง (แน่นอนว่าแม้แต่ในกลุ่มพวกเขาก็เห็นไม่ตรงกัน)
ภาพแนบ: เจ. เค. โรว์ลิง
นอกจากนี้บางที LGBTQ ยังมีประเด็นกับกลุ่มอื่น เช่น เมื่อปี 2020 มีประเด็นที่ เจ. เค. โรว์ลิง ผู้เขียนแฮร์รี่ พอตเตอร์ วิจารณ์การใช้คำว่า “คนที่มีประจำเดือน” แทนคำว่า “ผู้หญิง” (จะเห็นว่าเป็นตัดการกล่าวถึงเพศทิ้งไปโดยสิ้นเชิง) โดยระบุว่า “ถ้าเพศไม่มีจริง งั้นก็ไม่มีการดึงดูดของเพศเดียวกันด้วยสิ ถ้าเพศไม่มีจริง ความเป็นจริงสำหรับผู้หญิงทั่วโลกจะถูกลบไป”
1
ทวีตนี้ทำให้เกิดปฏิกิริยาจากกลุ่มคนข้ามเพศว่าแอนตีพวกเขา หรือบิดเบือนความเข้าใจเรื่องเพศ นำสู่กระแสต่อต้าน
...ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นความขัดแย้งระหว่างนักเคลื่อนไหวเรื่องสิทธิสตรีกับสิทธิของคนข้ามเพศ
ภาพแนบ: เดฟ ชาเปล
ไม่รวมถึงประเด็นที่เพิ่งเกิดขึ้นในปี 2021 จาก เดฟ ชาเปล (Dave Chappelle) ซึ่งเป็นตลกเดี่ยวไมโครโฟนชาวอเมริกัน
1
ในการแสดงครั้งหนึ่งเขาระบุว่าตัวเองเป็นพวก TERF ย่อมาจาก trans-exclusionary radical feminist ซึ่งเป็นเฟมินิสต์ที่ไม่นับผู้หญิงข้ามเพศว่าเป็นผู้หญิง หลังจากนั้นเขาถูกกลุ่มคนข้ามเพศโจมตีว่าเป็นพวกเกลียดคนข้ามเพศ
1
...เรื่องนี้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งว่าเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นจะค่อยๆ ถูกลบไปในยุคสมัยแห่งความหลากหลายทางอัตลักษณ์เหล่านี้หรือไม่?
ภาพแนบ: การประท้วงที่ชูเรื่องเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมพร้อมกัน
*** Woke กับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ***
กลุ่ม Woke อีกกลุ่มที่ผมจะมานำเสนอ คือ กลุ่มที่สนใจประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งก่อนอื่นต้องเรียนท่านผู้อ่านก่อนว่า กลุ่มเหล่านี้เป็นกลุ่มที่วางเป้าหมายและประเด็นกว้างกว่าจากกลุ่มสิ่งแวดล้อมกระแสหลัก ที่เน้นเรื่องของการใช้พลังงานสะอาด เป็นต้น
กลุ่มนี้ไม่ค่อยมีพูดถึงมากนัก แต่พอสรุปได้ว่าคือ กลุ่มสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ชูประเด็นเรื่องที่พักอาศัยอย่างเพียงพอ, การได้รับมลภาวะอันตรายของแรงงานอาชีพต่างๆ, และการใช้ที่ดินอย่างไม่เหมาะสมของบริษัทใหญ่ในย่านยากจน เช่น การใช้เป็นที่ทิ้งขยะ ...จะเห็นได้ว่าพวกเขาได้เชื่อมโยงประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเข้ากับเรื่องสิ่งแวดล้อม
