27 พ.ย. 2021 เวลา 03:00 • การ์ตูน
Satoshi Kon ผู้กำกับอนิเมะที่มาก่อนกาล และจากไปก่อนเวลาอันควร
หากเราจะพูดถึงผู้กำกับอนิเมะญึ่ปุ่น ที่คนส่วนใหญ่รู้จักกัน ก็คงไม่พ้นชื่อของ Hayao Miyazaki แห่ง Studio Ghibli หรือ ผู้กำกับชื่อดังแห่งยุคใหม่อย่าง Makoto Shinkai ผู้สร้างอนิเมะขวัญใจเรียกน้ำตา ที่เรารักกันทั่วโลกอย่าง Your name แต่ในยุคหนี่งมีผู้กำกับคุณภาพ ที่ผู้ชมและนักวิจารณ์ ต่างยอมรับเป็นเสียงเดี่ยวกันถึงผลงานระดับสุดยอด ไม่ว่าจะเป็น Paprika Perfect Blue และ Tokyo Godfather ชื่อของเขาคือ Satoshi Kon
ผลงานของ Satoshi Kon เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ลึกซี้งสะท้อนประเด็นสังคม งานภาพที่สอดแทรกความหมายเชิงสัญลักษณ์ให้ผู้ชมตีความ อะไรที่ทำให้เขาสามารถสร้างผลงานแบบนี้ขึ้นมา
ย้อนกลับไปตอนที่เขาเป็นเด็ก เขาเติบโตมาพร้อมกับความหลงใหลในมังงะ และอนิเมะ โดยเรื่องที่เขาชอบก็ได้แก่ Space Battleship Yamato , Future Boy Conan , Mobile Suit Gundam ซึ่งแต่ละเรื่องก็เป็นสุดยอดผลงานที่สร้างแรงบันดาลใจคนทำงานอุตสหกรรมอนิเมะทั้งนั้น อีกทั้งเขายังสนใจศิลปะอย่างมาก ทำให้เขาเริ่มมีความฝันที่อย่างเป็น อนิเมเตอร์ ให้ได้ตั้งแต่เด็ก
Satoshi Kon ตัดสินใจเข้าศึกษาต่อระดับมหาลัยที่ Musashino Art University สาขากราฟิกดีไซน์ และเขาก็ได้ตั้งเป้าหมายในระหว่างเรียนว่าในอนาคตจะเอาดีด้านนักวาดภาพประกอบ ซึ่งสิ่งที่เป็นแรงขับเคลื่อนในการเขียนผลงานก็เริ่มจากช่วงนี้ เมื่อเขาได้รู้จักผลงานมังงะเรื่อง Domu ของ Otomo Katsuhiro และนิยามหลายเรื่อง Tsutsui Yazutaka รวมไปถึงผลงานภาพยนตร์ต่างประเทศมากมาย ในช่วงที่เรียนนี้เขาก็ได้ก้าวเข้าสู่วงการด้วยมังงะสั้นเรื่องแรก Toriko (คนละเรื่องกับนักล่าอาหารนะครับ) ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้รางวัล ของ Chiba Tetusya ครั้งที่ 10 และนั้นก็ทำให้ Otomo Katsuhiro ดึงตัวมาเป็นผู้ช่วยในผลงานมังงะระดับตำนานอีกเรื่องนั้นก็คือ Akira
ด้วยความชอบใจและแนวคิดที่ตรงกันก็ทำให้ Otomo Katsuhiro ช่วยนำพา Satoshi Kon ก้าวเข้าสู่วงการอนิเมะ โดยเริ่มจากการทำหน้าที่ ออกแบบฉาก วางเลย์เอาต์ และคีย์แอนิเมชั่น ซึ่งก็มีเรื่อง RoujinZ และ Hashire Melos! หลังจากนั้นเขาก็ได้ร่วมกับ Oshii Mamoru ( ผู้กำกับ Ghost in the Shell ) ในเรื่อง Patlabor 2: The Movie
หลังจากที่เขาได้รับประสบการณ์ และเรียนรู้กับผู้สร้างสรรค์ที่สุดยอดมาแล้ว ในตำแหน่งต่างๆ ก็ถึงเวลาอันสมควรที่เขาจะได้โอกาสมาเป็นผู้กำกับ โดยเรื่องแรกเป็น โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ของปี 1993 แต่เรื่องนี้เขาก็ยังได้แค่เป็นผู้กำกับประจำตอนเท่านั้น ไม่ได้กำกับทั้งเรื่อง และยังต้องดูแลงานด้านอื่นๆไม่ว่าจะเป็น บท สตอรี่บอร์ด และคีย์แอนิเมชั่น ช่วงนี้เขาก็แวะเวียนมาเขียนมังงะบ้าง
อย่างเรื่อง Seraphim: 266613336 No Tsubasa กับ Oshii Mamoru แต่ด้วยความยุ่งของทั้งสองคนจึงทำให้เรื่องนี้เขียนต่อไม่จบและเลิกงานเขียนมังงะไปหลังจากที่นั้น Masao Maruyama หนึ่งในผู้ก่อตั้ง และโปรดิวเซอร์ Madhouse ได้ชอบใจสไตล์การกำกับ Satoshi Kon จากเรื่อง โจโจ้ จึงได้เชิญเขาเข้ามารับหน้าที่กำกับภาพยนตร์อนิเมะเรื่องแรก และเป็นเรื่องแจ้งเกิดเลยทันทีนั้นก็คือเรื่อง Perfect Blue
