5 ธ.ค. 2021 เวลา 01:09 • คริปโทเคอร์เรนซี
การล่มสลายของ Crypto จะเกิดอะไรขึ้นถ้า bitcoin มูลค่าลดลงเหลือศูนย์?
4
การขยายตัวล่าสุดของจักรวาล crypto เป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจ ในปีที่แล้วมีประมาณ 6,000 สกุลเงินที่ได้เข้าจดทะเบียนบน CoinMarketCap แต่ในทุกวันนี้มีมากกว่า 11,145 สกุลเงินที่มีการจดทะเบียน โดยมูลค่าตลาดรวมพุ่งขึ้นจาก 330 พันล้านดอลลาร์เป็น 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่ากับ GDP ของแคนาดาโดยประมาณ โดยมีกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ไม่ซ้ำกันมากกว่า 100 ล้านใบเพิ่มขึ้นประมาณสามเท่าเมื่อเทียบกับปี 2018
19
การล่มสลายของ Crypto จะเกิดอะไรขึ้นถ้า bitcoin มูลค่าลดลงเหลือศูนย์?
ผู้ที่เข้ามาลงทุนในตลาดอันหอมหวนนี้ก็มีความซับซ้อนมากขึ้นเช่นกัน โดยมีส่วนของสถาบันคิดเป็น 63% ของการซื้อขายทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเพียงแค่ 10% ในช่วงปี 2017
2
Skybridge กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ดำเนินการโดย Anthony Scaramucci เป็นตัวอย่างที่ดี กองทุนที่มีความหลากหลายมูลค่ากว่า 3.5 พันล้านดอลลาร์เริ่มลงทุนใน crypto ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2020
4
ในเดือนมกราคม 2021 ได้เปิดตัวกองทุน bitcoin มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ มีการเปิดรับลูกค้า 26,000 รายซึ่งมีตั้งแต่บุคคลร่ำรวยไปจนถึงกองทุนความมั่งคั่งต่าง ๆ โดยถือสกุลเงินหลักอย่าง Bitcoin คิดเป็น 9% ของมูลค่าทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดิม 5% และตอนนี้กองทุนเฉพาะดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 700 ล้านดอลลาร์
7
อย่างไรก็ตาม การเติบโตที่เกิดขึ้นกลับมีความผันผวนสูงที่มาก ๆ โดยส่วนใหญ่ใช้ความปั่นป่วนที่เป็นตัวกำหนดลักษณะของตลาดคริปโต Bitcoin ลดลงจาก 64,000 ดอลลาร์ในเดือนเมษายนเป็น 30,000 ดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม และพุ่งกลับไปที่ 67,000 ในเดือนพฤศจิกายน และราคาเพิ่งตกลงมาอีกรอบในไม่กี่วันที่ผ่านมาที่ราคา 48,000 ดอลลาร์
2
กลุ่มสถาบันคิดเป็น 63% ของมูลค่าการซื้่อขายทั้งหมด (CR:The Economist)
ความน่าสนใจจากบทความของ The Economist ที่เกิดคำถามว่าผลกระทบจะเลวร้ายเพียงใด หากลองจินตนาการว่าราคาของ bitcoin ตกลงไปจนเหลือศูนย์
1
ถ้า bitcoin มูลค่าลดลงเหลือศูนย์?
ต้องบอกว่ามันมีปัจจัยที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นความล้มเหลวทางเทคนิค หรือการแฮ็กครั้งใหญ่ของแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนชั้นนำ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมานับต่อนับแล้วในอดีตอย่างการล่มสลายของ Mt.gox หรืออาจจะมาจากปัจจัยภายนอก เช่น การปราบปรามโดยหน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ ของรัฐที่เข้มงวดมากขึ้น
7
Mohamed El-Erian ผู้จัดการสินทรัพย์ จาก Allianz กล่าวว่ามีนักลงทุน crypto อยู่สามประเภท: “ผู้มีความรู้พื้นฐาน” ซึ่งเชื่อว่า bitcoin จะเข้ามาแทนที่สกุลเงินที่รัฐบาลออกให้ในวันหนึ่ง “นักวางกลยุทธ์” ซึ่งคิดว่าค่าของมันจะเพิ่มขึ้นเมื่อมีผู้คนเข้ามาลงทุนมากขึ้น และ “นักเก็งกำไร” ที่ต้องการเล่นเพื่อการพนัน
10
ซึ่งหาก bitcoin ล่มสลายจริง ๆ คนกลุ่มแรกคงไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะเทขายหมดน้อยที่สุด ส่วนกลุ่มที่สามที่เป็นนักเก็งกำไรจะหนีไปเมื่อเห็นสัญญาณปัญหาเพียงครั้งแรก ส่วนคนกลุ่มที่สองจะถูกเกลี้ยกล่อมให้อยู่ต่อ แต่สุดท้ายก็คงอยู่ไม่ไหวอยู่ดีหากราคาตกลงไปที่ศูนย์
