4 ธ.ค. 2021 เวลา 03:00 • การตลาด
กรณีศึกษา Spotify Wrapped กลยุทธ์ที่ทำให้คนหลักล้าน มาโฆษณาแอปให้แบบฟรี ๆ
พอเข้าสู่ช่วงเดือนธันวาคม ที่หน้าฟีดโซเชียลมีเดียของหลาย ๆ คน อาจได้เห็นบรรดาแฟน ๆ แอปพลิเคชัน Spotify แชร์สตอรีถึงรสนิยมการฟังเพลงหรือพอดแคสต์ของตัวเอง ผ่านฟีเชอร์อย่าง Spotify Wrapped
ซึ่งเจ้าฟีเชอร์นี้ ก็ได้พาเราย้อนกลับไปดูชีวิต ความทรงจำ และเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ผ่านการสรุปเป็นข้อมูลสถิติพฤติกรรมการฟังเพลงของเรา เช่น ศิลปินคนโปรด เพลง หรือพอดแคสต์ที่เราฟังบ่อยที่สุด เหมือนเป็นไดอารีบันทึกเรื่องราวส่วนตัว
แต่นอกจากเราจะได้หวนรำลึก นึกถึงอดีตผ่านสถิติการฟังเพลงแล้ว
ฟีเชอร์นี้ยังเป็นอีกหนึ่งสุดยอดแคมเปญการตลาด ที่ได้โฆษณาตัวเองจนเกิดเป็นไวรัล แบบไม่ต้องเสียเงินมากมาย เพื่อจ้างอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังมาโปรโมต อีกด้วย
เพราะแคมเปญนี้ได้ทำให้ผู้คนหลายล้านคนกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ของ Spotify โดยที่เจ้าของแอปพลิเคชันไม่ต้องเสียเงินจ้างเลยสักบาท
เพียงแค่ผู้ใช้งานแชร์ Spotify Wrapped ลงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของตัวเอง เช่น Twitter, Facebook, Instagram ก็ทำให้ได้พื้นที่สื่อไปอย่างเต็ม ๆ
1
เพราะเจ้าแคมเปญนี้ได้เล่นกับพฤติกรรม FOMO ของคน ที่กลัวว่าจะตกเทรนด์หากไม่ได้แชร์เหมือนคนอื่น ๆ ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้ Spotify ดึงดูดผู้ใช้ใหม่ ๆ ให้เข้ามากดดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน เพื่อแชร์รสนิยมของตัวเองให้โลกรู้บ้าง
แล้วอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ Spotify Wrapped ประสบความสำเร็จจนเป็นไวรัล ที่ใครเห็นก็ต้องแชร์ ?
สิ่งแรกก็คงหนีไม่พ้น พฤติกรรมของคน ที่ต้องการโชว์อัตลักษณ์ รสนิยมของตัวเอง สู่โลกภายนอก ทำให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นใครและสนใจอะไร
ซึ่งนอกจากเสื้อผ้าหน้าผม และการเข้ามาทำความรู้จักแล้ว
อีกหนึ่งสิ่งที่สามารถบ่งบอกตัวตนเราไม่แพ้กัน ก็คือ รสนิยมการฟังเพลง หรือการเสพสื่อ
ซึ่งฟีเชอร์นี้ก็ตอบโจทย์ตรงที่เราสามารถแชร์รสนิยมการฟังเพลงของเราให้คนอื่นรับรู้
อย่างไรก็ตาม การที่เราแชร์รสนิยมการฟังเพลงของเรา ก็ไม่ได้แค่อยากให้คนอื่นรับรู้ หรือเห็นรสนิยมของเราเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้ได้มีส่วนร่วมทางสังคมกับเพื่อน ๆ หรือศิลปินที่เรารัก
เพราะเจ้าฟีเชอร์นี้แสดงให้เห็นว่าเราเป็นแฟนตัวยงของศิลปินคนโปรด จากการโชว์ว่าสตรีมเพลงของพวกเขามากขนาดไหนในแอปพลิเคชัน Spotify