ขณะนี้มีการเสนอแผนที่จัดการกับประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจไปพร้อมกัน เช่น Green New Deal ในสหรัฐ หรือ European Green Deal ในสหภาพยุโรป
*** ส่งท้าย ***
จากที่ได้เขียนเล่ามา 3 ประเด็นนี้ น่าจะพอทำให้เห็นประเด็นหลักๆ ที่ถูกเรียกรวมๆ กันในคำว่า Woke
สิ่งที่พวกเขาเรียกร้องนี้บ่อยครั้งสร้างสิ่งดีๆ ให้สังคม แต่บางครั้งก็ถูกมองว่าสุดโต่ง จนเกิดการถกเถียง ไม่ว่าอย่างไรสิ่งนี้เป็นวิวัฒนาการทางสังคมที่อยู่ในยุคของเราครับ
ภาพแนบ: การทำลายรูปปั้นบุคคลในประวัติศาสตร์
::: อ้างอิง :::
- merriam-webster (ดอต) com/words-at-play/Woke-meaning-origin
- time (ดอต) com/5886348/report-peaceful-protests/
- thedailybeast (ดอต) com/dave-chappelle-is-back-to-making-transphobic-jokes-at-madison-square-garden-event
- edgeeffects (ดอต) net/Woke-environmentalism/
ท้ายสุดนี้ ขอโฆษณาว่าหนังสือ "ประวัติย่อก่อการร้าย War on Terror" ที่พิมพ์ครั้งก่อนขายหมดจากตลาดไปนานแล้ว มีแผนจะพิมพ์ใหม่ปลายปีนี้นะครับ
ตอนแรกว่าใกล้ๆ เสร็จแล้วค่อยทำโปร แต่เหตุการณ์ในอัฟกานิสถานและรำลึก 9/11 ทำให้มีคนถามมาเยอะเหลือเกิน เลยเปิดให้จองก่อน
- หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องประวัติของขบวนการก่อการร้ายสากลตั้งแต่ยุคอัลเคดามาต่อ ISIS
- ผมตั้งใจจะเพิ่มเนื้อหาให้อัพเดทถึงปัจจุบัน
- พิมพ์เป็นสี่สีแน่นอน
- ปกพิมพ์สีเมทัลลิก ปั้มนูนและปั้มเงินที่ชื่อเหมือนเล่มสุริยันพันธุ์เคิร์ด รับรองว่าสวยมาก เหมาะแก่การสะสม สำนักพิมพ์ The Wild Chronicles เราพิมพ์เองแล้วจะทำอะไรก็ได้ 555
- มีเซ็นลายเซ็นพิเศษประจำเล่มให้ครับ
- ราคาอยู่ที่ 389 บาท สั่งพรีออเดอร์ตอนนี้ลดเหลือ 369 บาท และฟรีค่าส่งในประเทศ (ปกติค่าส่ง 50 บาทครับ ส่วนต่างประเทศก็ตามจริง)
- สนใจชำระและใส่ที่อยู่ที่ link แนบได้เลย อนึ่งระบบนี้จะมีเมลคอนเฟิร์มไปแต่ช้าหน่อยนะครับ
และขอโฆษณาว่าหนังสือ “สุริยันพันธุ์เคิร์ด” หรือหนังสือเล่มใหม่ของผมออกแล้วนะครับ มีรายละเอียดดังนี้...
- เรื่องนี้เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ชาวเคิร์ด ผลงานเล่มล่าสุดในชุด The Wild Chronicles
- พิมพ์เป็นสี่สี!
- ยาวที่สุดเท่าที่พิมพ์มา ยาวกว่าพยัคฆ์ทมิฬสิ้นชาติราว 2 เท่า
- รูปโหดๆ ที่ทำให้เข้าใจสถานการณ์ดีขึ้น จะไม่เซนเซอร์ แต่จะรวมอยู่ท้ายเล่ม และมีคำเตือนก่อน
- มีลายเซ็นทุกเล่ม!
