มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!? เมื่อเพนกวินนอกใจคู่ของตัวเอง
เรื่องราวความรักของเพนกวินคู่หนึ่งเมื่อมันตัวผู้กลับมาเจอตัวเมียของมันอยู๋กับตัวผู้ตัวอื่น
.
จากรายงานของ National Geographic เมื่อประมาณปี 2016 ได้เผยแพร่คลิปวีดีโอเหตุการณ์ดังกล่าว
เมื่อเพนกวินตัวผู้ได้เดินทางกลับมาหาตัวเมียที่มันผสมพันธุ์ด้วย แต่กลับต้องพบว่า “แฟนของฉันมีผู้ชายอีกคนมาอยู่ด้วย” ทำให้ผู้ชายทั้งสองต่อสู้กันจนเสียเลือดเสียเนื้อ และในตอนจบที่ใจสลาย ตัวผู้ตัวแรกกลับต้องพ่ายแพ้ ยืนมอง “เขาและเธอ” อยู่ด้วยกันอย่างเดียวดาย
.
ช่างเป็นช่วงเวลาที่หัวใจแตกสลายต่อคนดู และผมก็เชื่อว่าเพนกวินตัวนั้นก็หัวใจแตกสลายด้วยเช่นกัน
.
คุณอาจสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงมีเหตุการณ์ที่น่าเจ็บปวดแบบนี้ขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับเพนกวิน เกิดอะไรขึ้นกับธรรมชาติ?
.
จริงๆ แล้วเหตุการณ์เหล่านี้เคยมีนักวิทยาศาสตร์ทำการศึกษาไว้แล้วตั้งแต่ปี 1999
เพนกวินตัวผู้เดิมกลับมาพบกับคู่ของมันอยู่กับตัวผู้ใหม่
เมื่อนักวิทยาศาสตร์ขี้สงสัย อยากรู้ว่าเพนกวินนั้นมีพฤติกรรมนอกใจไหม? พวกเขาจึงลงทุนไปที่ขั้วโลกใต้ที่ไม่ใต้เท่าไหร่คือประเทศเปรู เพื่อศึกษาเพนกวินฮัมโบลต์ (Humboldt Penguins) โดยการที่พวกเขาทำการเก็บข้อมูล DNA จากพ่อแม่ที่ทำการจับคู่กันแล้วแต่ยังไม่มีลูก และเก็บอีกครั้งเก็บอีกครั้งจาก DNA ของลูก นอกจากการเก็บ DNA แล้วพวกเขาก็ยังทำการสังเกตการณ์เป็นเวลาเกือบ 1 ในช่วงฤดูผสมพันธุ์
.
เราจะข้ามข้อมูลทางเทคนิคและข้อมูลทางสถิติไปกันที่ผลลัพธ์ นักวิทยาศาสตร์ต่างแปลกใจที่พบว่า DNA ของลูกนั้นมีความแตกต่างจากพ่อและแม่ทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญที่ 0.03 (เป็นค่าความแตกต่างของข้อมูลแต่ละชุดที่คำนวณด้วยสมการทางสถิติ โดยปกติจะกำหนดให้ไม่เกิน 0.05 หากท่านใดคุ้นเคยกับสถิติ ค่านี้คือค่า p นั่นเอง) นั่นหมายความว่าลูกที่เกิดมานั้นมี DNA ที่ค่อนข้างแตกต่างจากพ่อแม่ราวกับว่าไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ
และข้อมูลสนับสนุนอีกชุดจากการสังเกตพฤติกรรม พบว่าการผสมพันธุ์ทั้งหมดของเพนกวิน 106 ครั้ง มี 17.9% เป็นการผสมพันธุ์กับตัวที่ไม่ใช่คู่ของตัวเอง ซึ่งแบ่งเป็นตัวผู้ 19.2% และตัวเมีย 30.7%
.
จากการสรุปทั้งหมด นั่นหมายความว่าเพนกวินบางตัวไม่ว่าจะผู้หรือเมีย มันจะมีพฤติกรรมนอกใจคู่ของตัวเองเมื่อมีโอกาส นอกจากเพนกวินฮัมโบลต์แล้วยังมีการศึกษาเพนกวิน Adelie ก็ยังให้ข้อมูลที่สนับสนุนถึงพฤติกรรมนอกใจเช่นกัน (F.M. Hunter, 1998)
.