6
สิ่งที่จะส่งผลต่อไปคือ นักขุด Bitcoin ผู้ตรวจสอบการทำธุรกรรมเพื่อแลกกับโอกาสในการได้รับเหรียญใหม่ จะมีแรงจูงใจน้อยลงที่จะดำเนินการต่อไป ทำให้กระบวนการตรวจสอบและอุปทานของ Bitcoin หยุดชะงักลง นักลงทุนอาจจะทิ้ง cryptocurrencies อื่น ๆ ด้วย ความโกรธเคือง
9
ผลที่ได้คือการทำลายความมั่งคั่งของกลุ่มคนจำนวนมาก นักลงทุนที่ถือ bitcoin เป็นเวลานานกว่าหนึ่งปีโดยซื้อมันในราคาที่ต่ำจะขาดทุนน้อยกว่า แม้จะได้กำไรมหาศาล แต่มันก็ยังไม่เกิดขึ้นจริง
4
การสูญเสียที่ใหญ่ที่สุดจะตกอยู่กับผู้ที่ซื้อน้อยกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาที่ราคาเฉลี่ย 37,000 ดอลลาร์ ซึ่งจะรวมถึงสถาบันส่วนใหญ่ที่เข้ามาเดิมพันกับ crypto รวมถึงกองทุนป้องกันความเสี่ยง กองทุนมหาวิทยาลัย กองทุนรวม และกองทุนของบริษัทบางแห่งที่เข้ามาร่วมด้วย
7
มูลค่ารวมที่สูญหายไปจะมากกว่ามูลค่าตลาดของสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด และจะกวาดล้างการลงทุนภาคเอกชนในบริษัท crypto เช่นแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยน (มูลค่า 37 พันล้านดอลลาร์) รวมถึงมูลค่าของบริษัท crypto ที่จดทะเบียน (มูลค่าประมาณ 90,000 ล้านดอลลาร์)
6
บริษัทชำระเงินเช่น PayPal, Revolut และ Visa จะสูญเสียธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้การประเมินมูลค่าของบริษัทพวกเขาแย่ลง บริษัทต่างๆ ที่ได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตของ crypto เช่น Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป ก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยรวมแล้ว อาจสร้างความสูญเสีย 2 ล้านล้านดอลลาร์ จากคลื่นกระแทกแรกนี้
9
Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป ก็จะได้รับผลกระทบเช่นกันจากเหมืองขุด crypto (CR:Data Center Knowledge)
หลังจากนั้นจะลุกลามแพร่กระจายผ่านหลายช่องทางไปยังสินทรัพย์อื่น ๆ ทั้งคริปโตและกระแสหลัก ช่องทางหนึ่งคือกลุ่มที่ใช้เลเวอเรจ ซึ่ง 90% ของเงินที่ลงทุนใน bitcoin ทั้งหมดนั้นถูกใช้ไปกับอนุพันธ์
3
โดยส่วนใหญ่มีการซื้อขายในแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนที่ไม่ได้รับการควบคุม เช่น FTX และ Binance ซึ่งลูกค้ามีการกู้ยืมเงินมาเพื่อทำการเดิมพันที่ใหญ่ขึ้น การแกว่งตัวของราคาเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เกิดการเรียกมาร์จิ้นขนาดใหญ่
4
ความเร่งรีบเพื่อตอบสนองความต้องการมาร์จิ้นในสกุลเงินดิจิทัล อาจบังคับให้กลุ่มนักพนันต้องทิ้งสินทรัพย์ทั่วไปเพื่อเพิ่มเงินสด เนื่องจากการถือครอง crypto ของพวกเขาจะไม่คุ้มค่าอีกต่อไป ซึ่งอาจมีการเทขายออก ซึ่งขอบเขตของเลเวอเรจในระบบนั้นยากต่อการวัดความเสียหายได้อย่างชัดเจน
4
ผลกระทบต่อมาคือ “stablecoins” ที่ขับเคลื่อนการซื้อขาย crypto เนื่องจากการแลกเปลี่ยนดอลลาร์สำหรับ bitcoin นั้นช้าและมีค่าใช้จ่ายสูง ผู้ค้าที่ต้องการรับผลกำไรและนำเงินกลับมาลงทุนใหม่มักจะทำธุรกรรมในสกุลเงินที่มีเสถียรภาพ ซึ่งผูกติดอยู่กับดอลลาร์หรือยูโร เหรียญดังกล่าว ซึ่งใหญ่ที่สุดคือ Tether และ USD coin มีมูลค่ารวมกันถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในแพลตฟอร์ม crypto บางแพลตฟอร์มถือเป็นวิธีหลักในการใช้แลกเปลี่ยน
7
ซึ่งการออกเหรียญสำรอง Stablecoins ต้องมีสินทรัพย์มา backup เหมือนกับกองทุนตลาดเงิน แต่พวกเขาไม่ได้ถือไว้เป็นเงินสดเพียงอย่างเดียว ตัวอย่างเช่น Tether กล่าวว่า 50% ของสินทรัพย์ของบริษัทถูกเก็บไว้ในเงินสด 12% ในสินเชื่อที่มีหลักประกัน และ 10% ในพันธบัตรองค์กร กองทุน และโลหะมีค่าต่างๆ
