1 ธ.ค. 2021 เวลา 16:20 • ปรัชญา
พระแม่พระธรณี .(๓)..การหยิบของออกจากแม่ทั้งสี่
กายเราก็เหมือนเรือลำหนึ่งมันง่ายมั้ย สมมุติเช่นนี้ ว่ากายเป็นเรือ ของที่อยู่เต็มเรือ เราสามารถเอามือไปหยิบทิ้งได้ แต่ว่าการหยิบทิ้งแต่ละอย่างก็ต้องดูเหมือนกัน เกิดเอา..หยิบบุญบารมีทิ้งก็น่าเสียดาย เช่นการมาสร้างบุญสร้างกุศล การประพฤติปฏิบัติเนี่ย พอเราได้ เรารู้ว่านี่เป็นบุญเป็นบารมีเกิดขึ้น แต่ก็หยิบเอาไปทิ้งเสียอย่างนั้น ไม่สนใจในบุญ ไม่สนใจในบารมีของตน ก็หยิบไปทิ้งลงแม่น้ำไป ลอยไป เหลือแต่โลภโกรธหลง ไว้ให้เต็มลำเรือ ไว้ให้เราใช้เรากิน เราก็โลภอยู่อย่างนั้น เราก็ทุกข์อยู่อย่างนั้น เกิดมากี่ชาติๆ มันก็มีแต่ทุกข์ ทุกข์ไม่รู้จักจบ แล้วก็แต่ละชาติ มันได้เรือแบบนี้เมื่อไหร่ บางคนก็ได้เรือสวย บางคนเรือไม่ดี บางคนเรือที่ผุๆพังๆเกิดขึ้น เช่น ง่อยเปลี้ยเสียขาหูหนวกตาบอด อะไรต่างๆ
อย่าไปหลง แม้เรือผุๆพังๆก็พยายามซ่อม พยายามแตะต้องให้มันดี แล้วเราก็พยายามที่จะพาย ที่หยิบของสิ่งนั้นออกจากลำเรือนั้น เพื่อให้เรือนั้น ที่มันผุๆพังก็จะใช้ ใช้งานในเรือนั้นได้ดีเหมือนกัน แต่นี่ไม่ พยายามที่ดูแลเรือเลย เมื่อมันผุๆพังๆ ก็ให้มันผุๆพังอยู่อย่างนั้น คือ ได้เป็นง่อยเปลี้ยเสียขา ก็ให้มันเป็นอยู่อย่างงั้น ก็มีแต่เรื่องโลภโกรธหลงอยู่อย่างงั้น จะหยุดยั้งได้เรื่องราวอารมณ์หยุดไม่ได้ เพราะการสะสมนั้น ไม่มีใครไปชี้แจง ไม่มีใครจะบอกกล่าวเค้า ว่าวิธีการนั่น ต้องอย่างนี้ต้องทำอย่างนี้ ถึงแม้ว่า ง่อยเปลี้ยเสียขาก็หยุดได้ หูหนวกตาบอดก็หยุดได้ แต่หยุดที่จิต แต่ไม่สามารถที่จะหยิบของนั่นทิ้งได้ง่าย ทิ้งแต่ละอย่าง ต้องพิถีพิถันมาก จิตต้องนิ่งจริงๆ
แต่ผู้ที่มีลำเรือดีแล้ว ก็สามารถจะหยิบ เลือกเอาสิ่งไม่ดีไม่งามทิ้งจากเรือนั้นไป ก็หมั่นฝึกการทำบุญการสร้างบารมีให้แก่จิตของเรา ไม่ได้ไปให้แก่ใคร แล้วการที่เราไม่ได้ฟังเรื่องราวต่างๆ เพราะว่าเรายังไม่มีปัญญา
แต่โดยมาก..จิตทั่วไป จะบอกว่าข้าพเจ้ามีปัญญารู้เรื่องราวต่างๆมากมายก่ายกอง ดีชั่วรู้หมด แต่ไม่ยอมทิ่งดีขั้วอะไรต่างๆไม่ยอมทิ้ง เพราะมันไม่รู้จริงก็เลยต้องเก็บไว้อย่างนั้น เก็บไว้ในตัวก็เลยมีแต่ความโลภ มีความโลภหลง อยู่ในตัวตนของตัวเอง เพราะไม่มีใคร ไปจุดไส้เทือนคือติดให้สว่างไสว ให้ดูว่าตรงนั้นมันทุกข์ ตรงนี้มันสุข เค้าจุดให้ แต่ไม่ยอมไปส่องสิ่งที่มีสุข แต่ไปส่องสิ่งที่มีความทุกข์เกิดขึ้น
