25 พ.ย. 2021 เวลา 13:06 • ปรัชญา
“ความเมตตาของคุณ
1
ไม่ต้องผ่านการทดสอบ”
1
ภาพปกภาพยนตร์เรื่อง Central do Brasil
ผู้เขียนได้อ่านบทความหนึ่งที่มีผู้เขียนอีกท่านได้เรียบเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบอย่างดี ซึ่งมีประโยชน์ข้อคิดและอ่านแล้วกินใจ ดังนั้นจึงได้นำมาแชร์ให้อ่านกันเป็นเรื่องราวที่ Feel Good ก่อนนอนกันครับ
“ความเมตตาของคุณ ไม่ต้องผ่านการทดสอบ”
ผู้กำกับชาวบราซิลชื่อดัง Walter Salles กำลังค้นหาตัวนักแสดงที่เหมาะสมสำหรับภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขา “Central do Brasil" หรือ "Central Station" ในชื่อภาษาอังกฤษ มีผู้มาให้คัดตัวมากมาย แต่ก็ยังไม่ถูกใจ
วันหนึ่งระหว่างออกไปทำธุระผ่านสถานีรถไฟ มีเด็กผู้ชายวิ่งมาถามเขาว่า "ขัดรองเท้าไหมครับ ท่าน” เขามองดูรองเท้าตัวเอง ซึ่งก็เพิ่งขัดมาไม่นาน จึงตอบปฏิเสธไป แต่เด็กน้อยก็เดินตามเขาไป พร้อมพูดกับเขาด้วยแววตาวิงวอนว่า "วันนี้ทั้งวันยังไม่มีเม็ดข้าวตกถึงท้องเลย อยากขอยืมเงินไปซื้อข้าวกินหน่อย ผมสัญญาว่าจะจ่ายเงินคืนให้ภายในหนึ่งอาทิตย์ครับ” เขาเห็นว่ามันเป็นเงินเล็กน้อย และเหตุการณ์เด็กเร่ร่อนมาขอเงินก็เกิดขึ้นบ่อยๆ เขาจึงควักเงินให้เด็กน้อยไป
2
เวลาผ่านไปครึ่งเดือน เขาลืมเรื่องให้เงินเด็กน้อยไปหมดสิ้นแล้ว วันนั้นเขาก็ผ่านมาใช้สถานีรถไฟนั้นอีกครั้ง มีเด็กคนหนึ่งวิ่งมาหาเขาแต่ไกลพร้อมตะโกนว่า "คุณครับ รอแป๊ปนึง” เมื่อเด็กน้อยวิ่งมาใกล้แล้ว เขาจึงจำหน้าเด็กที่เคยมาขอเงินคนนั้นได้
เด็กน้อยพูดอย่างกระหืดกระหอบว่า "คุณครับ ผมมารอคุณตั้งหลายวันแล้ว ขอบคุณที่ให้เงินผมยืมครับ” พร้อมยื่นเงินเหรียญหลายเหรียญคืนใส่มือของเขา เขามองดูเหรียญในมือ บังเกิดความรู้สึกดีๆกับเด็กน้อยคนนี้
ผู้กำกับก้มมองดูหน้าเด็กน้อยอย่างพินิจพิเคราะห์ เกิดความรู้สึกว่า เด็กคนนี้ช่างเหมาะกับบุคลิก “เด็กน้อย” ในภาพยนตร์ของตนที่กำลังค้นหานักแสดงอยู่ เขาพูดกับเด็กน้อยด้วยรอยยิ้มว่า "พรุ่งนี้หนูลองมาทดสอบหน้ากล้องที่บริษัทหน่อย อาจทำให้หนูมีโอกาสได้ดีใจครั้งใหญ่ในชีวิต”
รุ่งขึ้นตอนเช้าพนักงานขึ้นมารายงานผู้กำกับว่ามีเด็กกลุ่มใหญ่มารออยู่หน้าประตูบริษัท เขาออกไปดูเหตุการณ์ ก็พบเด็กน้อยวิ่งมาหาเขาด้วยความตื่นเต้นพร้อมพูดกับเขาว่า "คุณครับ เด็กเหล่านี้ก็เป็นเด็กเร่ร่อนเหมือนผมที่ไม่มีพ่อแม่ ผมอยากขอให้พวกเขามีโอกาสได้ดีใจแบบเดียวกับผมบ้าง เลยชวนมาทั้งหมด อยากขอโอกาสให้พวกเขาทุกคนด้วยครับ” ผู้กำกับรู้สึกตื้นตันในน้ำใจของเด็กคนนี้
1
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เจอเด็กเร่ร่อนที่มีจิตใจเมตตาปรานีได้ดีงามถึงเพียงนี้ ในเมื่อพวกเขาก็มาพร้อมกันอยู่ที่นี่แล้ว เขาจึงสั่งให้ลูกน้องจัดการทดสอบหน้ากล้องพร้อมทดสอบการแสดงออกของเด็กทั้งกลุ่ม ในที่สุดเด็กหลายคนถูกคัดเลือกออกมา พวกเขาดูมีความพร้อมและเหมาะสมกว่าเด็กน้อยคนนั้นของผู้กำกับเสียอีก
1
แต่สุดท้าย ผู้กำกับก็ตัดสินใจเลือกเด็กน้อยคนเดิมไว้
1
เขาบรรจงเขียนข้อคิดเห็นบนข้อมูลเด็กน้อยคนนั้นว่า "ความเมตตา ไม่ต้องผ่านการทดสอบ”