เรื่องราวเกี่ยวกับสมาชิกวงไอดอล คิริโกเอะ มิมะ ที่ตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นไอดอล สู่วงการนักแสดงเต็มตัว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้แฟนคลับที่คลั่งไคล้เธอไม่พอใจ ตามทำร้ายเธอและคนรอบข้าง ทั้งตัวมิมะเองยังเกิดความเครียดกดดันกับตัวเองถึงเรื่องตัวตนไอดอล กับตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง โดยเรื่องเป็นการนำนวนิยายของ Yoshikazu Takeuchi มาดัดแปลงซึ่งบทร่างฉบับแรก Kon ไม่ชอบมันเลยจึงได้อนุญาติ Takeuchi เปลี่ยนแปลงเนื้อหาให้เหมาะกับสไตล์ของเขา ซึ่ง Takeuchi ก็อนุญาติ
แต่ขอให้คงแก่นหลักของเรื่องอันได้แก่ ไอดอล สยองขวัญ และ สะกดรอยตาม ดังนั้นทำให้เรื่องสะท้อนโลกความคิดของตัวละคร ตัดสลับกับโลกของความเป็นจริง ทำให้คนดูเกิดความตื่นเต้นและขนลุกอย่างมากมายกับการเล่าเรื่องแบบนี้ในอนิเมะสมัยนั้น ผู้ชมหลายคนคิดว่า Perfect Blue สร้างแรงบันดาลใจให้ Darren Aronofsky ไปสร้างงานอย่าง Black Swan ถึง Darren ไม่ได้ออกมาพูดว่าได้รับแรงบันดาลใจแต่ถ้าเอาช็อตต่อช็อตมาเทียบกันถือว่าภาพใกล้เคียงกันมากเลยที่เดียว
หลังจากจบโปรเจค Perfect Blue ที่ได้รับรางวัลจากงานประกวดหลายประเทศ และคำชมจากทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์ ผู้คนก็ต่างรอดูผมงานเรื่องถัดไปของเขา Satoshi Kon จึงอยากนำนวนิยายที่ชื่นชอบจากนักเขียนคนโปรดนั้นก็คือ Paprika ของ Tsutsui Yazutaka แต่ด้วยบริษัทที่จัดจำหน่ายอย่าง Rex Entertainment ดันล้มละลายไปซะก่อน ทำให้โปรเจคนี้ต้องเลื่อนไป ทำให้ Kon จับมือกับ Murai Sadayuki มือเขียนบทคู่ใจที่เคยทำ Perfect Blue มาด้วยกันได้มาสร้างเรื่องของนักแสดงหญิงกับเรื่องราวความรัก และการเติบโตของวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่น กับผลงาน Millennium Actress
ถึงเรื่องราวไม่ได้ซับซ้อนเหมือนเรื่องก่อน แต่ความเรียบง่ายและการลำดับเรื่องที่ลื่นไหล ทำให้ Millennium Actress ก็เป็นหนึ่งในผลงานที่ประทับใจผู้ชมด้วย เพราะตัว Kon เองก็หลงใหลในเรื่องราวของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ญี่ปุ่นด้วย ซึ่งทำให้เรื่องนี้มีหัวใจอย่างมาก จึงทำรายได้ รางวัลทั้งในประเทศ และต่างประเทศ หลังจบเรื่องนี้ในปี 2003 Satoshi Kon ได้นำไอเดียจากมังงะสั้นที่เขาเคยเขียนที่เกี่ยวกับคนที่ถูกสังคมญี่ปุ่นถอดทิ้ง ผ่านมุมมองของการเล่าเรื่องแบบหนัง feel good ในวันคริสต์มาส
Tokyo Godfathers เรื่องราวของคนไร้บ้านสามคนได้แก่ ลุงขี้เมา แดร็กควีน และเด็กที่หนีออกจากบ้าน ทั้งสามได้พบเจอกับเด็กทารกที่ถูกทิ้งในถังขยะ พวกเขาจึงตัดสินใจตามหาแม่ของเด็ก โดยในเรื่องนี้เขาได้เล่าอย่างเรียบง่าย และมีความขบขัน อบอุ่นหัวใจ ซึ่งขัดแย้งกับประเด็นที่ซีเรียสสะท้อนปัญหาสังคม ด้วยสิ่งนี้ทำให้เข้าใจตัวละครและสายสัมพันธ์ของคนที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแต่รักกันได้มากกว่า ถึงจะได้รางวัลมากมายแต่น่าเสียดายที่ช่วงนั้นกระแสของ Spirited Away กำลังมาทำให้คนอาจจะมองข้ามเรื่องนี้ไป ซึ่งในปีต่อมา Kon ก็ได้กลับไปกำกับแนว Dark เหมือนเดิมแต่ครั้งนี้เป็นอนิเมะซีรี่สนั้นก็คือ