มันเกิดอะไรขึ้นกับธรรมชาติ? ทำไมธรรมชาติถึงสร้างแรงผลักดันให้สิ่งมีชีวิตนอกใจกันแบบนี้?
ตัวผู้ทั้งสองต่อสู้กันจนเลือดตกยางออก
จากสมมุติฐานที่นักวิทยาศาสตร์คิดนั้น มันเกิดขึ้นเพราะว่า “ความรวยและความหล่อมันไปด้วยกันยาก” เมื่อเพนกวินจะต้องสร้างรัง พวกมันจะใช้หินและกิ่งไม้สร้างเป็นบ้านที่ใช้กกลูก ด้วยความที่เพนกวินที่ค่อนข้างมีอายุมากนั้นมีประสบการณ์ในการหาวัตถุสร้างบ้านเหล่านี้ได้ดีกว่าเพนกวินอายุน้อย เปรียบเหมือนผู้ใหญ่ที่มีความสามารถหาเงินได้ดีกว่าเด็กๆ ก้อนหินและไม้จึงเป็นสิ่งสำคัญเหมือนเงิน (ในบริเวณขั้วโลกใต้นั้น หินและกิ่งไม้เป็นของหายาก)
.
เพนกวินที่มีอายุมากจึงมีโอกาสในการจับคู่ได้มากกว่า แต่ความรวยมักจะไม่หล่อเหมือนเด็กหนุ่ม เพราะเด็กหนุ่มนั้นแข็งแรงกว่า ความเเข็งแรงนี้ทำให้สเปิร์มของเด็กหนุ่มนั้นแข็งแรงกว่าเพนกวินอายุมาก มันจึงดึงดูดให้เพนกวินสาวมีการนอกใจเพื่อจะได้สเปิร์มที่แข็งแรงและได้บ้านที่รวย เพื่อเพิ่มโอกาสรอดของลูกๆ ของเธอ
ไม่ใช่แค่เพียงเพนกวินเพศเมียเท่านั้น เพนกวินเพศผู้ก็นอกใจเช่นกัน พวกมันมักไปหาตัวเมียตัวอื่นเมื่อมีโอกาส ด้วยเพราะเหตุผลง่ายๆ ยิ่งตัวผู้ได้ผสมพันธุ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถส่งผลต่อพันธุกรรมของมันได้มากเท่านั้น ทำให้ทั้งสองเพศนั้นมีพฤติกรรมนอกใจด้วยกันทั้งคู่
.
การศึกษาเหล่านี้ทำให้เราเข้าใจธรรมชาติมากยิ่งขึ้น และยังช่วยทำให้เข้าใจพฤติกรรมมนุษย์ด้วยเช่นกัน ทั้งในด้านจิตวิทยา ด้านมนุษยศาสตร์ เพิ่มความเข้าใจด้านการวิวัฒนาการ
ตัวผู้ตัวแรกเลือกที่จะเดินจากไป แต่มันกลับมามองราวกับว่ามันกำลังใจสลาย
ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าสนับสนุนการนอกใจในมนุษย์ มนุษย์คือชีวิตที่วิวัฒนาการก้าวผ่านพฤติกรรมตามความต้องการมาแล้ว พวกเราสร้างศีลธรรมขึ้นมา และการนอกใจในมนุษย์ไม่ได้ช่วยอะไรเลยทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และจิตใจ และอีกส่วนหนึ่ง สิ่งมีชีวิตทั้งหลายต่างมีความรู้สึกไม่ต่างกับเรา พวกเขาไม่ควรได้รับการปฏิบัติเหมือนกับเป็นสิ่งของ
.
ความรักนั้นเป็นสิ่งที่ยากจะเข้าใจ ในมุมมองของเราเป็นอีกแบบ และในมุมมองของเพนกวินก็เป็นอีกแบบ แต่ที่เหมือนกันก็คือเราและเขาก็มีความรู้สึกเหมือนๆ กัน
.
"ความรักอาจห่วยในบางครั้ง แต่เราก็ยังอยากจะรัก เพราะหากขาดความรักแล้ว โลกใบนี้ก็คงจะเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ"
.
ขอให้ทุกท่านได้เจอความรักที่ดี
.
สามารถรับชมเหตุการณ์ทั้งหมดได้ที่
- 148
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