2
เด็กน้อยที่มีอายุแค่ประมาณสิบขวบ แม้ชีวิตจะอยู่ในภาวะขัดสน แต่กลับยอมนำเอาโอกาสดีๆของตนมาแบ่งปันกับเพื่อนๆ นี่ช่างเป็นความเมตตาที่งดงามและยิ่งใหญ่จากมนุษย์ตัวน้อยๆคนนี้ เขาแน่ใจว่าเด็กน้อยคนนี้แค่ใช้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเองแสดงออกมา แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับบทบาท ”เด็กน้อย” ในภาพยนตร์ของเขาโดยไม่ต้องมีการปรุงแต่งใดๆทั้งสิ้น
แล้วเด็กน้อยก็สามารถตีบทแตกอย่างสุดยอดในบทบาทที่น่าประทับใจที่สุด
ภาพยนตร์ได้กวาดรางวัลจากสถาบันต่างๆทั่วโลกรวม 36 รางวัล (1998-99) มีแต่เสียงชื่นชมจากทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์ เด็กน้อยกลายเป็นนักแสดงที่ดังเป็นพลุแตกในชั่วข้ามคืน และสามารถกลายเป็นนักแสดงยอดนิยมของประเทศบราซิลอยู่ยาวนาน
2
หลายปีผ่านไป เด็กน้อยที่บัดนี้โตเป็นผู้ใหญ่ ได้กลายเป็นนักแสดงระดับแนวหน้าและยังเป็นประธานบริษัทในวงการภาพยนตร์ เขาผู้นั้นคือ Vinicius de Oliveira
1
“ชีวิตการแสดงของข้าพเจ้า” คือหนังสือที่นักแสดงผู้นี้แต่งขึ้นมาเพื่อบันทึกชีวประวัติส่วนตัวของเขา เขาขอให้ผู้กำกับที่มีพระคุณที่สุดในชีวิตเขาเป็นคนให้เกียรติเขียนคำนำสำหรับหนังสือเล่มนี้ของเขา
1
ผู้กำกับ Walter Salles บรรจงเขียนข้อความจากใจว่า
"ความเมตตาของคุณ ไม่ต้องผ่านการทดสอบ
1
ความเมตตาทำให้คุณพยายามยื่นโอกาสดีๆในชีวิตแบ่งปันให้กับคนอื่น
1
และก็คือความเมตตาของคุณเช่นเดียวกัน ที่ทำให้คุณได้รับโอกาสดีๆมากมายไปเป็นรางวัลชีวิต”
1
เขายังคงความเมตตาสมัยเป็นเด็กน้อยไม่ขาดหาย
1
แต่เจริญรุ่งโรจน์ในเส้นทางชีวิตอย่างน่าชื่นใจ
1
********
"ขจรศักดิ์"
1
แปลและเรียบเรียง 29/7/17
Vídeo: Youtube/Lapario Jin Imaagens: Reprodução/Wikipedia/Celebridades Uol/Texte - ผู้กำกับ Walter Salles (คนขวาสุด) เด็กน้อย Vinicius de Oliveira (คนชูถ้วยรางวัล)
Photo by: Ronaldo Corrêa/Divulgação - Vinicius de Oliveira ปัจจุบัน เป็นนักแสดงที่มีชื่อ
ข้อคิดจากเรื่องราวดังกล่าวนี้
ผมขอแยกออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ผู้ให้ กับ ผู้รับ
• ผู้ให้ (ผู้กำกับ) โอกาสเป็นสิ่งที่เราไขว่คว้าหา เมื่อเราได้มาแล้วใช่ว่าจะนำไปสู่ความสำเร็จถ้าขาดความตั้งใจพยายาม เรื่องราวนี้ทำให้เรารู้ว่าโอกาสในชีวิตที่ผู้กำกับคนนี้มอบให้เด็กน้อยคนหนึ่งจะเปลี่ยนพลิกชีวิตเค้าไปตลอดกาล และยังหมายถึงตัวเด็กน้อยเองด้วยที่เป็นผู้ให้ ไม่คิดเก็บโอกาสไว้เองแค่ผู้เดียวแต่ได้หยิบยื่นให้กับเพื่อนร่วมชะตาชีวิตเดียวกัน
1
• ผู้รับ (นักแสดง) ความเมตตาของเด็กน้อยผู้นี้ปฏิเสธเลยไม่ได้ว่าเป็นส่วนช่วยสำคัญที่ทำให้เค้าได้รับโอกาส เมตตาและเห็นใจเพื่อนร่วมชะตาและอยู่ในระดับเท่าเทียมกัน ซึ่งถือว่าเป็นการผ่านทดสอบในเรื่องคุณธรรมไปเรียบร้อยแล้ว ดั่งประโยคที่หัวเรื่องว่า “ความเมตตาของคุณ ไม่ต้องผ่านการทดสอบ”
1
แล้วคุณหละได้เป็นผู้ให้หรือได้รับโอกาสจากความเมตตาเหมือนในเรื่องราวนี้บ้างไหมครับ
1
เครดิต: www.facebook.com/Flintlibrary
โฆษณา