Paranoia Agent เป็นเรื่องที่เล่าถึงหลากหลายตัวละคร ที่ไปพัวพันกับคดีของ โชเน็นแบต เด็กหนุ่มถือไม้เบสบอลและใส่โรลเลอร์เบลดเข้ามาทำร้ายร่างกาย ซากิ ทสึกิโกะ ด้วยเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคม ด้วยการที่เรื่องนี้เล่าด้วยสไตล์แบบใหม่และเป็นอนิเมะซีรี่ส ทำให้ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงหรือเข้าใจกับเนื้อหาของเรื่องได้ แต่ว่าในช่วงนี้ Kon ก็ได้รับโอกาสทำอนิเมะจากนวนิยายที่เชาชอบอีกครั้ง
Paprika เล่าถึงเรื่องราวโลกอนาคตที่มีเครื่องที่สามารถเข้าไปชมความฝันของมนุษย์ได้ ชิบะ อัตสึโกะ หนึ่งในทีมพัฒนาได้แอบนำเครื่องนี้ไปบำบัดจิตของผู้คน และเธอใช้อวตาร์ที่ชื่อว่า ปาปริก้า ในการบำบัด แต่วันหนึ่งเครื่องนี้ก็ถูกขโมยไปและคนร้ายก็ยังแพร่กระจายความฝันของตัวเองไปสู่คนอื่นๆ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อพยายามจะทำให้โลกความฝันและความจริงมาร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้ Kon ใช้เวลาไม่นานในการพัฒนา Pre-Production เพราะคิดมาก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว และเมื่อเรื่อง Paprika ออกฉายก็ยิ่งสร้างชื่อเสียงและรางวัลให้เขาอีกมากมาย และผู้ชมส่วนใหญ่ยังบอกว่า Inception ของ Christopher Nolan ได้แรงบันดาลใจมาจาก Paprika เมื่อมาเทียบกันแล้วหลายฉากถือว่าใกล้เคียงกันจริงๆ
ในปี 2010 Satoshi Kon ก็กำลังพัฒนาภาพยนตร์อนิเมะ Yume Miru Kikai เขาก็พบกับข่าวร้ายว่าตัวเองตรวจพบมะเร็งตับอ่อนขั้นรุนแรง แต่ระหว่างรักษาตัวเอง เขาก็ยังคิดแต่เรื่องอนิเมะ จนถึงวาระสุดท้ายคงก็ยังบอกกับ Masao Maruyama ว่าเป็นห่วงเรื่อง Yume Miru Kikai ที่ยังไม่เสร็จ ซึ่ง Maruyama ก่อนให้สัญญากับ Kon ว่าพวกเราจะทำต่อให้มันเสร็จ แล้ว Satoshi Kon ก็เสียชีวิตไปในวันที่ 24 สิงหาคม 2010 ในวัย 46 ปี สร้างความเสียใจให้กับครอบครัว เพื่อน และแฟนๆผลงานของเขา
จนถึงตอนนี้ภาพยนตร์อนิเมะ Yume Miru Kikai ก็ยังทำไม่เสร็จด้วยปัญหาเงินทุน และ Masao Maruyama ยังมาบอกอีกว่าการหาคนมาทำงานต่อ Kon เป็นเรื่องยากเพราะไม่อยากเปลี่ยนแนวคิดของเขา และแนวทางการกำกับก็ไม่มีใครสามารถทำได้ ทุกวันนี้ผู้ชมก็ยังรออนิเมะเรื่องนี้อยู่ทั้งที่มีข่าวลือมา บอกว่าจะฉายในเทศกาลหนังต่างประเทศแต่ก็เงียบมาจนถึงทุกวันนี้
ในบทความนี้ผมได้แรงบันดาลใจมาจาก สารคดี Satoshi Kon: The Illusionist ที่เล่าเรื่องผ่านมุมมองของคนที่เคยทำงาน กับรู้จักเขา คนอื่นอาจจะมองว่าเขาเป็นคนที่บ้างาน คิดถึงงานจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต หรือจริงๆแล้ว เขาแค่ทุ่มเทกับสิ่งเขารักมาที่สุดในชีวิตซึ่งนั้นก็คือ อนิเมะ ซึ่งหลายๆครั้งผมเองก็เคยได้รับแรงขับเคลื่อนในการทำงานจากคุณ Satoshi Kon มาเหมือนกัน
อ้างอิงจาก
Satoshi Kon: The Illusionist
Satoshi Kon's last words | Makiko Itoh : Not a nameless cat.
ไอเคย์ @K$P013 : เขียนและงานศิลป์
โฆษณา