- ราคา 439 บาท รวมค่าส่งแล้ว
ท่านที่ต้องการพรีออเดอร์สามารถชำระ และใส่ที่อยู่ทาง link แนบได้เลย
อนึ่งชาวเคิร์ดเป็นชนกลุ่มน้อยในตะวันออกกลาง มีราว 30 ล้านคน หากไม่มีประเทศของตนเอง พวกเขาแตกเป็นหลายส่วนและถูกกดขี่อย่างหนัก แต่การถูกกดขี่เคี่ยวกรำนั้นทำให้พวกเขากลายเป็นนักรบที่เก่งกาจ
หนังสือเล่มนี้เขียนเรื่องราวของชาวเคิร์ดตั้งแต่ยุคตำนานจนถึงประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ซึ่งมีความพีคแล้วพีคอีก ผ่านสงครามใหญ่ๆ มากมาย เช่นสงครามอิรัก - อิหร่าน, สงครามอ่าวเปอร์เซีย, สงครามปราบซัดดัม, สงครามกลางเมืองอิรัก, สงครามปราบกลุ่มก่อการร้าย แต่ละสงครามที่ว่ามานี้มีสเกลใหญ่เป็นรองแค่สงครามโลก
ชาวเคิร์ดมีส่วนร่วมในสงครามเหล่านี้ทั้งหมดในฐานะชนกลุ่มน้อยที่ไม่รวยแต่รบเก่ง พอมีคนมาติดอาวุธให้เลยมักกลายเป็นไพ่โจ๊กเกอร์ที่เปลี่ยนผลชี้ขาดของสงคราม
อย่างไรก็ตามศัตรูอันดับหนึ่งของชาวเคิร์ดคือเผด็จการซัดดัม ฮุสเซนนั้นก็โหดมาก โหดโคตรๆ ใครเคยอ่านพยัคฆ์ทมิฬสิ้นชาติ หรือเชือดเช็ดเชเชน ผมบอกได้ว่าไอ้นี่ก็โหดไม่แพ้กัน หรือเผลอๆ โหดกว่า ดังนั้นการต่อสู้ของชาวเคิร์ดมันจึงเป็นเรื่องที่หลอนและดุเดือดมากๆ
หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ที่ผมได้ไปเยือนดินแดนเคอร์ดิสถานอิรัก (และหนีมิสไซล์มา) เมื่อต้นปี 2020 เพื่อนชาวเคิร์ดที่ผมสัมภาษณ์ทุกคนเป็นผู้รอดชีวิตจากทุกสงครามข้างต้น ทำให้มีข้อมูล ความเห็น และมุมมองของคนต่างๆ ที่ลึกกว่าในตำรา แน่นอนว่าประสบการณ์ของพวกเขาดาร์คมาก แต่เขาหลายคนไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น พวกเขาตีความสิ่งที่พบเจออย่างไร ลองตามอ่านดูนะครับ
"สุริยันพันธุ์เคิร์ด" ตั้งใจพิมพ์เป็นสี่สี เป็นหนังสือที่ยาวที่สุดตั้งแต่ผมเขียนสารคดีชุด The Wild Chronicles มา
อีกครั้งนะครับ ท่านที่ต้องการพรีออเดอร์หนังสืออย่างเดียว สามารถชำระ และใส่ที่อยู่ทาง link นี้ได้เลย 439 บาท รวมค่าส่งแล้ว (ในประเทศ) ถ้าบางท่านอยู่ต่างประเทศมีค่าส่งพิเศษจะแจ้งอีกที
ท่านที่สนใจอ่านเรื่องราวแปลกๆ จากรอบโลกสามารถสมัครเข้ากลุ่ม illumicorgi
อนึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่ม exclusive ผมจะใช้ลงบทความพิเศษ ซึ่งมีเนื้อหาเจาะลึกกว่าที่ลงในเพจ The Wild Chronicles และบทความส่วนใหญ่ในกลุ่มจะเกี่ยวกับธีมของหนังสือที่ผมกำลังเขียน
ผู้ที่ต้องการสมัครเข้ากลุ่มให้ทำดังนี้เลยนะครับ
(1) กดสมัคร Line OA ของ The Wild Chronicles มาทาง link นี้ https://lin.ee/fNEO1jr
(2) กด add เป็นเพื่อน
(3) กด chat
(4) จากนั้น พิมพ์ชื่อที่ท่านใช้ใน Facebook มาทางช่องแชทของ Line OA เพื่อให้ทีมงานบ่งชี้ได้ว่าบัญชีของท่านสมัครมาแล้ว
(5) จากนั้นจะมีแอดมินมาคุยกับท่าน ให้แจ้งประเภทสมาชิกที่ท่านต้องการสมัคร แอดมินจะส่ง link เพื่อชำระค่าสมาชิก และแนะนำวิธีการเข้ากลุ่มต่อไป
::: ::: :::
ประวัติศาสตร์ สงคราม เรื่องต่างประเทศ กดติดตาม เพจ The Wild Chronicles ได้เลยนะครับ https://facebook.com/pongsorn.bhumiwat
โฆษณา