แต่การที่คนเราอยากจะแชร์ถึงอัตลักษณ์ รสนิยมของตัวเอง จะให้มาแชร์เพลงธรรมดา ๆ ก็คงไม่ได้
สิ่งสำคัญคือ ต้องทำคอนเทนต์ให้คนรู้สึกว่าอยากแชร์
ซึ่งเรื่องนี้ Spotify ก็ใช้ Data ของผู้ใช้งานที่มีอยู่ มาต่อยอดและใช้สร้างสรรค์ออกมาในรูปแบบใหม่ ๆ เช่น ทั้งปีเราฟังเพลงไหนมากที่สุด ฟังเพลงจากกี่ประเทศ หรือฟีเชอร์ล่าสุดของปีนี้อย่าง Spotify Aura ที่จัดหมวดหมู่เพลงตามอารมณ์ต่าง ๆ เพื่อบอกว่าอารมณ์ของเพลงที่เราฟังส่วนใหญ่เป็นแบบไหน
ซึ่งเรื่องนี้ก็เรียกว่าเป็นอะไรที่ครีเอทีฟสุด ๆ จนกลายเป็นฟีเชอร์ที่ใครเห็นทีก็คงอดใจไม่ไหว ต้องขอกดแชร์
1
และเมื่อมีฟีเชอร์ที่ตอบสนองกับพฤติกรรมคนได้เป็นอย่างดี และมีคอนเทนต์ที่น่าแชร์แล้ว
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ฟีเชอร์นี้ของ Spotify ครองใจใครหลายคน ก็คงหนีไม่พ้นความใช้ง่าย และแชร์ได้หลากหลาย เพราะกดแค่เพียงปุ่มแชร์ปุ่มเดียว ก็พร้อมแชร์ได้ทันที
และไม่ได้แค่ให้เราแชร์ไป IG Stories เท่านั้น แต่เรายังแชร์ไปได้ทั้ง Facebook และ Twitter อีกด้วย
สำหรับ Twitter แล้ว ฟีเชอร์นี้ยังทำให้เราสามารถแท็กไปหาศิลปินคนโปรดพร้อมทั้งใส่ Official Hashtag ให้เป็นที่เรียบร้อย และถ้าศิลปินของเรามาเห็น ก็คงอดไม่ได้ที่จะรีทวีตลงไปบนพื้นที่สื่อของตัวเอง เรียกได้ว่า Win-Win กันทุกฝ่าย ทั้งแฟนคลับและศิลปินที่ได้แสดงความรักต่อกัน
รวมถึง Spotify ที่ได้พื้นที่สื่อจากศิลปินเหล่านี้ไปเต็ม ๆ โดยไม่ต้องเสียเงินจ้างมาโปรโมตเลยก็เป็นได้
2
แล้วแคมเปญนี้ประสบความสำเร็จขนาดไหน ?
ในสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม ปี 2019 หลังจาก Spotify Wrapped ปล่อยออกมาให้เราได้เล่นกัน
ทาง Spotify ก็ได้บอกกับ Forbes ว่า ผู้ใช้มากกว่า 60 ล้านคน มีส่วนร่วมกับฟีเชอร์ Wrapped
นอกจากนี้ยังได้รับความนิยมอย่างมากในโซเชียลมีเดีย เช่น Twitter ก็ได้ออกมาบอกว่า Wrapped ได้รับการกล่าวถึงอย่างน้อย 1.2 ล้านโพสต์
1
หรือเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา ผู้ใช้งานมากกว่า 90 ล้านคน ได้มีส่วนร่วมกับแคมเปญ Wrapped ของ Spotify
และเพียงแค่สัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม ฟีเชอร์นี้ก็ได้ทำให้ยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Spotify เพิ่มขึ้นถึง 21%
2
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเชอร์ที่เรียกได้ว่าตีโจทย์แตกจาก Spotify
หากเรามองเผิน ๆ ก็คงเหมือนกับการแชร์เล่นขำ ๆ กันในหมู่เพื่อน ๆ
แต่ฟีเชอร์นี้กลับเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ Spotify ได้พื้นที่สื่อไปเต็ม ๆ
แล้วถ้าเราเป็นหนึ่งในผู้ใช้งาน Spotify วันนี้เราได้แชร์ไดอารี Wrapped แล้วหรือยัง ?
1
โฆษณา