1
การล่มสลายของ crypto อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในวงกว้าง โดยขอบเขตของสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นยังไม่ชัดเจน: มีองค์กรจำนวนมากที่เข้ามาเกี่ยวพันกับการลงทุนใน cryptocurrencies แต่ต้องบอกว่ามีเพียงไม่กี่แห่งที่มีส่วนแบ่งความมั่งคั่งมหาศาลจากพวกมัน
1
ดังนั้นการสูญเสียจะแพร่กระจายเป็นวงกว้างมาก ๆ แต่ส่วนของภาคธนาคารเองนั้นมีภูมิคุ้มกันค่อนข้างสูง และส่วนใหญ่จะไม่รีบเร่งที่จะถือ bitcoin ในงบดุลของพวกเขา
1
แต่กรณีที่แย่กว่านั้นไม่ใช่เรื่องยากที่จะจินตนาการ อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำทำให้นักลงทุนต้องเสี่ยงมากขึ้น การล่มสลายของ crypto อาจทำให้เกิดสินทรัพย์แปลกใหม่อื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างราคา bitcoin กับหุ้น meme และแม้แต่หุ้นขนาดใหญ่ก็เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักพนันนำกำไรที่ได้จากหุ้นที่ล้าสมัยไปลงทุนใน crypto นั่นเอง
6
ซึ่งหากราคาของ bitcoin ตกไปจนถึงศูนย์จริง ๆ ในสถานการณ์แบบสุดโต่ง มันชี้ให้เห็นว่าเลเวอเรจ, stablecoins และความเชื่อมั่นเป็น key หลักที่จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างที่ขอบเขตกว้างใหญ่มาก ๆ และที่สำคัญตอนนี้สกุลเงินดิจิทัลก็มีความเกี่ยวข้องกับการเงินแบบเดิม ๆ มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น Goldman Sachs วางแผนที่จะเปิดตัวกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโต Visa ได้เปิดตัวบัตรเดบิตที่จ่ายรางวัลลูกค้าเป็น bitcoin
9
Visa ได้เปิดตัวบัตรเดบิตที่จ่ายรางวัลลูกค้าเป็น bitcoin (CR:Coindesk)
ซึ่งในขณะที่ crypto กำลังขยายตัว ศักยภาพและพลังของ crypto หากมันล่มสลายขึ้นมาจริง ๆ ก็จะทำให้ตลาดหยุดชะงักในวงกว้างได้เช่นเดียวกันนั่นเองครับผม
บทสรุป
3
ต้องบอกว่าเป็นการจำลองสถานการณ์ที่น่าสนใจเลยทีเดียวสำหรับบทความจาก The Economist ซึ่งลองจินตนาการถึงมุมมองที่เลวร้ายสุด ๆ เมื่อ bitcoin มูลค่าลดลงเหลือศูนย์
มันฉายภาพให้เห็นภาพใหญ่ของสิ่งที่พัวพันกับการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้ ที่มีผลกระทบเป็นวงกว้างมากกว่าที่หลาย ๆ คนคิด ซึ่งมันคงเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้นจริง แต่จะเห็นได้ว่าตอนนี้โลกการเงินมันได้หลอมรวมกันและส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน ซึ่งมันคงเป็นเรื่องยากที่จะปล่อยให้เกิดการล่มสลายของ Crypto อย่างแน่นอน
4
แต่ถ้ามองอีกแง่มุมหนึ่งก็ต้องบอกว่า cryptocurrencies เองก็ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ถูกขีดเขียนมาด้วยการเขียนโปรแกรม ซึ่งถือเป็นทั้งจุดแข็งและความเสี่ยงด้วยเช่นกัน ในวันนี้อาจจะเป็นวันที่รุ่งเรืองของเทคโนโลยีนี้
แต่ใครจะรู้อนาคต เพราะเทคโนโลยีขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วมากจนเราแทบตามไม่ทัน ซึ่งในอนาคต blockchain หรือ วิธีการแก้ปัญหา double spending ที่ cryptocurrencies ทำได้สำเร็จนั้น สุดท้ายก็อาจจะถูก disrupt โดยเทคโนโลยีใหม่ ๆ เหมือนที่โลกการเงินแบบเก่า ๆ กำลังจะถูก disrupt ในตอนนี้ก็เป็นได้เช่นกันครับผม
4
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
1
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
อย่าลืมเข้าไปพูดคุยกันในกลุ่มสำหรับ Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
คลิกเลย --> https://bit.ly/3E2DdM8
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา