Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ป
ปกรณ์ ปราสาททอง
•
ติดตาม
1 ธ.ค. 2021 เวลา 16:18 • ปรัชญา
พระแม่พระธรณี .(๒). สิ่งนั้นอยู่ภายในกายเราได้อย่างไร ก็มาจากหูตาจมูกลิ้นกายใจ ที่บรรจงส่งไปให้จิต จิตก็เก็บไว้เก็บแม่ทั้งสี่ แม่พระธรณี แม่พระคงคา แม่พระเพลิง แม่พระพาย ที่ประกอบขึ้นมาเป็นกายเป็นขันธ์ห้าที่เราอาศัยอยู่
การสร้างบุญ สร้างกุศลด้วยจิตและกายนั้น จะทำยากลำบากก็ต้องกระขึ้นมา เพื่อจิตของเรา จะได้อยู่ในเรือนกายที่มีความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่อยู่ในเรือนกายหากินหาอยู่หานอน ไปวันหนึ่งๆเท่านั้น เราต้องการกายที่ยุติแห่งความทุกข์และความสุขทั้งหลาย จะได้ไม่มีกายที่มันเกิดขึ้น ให้มันเกิดแก่เจ็บตาย ไม่ไปยึดกายสมมุติ ให้มันเกิดขึ้นให้แก่จิตของเรา ต้องการกายเป็นวิมุติจุติขึ้นมา เป็นจิตที่บริสุทธิ์ผุดผ่องเกิดขึ้น
การที่อยากจะรู้จักเรื่องราวของพระแม่ธรณีก็ดี พระแม่พระธรณี ที่จริงแล้วท่านก็ประกอบด้วย แสงสีปรากฏขึ้นมา ขยายเป็นวัฎจักรมีดินน้ำลมไฟเกิดขึ้น ดินน้ำลมไฟ ก็มีตั้งเป็นเทพเจ้า ที่เค้าเรียกกัน แต่ไม่ใช่น่ะ เป็นสายสายหนึ่งแห่งแสงรัตนะ แสงที่ปรากฏขึ้นกับดินฟ้าอากาศเท่านั้น แต่ใครไปลบหลู่เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น เพราะเค้าเป็นดินน้ำลมไฟ ดินฟ้าอากาศ เมื่อๆดูถูกดูแคลน ผู้นั้นก็จะต้องลำบาก จะไม่มีดินน้ำลมไฟ ที่ประกอบขึ้นมาเป็นตัวคนที่เป็นกายมนุษย์ที่ดีได้ จิตไปอยู่ในเรือนกายมนุษย์ที่ไม่ดี จิตก็ต้องทุกข์ระกำลำบากไป แล้วต้องไปอีกยาวนาน ที่ไม่สามารถจะแก้ไขได้ง่ายๆ
เพราะฉะนั้น การทำบุญแต่ละครั้งขอให้ตั้งจิตตั้งใจ ให้แน่วแน่ระวังว่า จิตของเราตอนถวาย มีอะไรหรือเปล่า คิดอะไรหรือเปล่า จิตต่องไม่คิดอะไรเหมือนกายเรานิ่ง ตาของเรา..ถ่ายรูปกายที่นิ่ง เพื่อส่งไปให้จิตของเรา วิญญาณหูของเราก็พึงฟัง เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น แม้แต่เสียงของตัวเองก็ต้องฟัง ถ้าไปกล่าวเสียงสิ่งที่ไม่ดี เราก็จะได้ สิ่งที่ไม่ดีกลับไป ถ้าเรากล่าวเสียงสูงขึ้นมา วิญญาณหูก็กล่าวเสียงสูงๆเข้าไปในจิต จิตก็จะรับรู้เรื่องราวต่างๆ ก็จะไปแก้ไขเรื่องราวของกาย ที่มันเป็นความทุกข์ ใช้กายที่วุ่นวาย ก็จะมาหยุดอยู่การที่ไม่วุ่นวาย คือ การที่ต้องมาสลัด เรื่องราวของโลภโกรธหลงออกจากกายของตัวเอง แต่ว่าเราก็ไม่รู้ว่า สิ่งนั้นอยู่ภายในกายเราได้อย่างไร ก็มาจากหูตาจมูกลิ้นกายใจ ที่บรรจงส่งไปให้จิต จิตก็เก็บไว้เก็บแม่ทั้งสี่
คราวนี้เราก็ต้องเอาออก เอาออกก็โดยการฝึกหัดปฏิบัติธรรม ปล่อยไปตามแสงของรัตนะ คือการกระทำให้กายนิ่งจิตนิ่งนั้นเอง เช่นเดินนิ่งๆ นั่งนิ่งๆ ยืนนิ่งๆ นอนนิ่งๆ ให้จิตไปทำงาน หยิบเอาสิ่งที่เราสะสมไว้ภายในกาย ทิ้งออกไปๆ เหมือนกับ ผู้ที่ลงแล้ว หยิบเอาของในเรือทิ้งออกไปๆ ทิ้งลงไปในน้ำ ให้ลอยลงไป สิ่งทั้งหลายที่อยู่ภายในลำเรือมันหมดแล้ว เรือก็จะเบา เราก็พายเรือขึ้นน้ำได้สบาย เหมือนกับจิตเราเหมือนกัน จะนั่งจะเดิน จะอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเรามีกิริยาของการหยิบสิ่งนั่นทิ้ง สิ่งนั้นก็จะค่อยๆออกไป ทีละเล็กทีละน้อยไป ไม่ใช่ออกไปทีเดียวหมด เพราะว่าการสะสม ก็สะสมมาทีละเล็กทีละน้อยเหมือนกัน
การที่จะเอาออกไปมันก็ยาก แม้แต่เล็กๆน้อยๆก็ยังออกยาก ก็ต้องฝึกหัดในการสร้างบุญไปก่อน เช่น ทำบุญด้วยกายนิ่ง จิตเฉย จิตไม่คิดอะไรจริงๆ ระหว่างที่ถวายพระ ประเคนพระ ไม่ใช้จิตไปคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ ตาก็เหลือบไปโน้นไปนี่ ไม่ดูว่า ..ไม่เอาตามาดู ว่าจิตของเราตอนนี้กำลังอยู่กับกายที่มีบุญ แต่ไปเอาตาเหลือบไปอยู่ตรงโน้นตรงนี้ หรือ มองตรงโน้นตรงนี้เกิดขึ้น มันก็มีแต่เรือนกายที่เป็นกรรมเกิดขึ้น หาเรือนกายที่เป็นบุญไม่
การที่เรากระทำได้เหมือนกับพุทธกาล ที่เค้าทำบุญกัน เค้าต้องนิ่งจริงๆ เมื่อจิตไม่นิ่งกายไม่นิ่ง พระท่านไม่รับหรอก ไม่รับสิ่งของจากโยม เพราะต้องการให้โยมมีบุญ มีบารมี หนีเวรหนีกรรม ที่ติดมาจากจิตมาหลายชาติหลายภพ หลุดออกจากสิ่งที่ติดอยู่กับจิตนั้น หลุดออกจากสังขาร หรือ ออกจากจิตนั้นไป หรือ การที่ว่าข้าพเจ้าไม่มีกรรมเลย ไม่ได้คดโกงใคร ซื่อสัตย์มีความเมตตาต่างๆ วาจาต่างๆ กายไปสัมผัสโน้นสัมผัสนี่ มันลงไปที่ไหน มันลงไปที่จิตของเราทั้งนั้น แล้วก็ฝากไว้กับแม่ทั้งสี่แล้วนี่ เราก็หยิบออกจากแม่ทั้งสี่เหมือนกับเราลงเรือ
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย