26 พ.ย. 2021 เวลา 22:51 • ความคิดเห็น
ความเสี่ยง คือ ความเป็นไปได้ที่จะเกิดโทษหรือเรื่องร้ายที่เราไม่ต้องการ
เช่น การกินของมันๆมีความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วน การสูบบุหรี่มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอด การลงทุนมีความเสี่ยงในการขาดทุน เป็นต้น
เหมือนที่คำที่นักเศรษฐศาสตร์กล่าวไว้ว่า "เหรียญมี 2 ด้าน เสมอ" นั่นหมายถึง ทุกอย่างมีประโยชน์และโทษอยู่ในตัว
เช่น ในขณะที่โทษของการกินของมันๆ คือ โรคร้าย แต่ประโยชน์ของการกินของมันๆ ก็คือ ความอร่อย หรือ แม้แต่การสูบบุหรี่ เสพยา ก็ล้วนมีประโยชน์ต่อผู้เลือกกระทำสิ่งนั้นๆทั้งสิ้น เช่น ได้รู้สึกคลายเครียด หรือ ได้แสดงออกถึงรสนิยมแบบที่ตัวเองต้องการแสดงออก
ที่ยกตัวอย่างมาทั้งหมดนี้เป็น ความเสี่ยงในสิ่งที่เรามีความเข้าใจ เพราะเรามีองค์ความรู้ในเรื่องนั้นๆแล้ว
จะมีความเสี่ยงอีกแบบ คือ ความเสี่ยงในสิ่งที่เราไม่มีความเข้าใจ เมื่อเราไม่มีความเข้าใจในสิ่งหนึ่งๆ เราจึงรู้อย่างแน่นอนว่า เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องร้ายที่เราไม่ต้องการ ดังนั้นในเรื่องที่เราไม่เข้าใจ จึงมีความเสี่ยงเสมอ
ทีนี้ขอวนกลับมาพูดถึงความเสี่ยงในสิ่งที่เรามีความเข้าใจ เช่น เรื่องการลงทุน หรือ การสูบบุหรี่
ในกรณีนี้ หากเราเลือกที่จะลงทุน หรือเลือกที่จะสูบบุหรี่ นั่นหมายถึงเราตัดสินใจเลือกที่จะเสพประโยชน์ของสิ่งนั้นๆ โดยยินดียอมรับความเป็นไปได้ของเรื่องร้ายที่อาจเกิดขึ้นนั่นเอง เปรียบเหมือนเราเลือกหยิบเหรียญขึ้นมาจากพื้น เนื่องจากเราชอบด้านหัวของเหรียญ และนั่นหมายถึงด้านก้อยของเหรียญก็เป็นของเราด้วยในทันที
ดังที่ได้ตอบคำถามแรกโดยการอธิบายแล้วว่า "ความเสี่ยงคืออะไร?" สำหรับคำถามที่สอง ที่ว่า "เมื่อไหร่จึงควรเสี่ยง?" จึงต้องขออธิบายต่อดังนี้
ในเรื่องทั่วๆไปบนโลกนี้ แทบไม่มีเรื่องไหนเลยที่เราเข้าใจทั้งหมด 100% ในขณะเดียวกันแม้แต่เรื่องยากๆเช่น การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ก็ไม่ใข่ว่าเราจะไม่มีความเข้าใจเลยโดยสิ้นเชิง อย่างน้อยเราก็รู้ว่ามันโคจร นั่นก็ถือเป็นความรู้ความเข้าใจอยู่เสี้ยวเล็กๆมากๆเสี้ยวหนึ่ง
ดังนั้นแล้ว จะเห็นว่า ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่า ในสิ่งหนึ่งๆที่เรากำลังเผชิญนั้น เรามีความเข้าใจมันมากน้อยแค่ไหน
ยิ่งเข้าใจน้อยเท่าไหร่ ความเสี่ยงส่วนที่เกิดจากความไม่เข้าใจก็เยอะขึ้นเท่านั้น
ในขณะที่ยิ่งเราเข้าใจเรื่องนั้นมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงจากความไม่เข้าใจก็จะลดลงได้มากเช่นกัน
ดังนั้นความเสี่ยงที่เกิดจากความไม่รู้ไม่เข้าใจ เราสามารถจัดการเพื่อให้มันลดลงได้ โดยการศึกษาให้รู้และเข้าใจมากขึ้น
ในทางตรงกันข้าม สำหรับความเสี่ยงแบบที่เราเข้าใจอยู่แล้ว ประเด็นตรงนี้คือ "การเลือกว่าจะทำหรือไม่" โดยที่เราก็รู้ๆอยู่ ว่าเรามีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่จะได้ประโยชน์อะไร และมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนที่โทษหรือเรื่องร้ายอะไรจะเกิดขึ้น
สรุปคำตอบของหมาป่า กับคำถามที่ว่า "เมื่อไหร่จึงควรเสี่ยง?" ก็คือ...
"เราควรจะเสี่ยงกับสิ่งๆหนึ่ง เมื่อเราได้ขจัดความเสี่ยงจากความไม่รู้ในสิ่งนั้นไปแล้วอย่างเพียงพอตามที่เราพอใจแล้ว และสำหรับเรา เรามองว่าประโยชน์ที่จะได้กับความน่าจะเป็นที่จะได้ประโยชน์นั้น มันมากกว่า โทษที่อาจเกิดขึ้นกับความน่าจะเป็นที่จะเกิดโทษนั้นขึ้น"
ผมพูดเอง ยังงงเองเลย ถ้าใครอ่านแล้วงง ก็ไม่แปลกครับ แต่ผมว่ามันก็เป็นอย่างนี้แหละ
เอาเป็นว่า ถ้ายกตัวอย่างเรื่องการลงทุนในคริปโต
ถ้าใครอยากรวยมากๆ คุณก็ควรเสี่ยงซื้อมันมากๆ แม้คุณจะรู้เกี่ยวกับมันน้อยมากก็ตาม
แต่ถ้าคุณไม่ได้อยากรวยอะไรมากมาย และคุณกลัวอย่างมากที่จะจนมากด้วยซ้ำ คุณก็ควรซื้อน้อยๆ หรือ ไม่ซื้อเลย
และไม่ว่าคุณจะซื้อมาก หรือ ซื้อน้อย หรือไม่ซื้อเลย มันจะมีความเสี่ยงส่วนนึงที่คุณขจัดให้ลดลงได้ นั่นคือความเสี่ยงส่วนที่เกิดจากความไม่รู้ไม่เข้าใจของคุณเอง
โฆษณา