เช่น เหมือนกับมาวันนี้ เหมือนกับติดไส้เทียน ให้แสงสว่างแล้ว เมื่อไหร่หนอ ถึงจะพูดเรื่องโชคลาภ มียศฐานบรรดาศักดิ์ หรือ มีอยู่เย็นเป็นสุขอะไรต่างๆ เมื่อไหร่..จะกล่าวคำนั้นให้แก่ข้าพเจ้า เอาไส้เทียน ไปส่องอยู่อย่างนั้น เค้าบอกให้ทิ้งเรื่องราวของกรรม เค้าบอกให้มาส่องตรงนี้ ให้มาเป็นธรรมเกิดขึ้น ธรรมเนี่ย..ปลดเปลื้องเรื่องราวของกรรม ไม่ใช่เรื่องราวที่จะมายึดถือกัน สุขเค้าก็ไม่เอา ทุกข์เค้าก็ไม่เอา อยู่กลางๆไม่มีทุกข์มีสุข การที่จะมีสุข เราก็ต้องกระตือรือร้นไปหาสุข เรามีทุกข์เราก็กระตือรือร้นไปหาทุกข์เหมือนกัน ฉะนั้น ไม่ไปไหนเสียเลย อยู่เฉยๆนิ่ง จิตก็ไม่ต้องไปวุ่นวาย ไม่ต้องเดินทางไปไหน อยู่นิ่ง..นิ่งนั้น ก็คือ พระนิพพาน ไม่มีอะไรที่จะใช้สอยอีกทีแล้ว
นั่นคือ ให้ฝึกกันตรงนี้ แล้วการทำบุญ ก็พยายามบอกให้ไปสร้างบุญที่หน้าพระ หมั่นฝึก หมั่นทำเข้า แล้วก็เคลื่อนค้อยมาหา สถานที่ที่ เค้าสร้างบุญสร้างกุศลให้ถูกต้อง จะเป็นภิกษุรูปหนึ่งรูปใดก็ได้ ไม่ใช่มาภิกษุรูปนี้รูปเดียว ก็ต้องเลือกเหมือนกัน ตรงไหนที่เค้า พอจะทำให้เราสร้างบุญให้สนิท ติดอยู่กับจิตที่มีปัญญาของธรรม ที่แก้ไขนิสัยของตัวเราได้ เราต้องการตรงนี้
ที่เกิดมาเราต้องการ ใครน่ะ ..ชี้ให้เราเห็นว่า ทุกข์มันเป็นยังไง สุขมันเป็นยังไงเราต้องการอย่างั้น แต่นี่มาหาเรื่องราวโลภโกรธหลง มาหาเรื่องราวของความยึด เรื่องราวต่างๆแล้วเมื่อไหร่เราจะพ้นทุกข์สักที
อยากได้เงิน อยากได้ทอง พอได้มาแล้วมันก็ทุกข์ ไม่ได้ก็ทุกข์ มันเหมือนกันหมด แล้วอะไรจะไปวุ่นวายกับทุกข์นักหนา เรามีอะไร ที่จะกระทำ ทำให้มันเกิด ..ทำให้กายมีบุญ จิตมีปัญญาในธรรม เท่านั้นเราก็อยู่รอดแล้ว แต่นี่ไปเอาเรื่องราวของความยึด เอาเรื่องราวของพญามารมาตัวตั้ง แล้วเมื่อไหร่ เราจะยุติที่จะไปหาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปดูเรื่องราวของพระอรหันต์บ้าง องค์พระสิทธัตถะบ้าง ท่านทิ้งอะไรไปบ้าง ท่านไม่ต้องการอะไร ท่านมีอะไรมากมายก่ายกอง ทำไมท่านต้องทิ้ง แล้วเราไม่มี มีอยู่แค่นี้นะ เศษขี้ผงของท่านก็ยังไม่ได้ เราก็ยังไม่สามารถจะทิ้งได้ เพราะเรายังไม่มีปัญญาที่จะรู้จักคำว่าทุกข์นั่นเอง
ทุกข์เป็นอย่างไรไม่รู้จัก เพียงแต่รู้ว่า มันเกิดขึ้นแล้ว ก็พยายามจะแก้ไขเรื่องราวของทุกข์ทั้งนั้น แต่ไม่เอาเรื่องราวของบรามีหรือ บุญมาช่วยเหลือ แต่พยายาม แก้ทุกข์อันนี้ แก้เท่าไหร่ เงื่อนมันผูกแล้ว มันแกะออกยาก ถ้าเรามีปัญญาเอาปัญญาของการสร้างเป็นบุญบารมีเกิดขึ้น ปมทั้งหลายก็สามารถจะแก้ จะแกะได้ มันจะผูกแน่น ขนาดไหนก็แล้วแต่ เหมือนกับเอาลวดมาผูก แล้วมันเป็นขี้สนิมเนี่ย มันจะแกะออกมั้ย มันก็แกะไม่ออก เราก็ต้องค่อยๆแกะออกโดยปัญญาของเรา ต้องใช้วิธีอะไร ที่จะทำให้ลวดที่เป็นขี้สนิมที่เราผูกมัดจนแน่นเนี่ย จะทำอย่างไรจะเอาออกได้
โฆษณา